เรื่องราวต่างๆ ได้รับอนุญาตให้นำมาลงจากพี่หนุ่ม เมืองแกลง เรียบร้อยแล้ว
*******************************************
ตำนานพระสมเด็จเนื้อผงชั้นดี ด้านมหาโภคทรัพย์ ของหลวงพ่ออภิชิโต สร้างปี 2516
------ (เครดิตพี่หนุ่มเมืองแกลง) --------
หลวงพ่ออภิชิโต (อาจารย์ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ) เป็นพระสงฆ์ผู้เต็มไปด้วยปาฏิหาริย์ทั้งในด้านประวัติการศึกษาวิชาความรู้ทางไสยเวทย์และวัตรปฏิบัติของท่านเอง มีผู้รู้เห็นเป็นพยานในความมหัศจรรย์ทางอำนาจจิตของท่านมากนับร้อยคน ดังปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารต่างๆในสมัยก่อน แต่สิ่งหนึ่งที่คนใกล้ชิดจะรับรู้กันดีเสมอมาคือ แม้ว่าท่านจะดุหรือเข้มงวดกับการพูดและการกระทำของศิษย์มากสักเพียงใด แต่ท่านไม่เคยปฏิเสธการช่วยเหลือคนที่ไปกราบอ้อนวอนขอให้ท่านช่วยเลยสักรายเดียว ศิษย์บางรายไปบ่นให้ท่านฟังว่าเป็นหนี้มาก อยากมีโชคสักครั้งเพื่อจะได้ไถ่ถอนบ้านที่กำลังจะถูกยึดแล้ว ท่านก็ถามว่าเป็นหนี้สักเท่าไร เมื่อรู้ตัวเลขแล้วท่านก็เขียนเช็คส่วนตัวของท่านให้ไปทันทีพร้อมบอกว่า โชคลาภลอยเป็นของได้ยากหากไม่มีวาสนาหรือยังไม่ถึงเวลา ท่านช่วยด้วยวิธีนี้เร็วกว่าจะมัวรอโชค และเงินสดที่ท่านมีอยู่นั้นก็มากกว่าร้อยล้านบาท (ในสมัยปี 2515) และไม่ใช่มาการจำหน่ายวัตถุมงคลหรือรับบริจาคใดๆ เพราะท่านมีแต่แจกฟรีตลอดมาไม่ว่าจะพระสมเด็จวัดระฆังแท้ๆ ที่ดินหรือเงินก้อนโตส่วนตัวของท่าน แต่เงินของท่านนั้นเป็นเงินจากบรรพบุรุษต้นตระกูลที่แบ่งให้ท่านมา เพราะสมบัติของตระกูลท่านนี้ก็มีมากกว่าพันล้านบาทแล้วในปี 2500 บางรายท่านให้การช่วยเหลือด้วยเงินเป็นหลักล้านบาทสมัยนั้น เพราะธุรกิจล้มลงด้วยการบริหารที่ไม่เป็นระบบดีมากพอเช่นโรงสีของลูกศิษย์ท่านหนึ่ง และบางคนก็ล้มเพราะถูกพิษการลดค่าเงินบาทครั้งแรกทำให้ต้องปิดกิจการ
.
สิ่งที่ทุกคนจดจำไว้ในใจตลอดมาจนถึงทุกวันนี้คือ ท่านห่วงใยศิษย์ของท่านเสมอ ท่านคอยถามสารทุกข์สุขดิบ ความเป็นอยู่ในการดำเนินชีวิตว่ายังดีหรือสบายหรือไม่ ท่านไม่เคยลืมว่าใครขออะไรท่านไว้แม้จะนานหลายๆปี เมื่อถึงเวลาท่านจะเรียกไปพบและให้การช่วยเหลือหรือมอบของที่เคยเอ่ยปากขอไว้เมื่อนานปีมาแล้ว แม้ศิษย์ทั้งพระหรือฆราวาสก็เล่าไว้ตรงๆกันคือ ตบะอำนาจของท่านนั้นแข็งแกร่งแรงกล้าและมีมาก จนไม่มีใครกล้าสบตาท่าน หากเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านแล้วก็จะเข่าอ่อนใจสั่นกลัวท่านกันทุกคน แม้พระมหาเหลื่อม ผู้ที่ท่านส่งไปศึกษายังต่างประเทศที่น่าจะสนิทชิดเชื้อท่านไม่น้อย ก็ยังไม่กล้าแม้จะพูดเล่าเรื่องที่อยากขอความช่วยเหลือจากท่าน ต้องพึ่งพาคุณลุงจุก(ศิษย์เอกคู่ใจผู้ใกล้ชิดมากที่สุด) ที่ถือว่าเป็นคนที่กล้าพูดกับท่านมากที่สุดในสมัยนั้นคอยถ่ายทอดคำพูดให้ท่านฟัง ในวงในของลูกศิษย์ท่านทั้งหมดนั้น ศิษย์ท่านนี้ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่เหมือนทหารเอกคู่ใจ และสนิทกับท่านมากที่สุด คอยรับใช้มานานจวบจนวันสุดท้ายของหลวงพ่อเลยทีเดียว หลวงพ่อจึงให้ความเอ็นดูและเมตตาศิษย์ท่านนี้พร้อมครอบครัวไม่น้อยเช่นกัน
.
ในตลอดเวลาที่ท่านอาจารย์ชาญณรงค์ ศิริสมบัติยังทรงสังขารอยู่นั้น ท่านได้อนุญาตให้สร้างวัตถุมงคลไม่กี่ครั้ง ที่อนุญาตเป็นเรื่องเป็นราวจริงๆ มีเพียงการสร้างพระผงรุ่นสุดท้ายในปี2529 ครั้งเดียว ที่จัดพิธีปลุกเสกและมีคนอื่นๆช่วยทำในขั้นตอนต่างๆเป็นที่รับรู้ ได้เห็นได้ยินกันมากหลายคน นอกนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านจะทำจะด้วยตัวเองเงียบๆหรือปลุกเสกอธิษฐานให้กับของที่บรรดาศิษย์ไปจัดทำขึ้นมากันเอง ไม่ว่าจะเป็นเหรียญกษาปณ์รูปเหมือนเนื้อทองเหลือง สตางค์รูโบราณหรือเหรียญเบญจพิทักษ์ แต่วัตถุมงคลบางอย่างที่ท่านทำเองเงียบๆด้วยตนเองและมีจำนวนไม่มากนักเช่น สมเด็จดำ สมเด็จแดง สมเด็จเขียว สมเด็จขาว สมเด็จน้ำตาล ที่มีจำนวนน้อยชิ้นและหาได้ยากนั้น กลับมีราคาแพงมากในทุกวันนี้เพราะด้วยประสบการณ์ฉกาจฉกรรจ์เป็นเอกอุในด้านต่างๆและเป็นที่ประจักษ์กับผู้เคยได้มีติดตัว และไม่ทำให้ผู้มีไว้บูชาผิดหวังแม้แต่น้อย
.
แต่ด้วยปริมาณที่แบ่งปันกันได้ไม่ทั่วถึง แม้คนที่อยากได้จะมีกำลังทรัพย์หรือรู้จักคนมากเพียงใดก็ตามที และเป็นที่เล่าขานเรื่องราวมหัศจรรย์แปลกประหลาดอันเกิดขึ้นกับผู้มีไว้บูชา จนมีการเสาะหากันมาตั้งแต่ครั้งที่หลวงพ่ออภิชิโตยังทรงสังขารอยู่เมื่อครั้งก่อนเรื่อยมา ไม่ว่าจะเรื่องป้องกันภัยอันตรายที่เล่าจากสงครามลาว เวียดนาม ยุทธการเข้าค้อ เพชรบูรณ์ เรื่องทะเลเลือดที่เขากรุงชิง นครศรีธรรมราช หรือนาน้อย จังหวัดน่าน หรือความสำเร็จจากผลของการทำธุรกิจของเจ้าสัวใหญ่สิบกว่าราย ที่เป็นหัวแถวหน้าสุดของเมืองไทย การพลิกดวงชะตาครั้งใหญ่ของศิษย์อีกกว่าสามรายให้กลับมายิ่งใหญ่ระดับสูงสุดของเมืองไทย
.
ตัวท่านเองก็ไม่ได้เก็บตุนพระเครื่องที่ท่านทำไว้แต่อย่างใดเลย เมื่อปลุกเสกเต็มที่และครบด้วยสรรพวิชาต่างๆแขนงจนเห็นว่าใช้ได้ผลแน่นอนแล้ว ท่านก็จะมอบให้คนที่มีวาสนาหรือเป็นศิษย์ของท่านไปจนหมดและไม่เหลือเก็บไว้เป็นส่วนตัวอีก เพราะการที่ท่านจะได้สร้างวัตถุมงคลด้วยตัวท่านเองไว้ในแต่ละครั้งแต่ละอย่างนั้น ท่านกำหนดจุดประสงค์ไว้ชัดเจนว่า แบบนี้,อย่างนี้หรือเนื้อนี้ จะเน้นเพื่อกลุ่มคนแบบใด เน้นทำอะไร (แต่อำนาจด้านคุ้มครองป้องกันภัยนั้นถือได้ว่าเป็นพื้นฐานของวัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกที่จะมีครบถ้วนเช่นกันทุกอย่างไป) เช่น สมเด็จดำนั้น ท่านทำไว้เพื่อบูชาครู เป็นการรวมสรรพวิชาที่เรียนมาจากครูอาจารย์ในดงลงในวัตถุมงคลชิ้นเล็กๆ เป็นการสร้างเพื่อการสำแดงฤทธิ์ของวิชาที่เรียนมา แต่ก็ทำไว้แค่หยิบมือเดียวและจะมีเพียงคนใกล้ชิดท่านจริงๆและคู่ควรเท่านั้นที่จะได้รับจากท่าน
.
สมเด็จแดงทั้งพิมพ์ใหญ่และคะแนนนั้น ท่านสร้างเพื่อเน้นทางมหาอำนาจ มหาบารมีเป็นหลักเพราะเจตนามอบให้กับนายตำรวจ นักปกครอง ผู้พิพากษา ผู้มีบริวารจำนวนมากที่ต้องมีอำนาจราชศักดิ์ให้คนยำเกรง สมเด็จแดงพิมพ์นางพญานั้น ท่านเน้นเรื่องเมตตาค้าขาย หนุนอำนาจวาสนาและโชคลาภเป็นหลัก เพราะท่านมอบให้เฉพาะภริยาของเจ้านายใหญ่โตที่มาอ้อนวอนขอท่านเป็นปีๆ รวมทั้งมอบให้ศิษย์ที่เป็นสตรีได้นำไปแขวนบูชาสมดังนิยามของคำว่านางพญา หากเป็นสมเด็จเขียวนั้นท่านก็สร้างเพื่อมอบให้กับศิษย์ที่เป็นนายทหารในยุคนั้น เน้นทางคงกะพันชาตรี และมหาอำนาจจนเป็นหนึ่งในตำนานเรื่องเล่าของทหารกล้าเมื่อครั้งก่อน สมเด็จเนื้อน้ำตาลก็เน้นไปทางโชคลาภ อำนาจวาสนา เพราะสร้างให้กับกลุ่มนักธุรกิจ เจ้าของกิจการทั้งหลายที่มาขอจากท่านจนมีหลายท่านที่นำไปแขวนบูชาแล้วร่ำรวยระดับพันล้านสมดังใจมาจนทุกวันนี้ แม้แต่สมเด็จเนื้อขาวก็ตาม ที่ท่านทำไว้เพื่อเจตนาพลิกดวงชะตา หนุนวาสนา และเน้นด้านค้าขายเป็นหลักใหญ่ จนคนที่ได้แขวนบูชาก็พบกับจุดเปลี่ยนที่สำคัญยิ่งของชีวิตแบบไม่น่าจะเป็นไปได้มาแล้ว ซึ่งการที่ท่านสร้างออกมาแต่ละครั้งนั้นต้องมีจุดมุ่งหมายชัดเจนและเว้นช่วงระยะพอประมาณ ไม่ได้ทำออกมาทุกปีหรือทำคราวละเป็นร้อยเป็นพันองค์ แต่ทำไว้หลักสิบองค์เท่านั้นในแต่ละแบบ ยกเว้นพระสมเด็จแดง และสมเด็จเขียวที่ทำไว้หลักร้อยองค์
.
ในช่วงปี 2515 เป็นต้นมา ประเทศไทยเกิดกลียุคและข้าวยากหมากแพง เพราะเกิดรัฐประหาร 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 ที่นำโดยจอมพลถนอม กิตติขจร ยึดอำนาจรัฐบาลตนเอง ผู้คนบางกลุ่มหลีกหนีไปอยู่ต่างจังหวัดและเข้าไปอยู่ในป่า เศรษฐกิจของประเทศไทยหยุดชะงัก มีการวางเพลิง ปล้นฆ่า ข่มขืนขึ้นในทุกหัวระแหงและอย่างป่าเถื่อน ประชาชนในช่วงนั้นใช้ชีวิตแบบหวาดกลัวต่อภัยในรูปแบบต่างๆ การค้าขายไม่เกิดกำไรและหยุดชะลอตัวไปชั่วขณะ ท่านเองก็อยากช่วยศิษย์หลายๆคนที่มารบเร้าขอความช่วยเหลือและหาช่องทางในคำปรึกษาจากท่าน บ้างก็ขอพระเครื่องดีๆที่ช่วยหนุนให้รวยและช่วยให้รอด ท่านเริ่มลบผงเตรียมของจากครูบาอาจารย์ชั้นสูง ที่จะใช้สร้างพระเครื่องอีกครั้งหลังจากว่างเว้นไปนานเป็นสิบๆปี ประจวบกับมีคนมาขอความช่วยเหลือจากท่าน ในการช่วยบูรณะวัดแห่งหนึ่งที่ใกล้ๆอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
.
ในปี 2516 ท่านได้เดินทางไปที่วัดแห่งนั้นและทำพิธีอัญเชิญพระสารีริกธาตุให้เสด็จจากอากาศลงในขันขนาดใหญ่ต่อหน้าพยานบุคลจำนวนมาก ที่วัดแห่งหนึ่งใกล้ๆอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ซึ่งท่านตั้งใจจะไปช่วยบูรณะวัดนี้ที่ทรุดโทรมและขาดทุนทรัพย์ในการซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพใช้งานในกิจของสงฆ์ โดยในเวลาต่อมาท่านก็สร้างพระผงขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งชุดมีทั้งพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่และพิมพ์พระคะแนนด้วยผงพุทธคุณชั้นสูงที่ท่านเตรียมการมานานเป็นปี และนำพระธาตุที่ได้อัญเชิญมาเหล่านั้นไปฝังไว้ด้านหน้าหรือด้านหลังของพระผงพิมพ์สมเด็จทั้งพิมพ์ใหญ่และพิมพ์คะแนนที่ท่านได้สร้างขึ้นมาเฉพาะกิจ โดยให้คนได้บูชาเพื่อร่วมบูรณะวัดนั้นในจำนวนประมาณอย่างละร้อยองค์ และท่านยังให้กดเป็นพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ออกมาอีกหนึ่งชุดแบบไม่ฝังพระธาตุไว้ โดยเจตนาจะมอบให้คนที่ยังไม่มีศีลมากพอจะบูชาพระสมเด็จแบบฝังพระธาตุ ซึ่งพระเครื่องในรุ่นนั้น ปัจจุบันก็หาได้ยากยิ่งใครที่มีไว้ก็หวงแหนเก็บรักษาไว้ให้ลูกหลานต่อไปวันหน้า เพราะมีประสบการณ์มากหลายทาง อีกทั้งเกิดสิ่งอันเหลือเชื่อในเหล่าผู้มีไว้บูชาติดตัว ถือเป็นพระเครื่องอีกรุ่นหนึ่งของท่านที่น่าใช้อย่างยิ่ง โดยเฉพาะหากเป็นผู้ชอบปฏิบัติบำเพ็ญภาวนาแล้ว ยิ่งจะเป็นของพิเศษที่ส่งผลโดยเร็วในการบำเพ็ญเพียรภาวนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วกว่าปกติ
.
พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่เนื้อผงพุทธคุณชั้นสูงอันทรงคุณค่ายิ่ง ที่ท่านกดสร้างในคราวนั้นแบบไม่ฝังพระธาตุไว้จำนวนประมาณเต็มหนึ่งพานทองเหลือง ได้ถูกนำมาวางไว้บนพานบูชาที่บนโต๊ะบูชาหัวเตียงนอนของท่าน ที่ในกุฏิของท่านในวัดเงินภายหลังกลับจากช่วยหาทุนบูรณะวัดที่ใกล้เขาใหญ่แล้ว โดยไม่มีใครรู้ว่าท่านนำกลับมาด้วยทำไมและท่านก็ไม่ได้แจกให้ใครเลยนับตั้งแต่ท่านกลับมาคราวนั้น แต่ไม่มีใครกล้าพอจะหยิบฉวยหรือรบเร้าขอบูชา ช่วงนั้นมีลูกศิษย์ลูกหาและคนอื่นๆที่รู้ว่าท่านมาจำพรรษาที่นี่ ก็เดินทางมาและห้อมล้อมกวนใจทุกเวลา และเฝ้าขอให้ช่วยในเรื่องต่างๆไม่เว้นในแต่ละวัน ซึ่งส่วนมากแล้วแทบทุกคนที่ขอท่านไว้ก็อยากรวย อยากเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า ซึ่งในเวลาต่อมาก็มีศิษย์รายอื่นๆของท่านสร้างเครื่องรางและวัตถุมงคลแบบต่างๆมาให้ท่านปลุกเสก ดังที่มีปรากฏตามรายละเอียดที่เคยเสนอไปบ้างแล้ว
.
หลวงพ่ออภิชิโตได้ปลุกเสกพระสมเด็จชุดนี้ด้วยตัวเองและยังเชิญครูอาจารย์ของท่านทั้งจากในดงหรือในโลกทิพย์ ให้ลงมาประจุทิพย์อำนาจอันเหนือวิสัยโลกตลอดทุกคืนต่อเนื่อง ที่กุฏิท่านในวัดเงินตลิ่งชันของช่วงเข้าพรรษาปีนั้น โดยพระชุดนี้จะวางไว้บนโต๊ะบูชาเหนือเตียงนอนของท่านโดยไม่มีใครกล้าหยิบจับหรือแตะต้องยุ่งเกี่ยวตลอดเวลาในช่วงที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดเงินนั้น ผู้ที่คอยรับใช้ดูแลท่านจะเข้าไปเก็บปัดกวาดเช็ดถูกุฏิให้ทุกวันในช่วงก่อนเวลาเที่ยง และเห็นพระชุดนี้วางอยู่บนโต๊ะบูชานานมากแล้วก็เอ่ยปากขอท่านไปบูชาสักองค์ ท่านก็บอกว่ายังไม่ถึงเวลาให้รอก่อน จนคนขอก็ลืมและไม่กล้ารบเร้าท่านอีก และพระผงพิมพ์สมเด็จชุดนี้ก็ถูกวางบนโต๊ะบูชาของท่านนับตั้งแต่ปี 2516 จบจวนถึงต้นปี 2524 แม้บางเดือนหลังออกพรรษาแล้ว ท่านจะเดินทางไปยังที่อื่นก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่มย่ามในห้องของท่าน
.
และช่วงปีใหม่ก่อนที่พลเอกเปรมจะลดค่าเงินบาท ที่มีผลต่อการค้าการขายในเมืองไทยอย่างแรงอีกครั้ง ท่านได้เรียกคนที่เคยเอ่ยปากขอพระสมเด็จที่อยู่ในพานบนโต๊ะหัวเตียงของท่านเมื่อ7 ปีก่อนไปพบ พร้อมมอบพระสมเด็จชุดนี้ให้โดยบอกสั้นๆว่า “ ทำไว้ให้อย่างดีแล้ว พระชุดนี้ดีสำหรับคนอยากรวย และไม่เป็นรองของอื่นทั้งสิ้น” พระสมเด็จอีกส่วนหนึ่งจำนวนหลายองค์นั้น ท่านได้ส่งมอบให้ศิษย์คู่ใจของท่านที่คอยรับใช้ท่านมาตลอดชีวิต และอีกส่วนหนึ่งท่านมอบให้คนที่คอยรับใช้อุปัฏฐากดูแลท่านในช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นของขวัญปีใหม่ มีคนได้รับไปบูชาแล้วบอกว่า พระผงชุดนี้มีพลังอำนาจทางโภคทรัพย์ พลิกดวงชะตาและหนุนชีวิตไปสู่ความร่ำรวย จะเป็นเศรษฐีในวันหน้า ทำให้คนอื่นๆก็อยากได้บ้าง แต่พระมีน้อยและท่านก็ไม่ได้เรียกไปรับทุกคน โดยพระชุดนี้จากคำบอกเล่าของคนที่เคยเดินไปดูบนพานในห้องของท่านบอกว่า น่าจะมีไม่ถึง 60 องค์ พระเครื่องแต่ละแบบแต่ละครั้งในการสร้าง ท่านมีเจตนาชัดเจนไว้แล้ว ดังนั้นการปลุกเสกและการอธิษฐานกำหนดอภิญญาจิต คงจะเน้นพุทธคุณไปตามเจตนาของท่านอย่างแน่นอน และพระสมเด็จรุ่นนี้เหมาะสมแล้วที่จะเรียกชื่อว่า พระของเศรษฐี
.
ต่อมาในปี 2525 ท่านได้สร้างพระสมเด็จรุ่นพิเศษออกมารุ่นหนึ่งมีจำนวนหลักสิบองค์ซึ่งมีเนื้อสีขาวผิดไปจากทุกครั้งที่เคยสร้างมาก่อน โดยใช้แม่พิมพ์เดิมที่ใช้สร้างพระสมเด็จฝังพระธาตุ ท่านมีเจตนาเพื่อมอบพระชุดนี้ให้นักธุรกิจใหญ่ของเมืองไทยอีกท่านหนึ่ง ที่โดนพิษค่าเงินบาทครั้งแรกของประเทศไทย(ปี 2524)จนขาดทุนในธุรกิจ ได้มาปรึกษาและจะกราบลาท่านหลบไปอยู่ประเทศอื่น แต่ท่านยับยั้งไว้และบอกว่าจะช่วยโดยท่านได้ให้บวชเป็นพระในร่มผ้าเหลือง เพื่อปฏิบัติสมาธิภาวนากับท่านหนึ่งเดือนเต็มที่เขาใหญ่ โคราช พร้อมกับท่านได้สร้างพระรุ่นนี้เพื่อการพลิกดวงชะตาโดยตัวท่านปลุกเสกให้ตลอดทั้งเดือนนั้น
.
เมื่อครบหนึ่งเดือนแล้วก็มอบพระสมเด็จทั้งหมดนี้ให้กับนักธุรกิจท่านนั้นที่สึกลาสิกขาบท และบอกให้แขวนบูชาติดตัวเพื่อไปติดต่อกับเจ้าหนี้ใหม่อีกครั้งที่ต่างประเทศโดยเร็ว จากหนี้มหาศาลที่ต้องชดใช้และถูกฟ้อง กลับกลายเป็นการสนับสนุนใหม่อีกครั้งจากเจ้าของเงินรายเดิม จนกิจการที่ล้มลงไปแล้วนั้น สามารถลุกยืนฟื้นได้และยิ่งใหญ่ยืนยงมาตราบจนทุกวันนี้ พระเครื่องรุ่นนั้นเลยมีการกล่าวขานร่ำลือกันต่อมาว่า เป็นแก้วสารพัดนึกที่พลิกชะตาชีวิตได้ และมีการขอแบ่งกันในหมู่คนสนิทชิดเชื้อกับเจ้าของ ที่รู้เรื่องราวช่วงเวลานั้นจนแบ่งได้ไม่ครบทั่วกันเพราะสร้างไว้เพียงไม่กี่องค์เท่านั้น และปัจจุบันหายากแสนเข็ญ ถึงแม้จะมีคนจ้องรอทำของปลอมออกมา แต่ก็หาแบบมาถอดพิมพ์ไม่ได้
.
ซึ่งศิษย์เอกที่ใกล้ชิดและสนิทกับท่านมากที่สุด หลังจากได้รับพระชุดสำคัญนี้มาแล้ว ก็ได้มอบพระสมเด็จชุดนี้และพระผงรุ่นอื่นๆของหลวงพ่อให้กับลูกและหลานทุกคน ก่อนท่านจะเสียชีวิตในอีก 1 เดือนถัดจากที่หลวงพ่อมรณะภาพ (หลวงพ่ออภิชิโต มรณภาพในปี 2536) โดยบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาและความพิเศษของพระชุดนี้ไว้ให้ลูกๆหลานๆได้รับรู้และบอกให้เอาแขวนบูชาติดตัวไว้เสมอหากอยากจะรวย และเท่าที่พบในคอลูกหลานของเขาในปัจจุบันนี้ พวกเขาล้วนแขวนพระสมเด็จชุดนี้กันทั้งสิ้น ทั้งๆที่ก็ได้รับพระเครื่องชั้นดีจากหลวงพ่อไว้มากมาย รวมทั้งสมเด็จวัดระฆังแท้ๆ หรือพระสมเด็จแดง สมเด็จเขียวที่เป็นพระเครื่องในตำนานของท่าน เพราะพระผงชุดนี้หลวงพ่ออภิชิโตสร้างตามการร้องขอของศิษย์ ที่อยากได้พระเครื่องชั้นดีที่หนุนส่งให้ถึงดวงดาวในวิถีชีวิตเช่นคนอื่นๆกับเขาบ้าง และตัวท่านเองก็เจตนาจะทำพระรุ่นนี้เพื่อสงเคราะห์แก่ผู้เคยมีวาสนา เคยสร้างบุญกุศลร่วมกัน หรือมีความเกี่ยวพันต่อกัน เพื่อส่งเสริมให้ถึงฝั่งฝันในวันหน้า แต่ท่านก็ไม่แจกให้ทุกคนไปแม้จะเป็นศิษย์ใกล้ชิดและไปมาหาสู่สมัยนั้น
.
หลายเดือนก่อนยังเคยได้รับจากศิษย์ยุคเก่าที่เคยรับใช้หลวงพ่อมาหนึ่งองค์ เมื่อพิจารณาดูแล้วก็ไม่พบว่าเหมือนพระของท่านในรุ่นใดเลย ก็ยังไม่แน่ใจว่าท่านทำไว้เมื่อไรและอย่างไร ถัดมาอีกไม่นานนักก็ได้รับการแบ่งปันจากผู้อาวุโสที่เคยดูแลรับใช้หลวงพ่ออีก 3 องค์ และได้รับการบอกเล่าประวัติการสร้าง ตามเจตนาของท่านและเน้นว่า เป็นพระชุดที่สำคัญมากของหลวงพ่อ จนท้ายสุดได้รับการบอกเล่าจากลูกหลานศิษย์คู่ใจของท่าน และพวกเขาแขวนบูชาอยู่บนคอแบบองค์เดียวโดดๆ โดยไม่สนใจจะแขวนสมเด็จแดง สมเด็จเขียวที่เขาก็มีเก็บไว้เช่นกัน เมื่อถามว่าทำไมจึงเชื่อว่าพระชุดนี้จะดีเยี่ยมจนมั่นใจอย่างนั้น คำตอบคือ เห็นผลชัดเจนและได้ผลจริงเรื่องการเงิน การงาน การขอบนบานอธิษฐานท่าน และเขาอยากรวยมากกว่าอยากมีอำนาจ
.
ข้อมูลเหล่านี้ได้รับการเปิดเผยโดย คนใกล้ชิดของหลวงพ่อที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้แต่อายุมากแล้ว จากศิษย์ของท่านที่มีฐานันดรศักดิ์อีกท่านหนึ่ง จากศิษย์ที่คอยรับใช้ปรนนิบัติท่านมานานปี2ท่าน และจากลูกหลานของศิษย์เอกคนสนิทของท่าน ที่ได้รับพระชุดนี้ไว้บ้างและล้วนแขวนอยู่บนคอเดี่ยวๆทั้งสิ้น (เรื่องปาฏิหาริย์ต่างๆของท่านมีมากที่รับฟังมา แต่ขอละเว้นการเล่าเรื่องที่คนอื่นจะปรามาสท่านและเกิดบาปกรรมโดยไม่เจตนาได้) โดยได้รับการยืนยันข้อมูลเหล่านี้ว่าเป็นจริงจากศิษย์ท่านอื่นๆที่เคยรับใช้ใกล้ชิดสมัยนั้น เมื่อได้คุยกันเรื่องราวของการสร้างศาลาและหล่อพระประธานให้ท่านที่วัดทองฯ รวมทั้งสอบถามเรื่องราวเก่าๆในครั้งก่อน เขาเหล่านี้ยังจำได้และได้มีเมตตาแบ่งปันพระเครื่องล้ำค่าชุดนี้ให้มาบูชา ศิษย์ของท่านที่เคยรู้เรื่องนี้แต่ไม่เคยได้รับมาก่อน ล้วนรู้คุณค่าพระรุ่นนี้ดี
.
เมื่อถามว่าพระรุ่นนี้ดียังไง ทุกคนที่เขาแขวนติดตัวล้วนตอบว่า พระของท่านชุดนี้ดีมากและสมหวังตามที่ขอได้จริงๆ จึงถือเป็นพระเครื่องส่งเสริมความร่ำรวย สมกับเจตนาที่หลวงพ่ออภิชิโตได้ตั้งใจทำให้ศิษย์ที่อยากรวยและรุ่งโรจน์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ พระเครื่องพิมพ์นี้ชุดนี้ ขออย่าไปเสาะหาจากแผงพระโดยเด็ดขาด เพราะพระชุดนี้ทั้งหมดนั้นได้ถูกเจาะจงมอบให้เฉพาะคนที่ท่านเห็นว่าคู่ควรเท่านั้น ไม่เคยถูกแบ่งต่อให้คนภายนอกมาก่อนเลย แม้จะมีเท่าไรก็คงไม่พอหากศิษย์ของท่านทราบเรื่องนี้แล้ว และเท่าที่ได้หยิบจับส่องดูในรายละเอียดต่างๆจะพบว่า ทั้งพิมพ์ทรงจะคมชัดลึกและเนื้อหาแตกต่างไปจากพระผงปี29มาก มีเพียงแม่พิมพ์เดียวเท่านั้น แต่ขนาดที่ไม่เท่ากันเพราะตัดขอบด้วยมือทีละองค์ ส่วนผิวพระจะมีสองแบบคือเรียบแน่น สวยงามเรียบร้อยและฟูพองมีคราบบนผิวพอประมาณ ขึ้นอยู่กับการวางเก็บในที่อบร้อนเช่นในกระป๋อง ขวดโหล หรือวางในที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เช่นในตู้ไม้
.
ข้อมูลเรื่องพระเครื่องล้ำค่าของหลวงพ่ออภิชิโตชุดนี้ ได้ตรวจสอบสืบค้นและไล่เรียงความเป็นมาตลอดสามเดือนแล้ว จากผู้รู้คนใกล้ชิดต่างๆที่เคยรับใช้ท่านมาในเวลานั้น ขอยืนยันและรับรองว่าเป็นเรื่องจริงทุกประการ โดยขอบันทึกไว้เป็นตำนานพระดีชั้นเยี่ยมยอดอีกแบบหนึ่งของหลวงพ่ออภิชิโต (อ.ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ) ที่ท่านเจตนาและตั้งใจยิ่งจะทำให้คนที่เคยอุปถัมภ์ดูแลท่านมานานวัน ได้มีสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อชีวิตกับเขาบ้าง เท่าที่ท่านจะใช้วิชาความรู้ในแนวของอำนาจจิตอันสูงส่งของท่านเกื้อหนุนได้อย่างเต็มที่ และยังจะตกทอดไปสู่คนรุ่นหลัง อันเป็นคนในตระกูลของเหล่าศิษย์ที่ท่านเมตตาห่วงใยด้วยเช่นกัน แต่มิใช่ของที่ทุกคนจะได้ไปครอบครองแม้มีเงินจะบูชาก็ตาม เป็นของสูงด้วยคุณค่าที่มากเกินประมาณอย่างยิ่ง และทำไว้เพื่อหนุนวาสนาค้ำดวงชะตาคนโดยตรง
.
ท่านปลุกเสกติดต่อกันมากกว่า 7 ปีตั้งแต่ปี2516 เป็นต้นมาจนถึงปี 2524 โดยเน้นความรุ่งโรจน์ความร่ำรวยของชีวิตเป็นหลัก แม้พื้นดวงของแต่ละคนจะไปไม่ถึงจุดสูงสุดเท่าเทียมกัน ก็ยังมีโอกาสพบความสำเร็จร่ำรวยสมหวังมากกว่าเดิมยิ่งนัก ในแวดวงของศิษย์ใกล้ชิดระดับชั้นในสุดของท่าน4กลุ่ม ล้วนยกให้พระสมเด็จเศรษฐีชุดนี้ เป็นเพชรน้ำเอกอันสูงค่าไม่ด้อยไปกว่าพระสมเด็จแดงที่หายากและราคาแพงลิบไปแล้ว เมื่อก่อนนี้ทั้งพระสมเด็จแดงและสมเด็จเขียวของท่าน ก็สร้างไว้เป็นร้อยองค์ เมื่อแบ่งออกกระจายไปตามคนที่รู้และศรัทธาอย่างคนละทิศละทาง และวันนี้ก็หายากสุดๆและแพงลิบ พระสมเด็จเศรษฐีชุดนี้ก็เช่นกันที่จะนิยมเสาะหาจนมีราคาแพงและอาจจะแซงหน้าไปอีกหนึ่งช่วงตัวในความนิยม เพราะใครๆก็อยากเป็นเศรษฐีกันทุกคน
สิ่งที่ทุกคนจดจำไว้ในใจตลอดมาจนถึงทุกวันนี้คือ ท่านห่วงใยศิษย์ของท่านเสมอ ท่านคอยถามสารทุกข์สุขดิบ ความเป็นอยู่ในการดำเนินชีวิตว่ายังดีหรือสบายหรือไม่ ท่านไม่เคยลืมว่าใครขออะไรท่านไว้แม้จะนานหลายๆปี เมื่อถึงเวลาท่านจะเรียกไปพบและให้การช่วยเหลือหรือมอบของที่เคยเอ่ยปากขอไว้เมื่อนานปีมาแล้ว แม้ศิษย์ทั้งพระหรือฆราวาสก็เล่าไว้ตรงๆกันคือ ตบะอำนาจของท่านนั้นแข็งแกร่งแรงกล้าและมีมาก จนไม่มีใครกล้าสบตาท่าน หากเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านแล้วก็จะเข่าอ่อนใจสั่นกลัวท่านกันทุกคน แม้พระมหาเหลื่อม ผู้ที่ท่านส่งไปศึกษายังต่างประเทศที่น่าจะสนิทชิดเชื้อท่านไม่น้อย ก็ยังไม่กล้าแม้จะพูดเล่าเรื่องที่อยากขอความช่วยเหลือจากท่าน ต้องพึ่งพาคุณลุงจุก(ศิษย์เอกคู่ใจผู้ใกล้ชิดมากที่สุด) ที่ถือว่าเป็นคนที่กล้าพูดกับท่านมากที่สุดในสมัยนั้นคอยถ่ายทอดคำพูดให้ท่านฟัง ในวงในของลูกศิษย์ท่านทั้งหมดนั้น ศิษย์ท่านนี้ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่เหมือนทหารเอกคู่ใจ และสนิทกับท่านมากที่สุด คอยรับใช้มานานจวบจนวันสุดท้ายของหลวงพ่อเลยทีเดียว หลวงพ่อจึงให้ความเอ็นดูและเมตตาศิษย์ท่านนี้พร้อมครอบครัวไม่น้อยเช่นกัน
.
ในตลอดเวลาที่ท่านอาจารย์ชาญณรงค์ ศิริสมบัติยังทรงสังขารอยู่นั้น ท่านได้อนุญาตให้สร้างวัตถุมงคลไม่กี่ครั้ง ที่อนุญาตเป็นเรื่องเป็นราวจริงๆ มีเพียงการสร้างพระผงรุ่นสุดท้ายในปี2529 ครั้งเดียว ที่จัดพิธีปลุกเสกและมีคนอื่นๆช่วยทำในขั้นตอนต่างๆเป็นที่รับรู้ ได้เห็นได้ยินกันมากหลายคน นอกนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านจะทำจะด้วยตัวเองเงียบๆหรือปลุกเสกอธิษฐานให้กับของที่บรรดาศิษย์ไปจัดทำขึ้นมากันเอง ไม่ว่าจะเป็นเหรียญกษาปณ์รูปเหมือนเนื้อทองเหลือง สตางค์รูโบราณหรือเหรียญเบญจพิทักษ์ แต่วัตถุมงคลบางอย่างที่ท่านทำเองเงียบๆด้วยตนเองและมีจำนวนไม่มากนักเช่น สมเด็จดำ สมเด็จแดง สมเด็จเขียว สมเด็จขาว สมเด็จน้ำตาล ที่มีจำนวนน้อยชิ้นและหาได้ยากนั้น กลับมีราคาแพงมากในทุกวันนี้เพราะด้วยประสบการณ์ฉกาจฉกรรจ์เป็นเอกอุในด้านต่างๆและเป็นที่ประจักษ์กับผู้เคยได้มีติดตัว และไม่ทำให้ผู้มีไว้บูชาผิดหวังแม้แต่น้อย
.
แต่ด้วยปริมาณที่แบ่งปันกันได้ไม่ทั่วถึง แม้คนที่อยากได้จะมีกำลังทรัพย์หรือรู้จักคนมากเพียงใดก็ตามที และเป็นที่เล่าขานเรื่องราวมหัศจรรย์แปลกประหลาดอันเกิดขึ้นกับผู้มีไว้บูชา จนมีการเสาะหากันมาตั้งแต่ครั้งที่หลวงพ่ออภิชิโตยังทรงสังขารอยู่เมื่อครั้งก่อนเรื่อยมา ไม่ว่าจะเรื่องป้องกันภัยอันตรายที่เล่าจากสงครามลาว เวียดนาม ยุทธการเข้าค้อ เพชรบูรณ์ เรื่องทะเลเลือดที่เขากรุงชิง นครศรีธรรมราช หรือนาน้อย จังหวัดน่าน หรือความสำเร็จจากผลของการทำธุรกิจของเจ้าสัวใหญ่สิบกว่าราย ที่เป็นหัวแถวหน้าสุดของเมืองไทย การพลิกดวงชะตาครั้งใหญ่ของศิษย์อีกกว่าสามรายให้กลับมายิ่งใหญ่ระดับสูงสุดของเมืองไทย
.
ตัวท่านเองก็ไม่ได้เก็บตุนพระเครื่องที่ท่านทำไว้แต่อย่างใดเลย เมื่อปลุกเสกเต็มที่และครบด้วยสรรพวิชาต่างๆแขนงจนเห็นว่าใช้ได้ผลแน่นอนแล้ว ท่านก็จะมอบให้คนที่มีวาสนาหรือเป็นศิษย์ของท่านไปจนหมดและไม่เหลือเก็บไว้เป็นส่วนตัวอีก เพราะการที่ท่านจะได้สร้างวัตถุมงคลด้วยตัวท่านเองไว้ในแต่ละครั้งแต่ละอย่างนั้น ท่านกำหนดจุดประสงค์ไว้ชัดเจนว่า แบบนี้,อย่างนี้หรือเนื้อนี้ จะเน้นเพื่อกลุ่มคนแบบใด เน้นทำอะไร (แต่อำนาจด้านคุ้มครองป้องกันภัยนั้นถือได้ว่าเป็นพื้นฐานของวัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกที่จะมีครบถ้วนเช่นกันทุกอย่างไป) เช่น สมเด็จดำนั้น ท่านทำไว้เพื่อบูชาครู เป็นการรวมสรรพวิชาที่เรียนมาจากครูอาจารย์ในดงลงในวัตถุมงคลชิ้นเล็กๆ เป็นการสร้างเพื่อการสำแดงฤทธิ์ของวิชาที่เรียนมา แต่ก็ทำไว้แค่หยิบมือเดียวและจะมีเพียงคนใกล้ชิดท่านจริงๆและคู่ควรเท่านั้นที่จะได้รับจากท่าน
.
สมเด็จแดงทั้งพิมพ์ใหญ่และคะแนนนั้น ท่านสร้างเพื่อเน้นทางมหาอำนาจ มหาบารมีเป็นหลักเพราะเจตนามอบให้กับนายตำรวจ นักปกครอง ผู้พิพากษา ผู้มีบริวารจำนวนมากที่ต้องมีอำนาจราชศักดิ์ให้คนยำเกรง สมเด็จแดงพิมพ์นางพญานั้น ท่านเน้นเรื่องเมตตาค้าขาย หนุนอำนาจวาสนาและโชคลาภเป็นหลัก เพราะท่านมอบให้เฉพาะภริยาของเจ้านายใหญ่โตที่มาอ้อนวอนขอท่านเป็นปีๆ รวมทั้งมอบให้ศิษย์ที่เป็นสตรีได้นำไปแขวนบูชาสมดังนิยามของคำว่านางพญา หากเป็นสมเด็จเขียวนั้นท่านก็สร้างเพื่อมอบให้กับศิษย์ที่เป็นนายทหารในยุคนั้น เน้นทางคงกะพันชาตรี และมหาอำนาจจนเป็นหนึ่งในตำนานเรื่องเล่าของทหารกล้าเมื่อครั้งก่อน สมเด็จเนื้อน้ำตาลก็เน้นไปทางโชคลาภ อำนาจวาสนา เพราะสร้างให้กับกลุ่มนักธุรกิจ เจ้าของกิจการทั้งหลายที่มาขอจากท่านจนมีหลายท่านที่นำไปแขวนบูชาแล้วร่ำรวยระดับพันล้านสมดังใจมาจนทุกวันนี้ แม้แต่สมเด็จเนื้อขาวก็ตาม ที่ท่านทำไว้เพื่อเจตนาพลิกดวงชะตา หนุนวาสนา และเน้นด้านค้าขายเป็นหลักใหญ่ จนคนที่ได้แขวนบูชาก็พบกับจุดเปลี่ยนที่สำคัญยิ่งของชีวิตแบบไม่น่าจะเป็นไปได้มาแล้ว ซึ่งการที่ท่านสร้างออกมาแต่ละครั้งนั้นต้องมีจุดมุ่งหมายชัดเจนและเว้นช่วงระยะพอประมาณ ไม่ได้ทำออกมาทุกปีหรือทำคราวละเป็นร้อยเป็นพันองค์ แต่ทำไว้หลักสิบองค์เท่านั้นในแต่ละแบบ ยกเว้นพระสมเด็จแดง และสมเด็จเขียวที่ทำไว้หลักร้อยองค์
.
ในช่วงปี 2515 เป็นต้นมา ประเทศไทยเกิดกลียุคและข้าวยากหมากแพง เพราะเกิดรัฐประหาร 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 ที่นำโดยจอมพลถนอม กิตติขจร ยึดอำนาจรัฐบาลตนเอง ผู้คนบางกลุ่มหลีกหนีไปอยู่ต่างจังหวัดและเข้าไปอยู่ในป่า เศรษฐกิจของประเทศไทยหยุดชะงัก มีการวางเพลิง ปล้นฆ่า ข่มขืนขึ้นในทุกหัวระแหงและอย่างป่าเถื่อน ประชาชนในช่วงนั้นใช้ชีวิตแบบหวาดกลัวต่อภัยในรูปแบบต่างๆ การค้าขายไม่เกิดกำไรและหยุดชะลอตัวไปชั่วขณะ ท่านเองก็อยากช่วยศิษย์หลายๆคนที่มารบเร้าขอความช่วยเหลือและหาช่องทางในคำปรึกษาจากท่าน บ้างก็ขอพระเครื่องดีๆที่ช่วยหนุนให้รวยและช่วยให้รอด ท่านเริ่มลบผงเตรียมของจากครูบาอาจารย์ชั้นสูง ที่จะใช้สร้างพระเครื่องอีกครั้งหลังจากว่างเว้นไปนานเป็นสิบๆปี ประจวบกับมีคนมาขอความช่วยเหลือจากท่าน ในการช่วยบูรณะวัดแห่งหนึ่งที่ใกล้ๆอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
.
ในปี 2516 ท่านได้เดินทางไปที่วัดแห่งนั้นและทำพิธีอัญเชิญพระสารีริกธาตุให้เสด็จจากอากาศลงในขันขนาดใหญ่ต่อหน้าพยานบุคลจำนวนมาก ที่วัดแห่งหนึ่งใกล้ๆอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ซึ่งท่านตั้งใจจะไปช่วยบูรณะวัดนี้ที่ทรุดโทรมและขาดทุนทรัพย์ในการซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพใช้งานในกิจของสงฆ์ โดยในเวลาต่อมาท่านก็สร้างพระผงขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งชุดมีทั้งพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่และพิมพ์พระคะแนนด้วยผงพุทธคุณชั้นสูงที่ท่านเตรียมการมานานเป็นปี และนำพระธาตุที่ได้อัญเชิญมาเหล่านั้นไปฝังไว้ด้านหน้าหรือด้านหลังของพระผงพิมพ์สมเด็จทั้งพิมพ์ใหญ่และพิมพ์คะแนนที่ท่านได้สร้างขึ้นมาเฉพาะกิจ โดยให้คนได้บูชาเพื่อร่วมบูรณะวัดนั้นในจำนวนประมาณอย่างละร้อยองค์ และท่านยังให้กดเป็นพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ออกมาอีกหนึ่งชุดแบบไม่ฝังพระธาตุไว้ โดยเจตนาจะมอบให้คนที่ยังไม่มีศีลมากพอจะบูชาพระสมเด็จแบบฝังพระธาตุ ซึ่งพระเครื่องในรุ่นนั้น ปัจจุบันก็หาได้ยากยิ่งใครที่มีไว้ก็หวงแหนเก็บรักษาไว้ให้ลูกหลานต่อไปวันหน้า เพราะมีประสบการณ์มากหลายทาง อีกทั้งเกิดสิ่งอันเหลือเชื่อในเหล่าผู้มีไว้บูชาติดตัว ถือเป็นพระเครื่องอีกรุ่นหนึ่งของท่านที่น่าใช้อย่างยิ่ง โดยเฉพาะหากเป็นผู้ชอบปฏิบัติบำเพ็ญภาวนาแล้ว ยิ่งจะเป็นของพิเศษที่ส่งผลโดยเร็วในการบำเพ็ญเพียรภาวนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วกว่าปกติ
.
พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่เนื้อผงพุทธคุณชั้นสูงอันทรงคุณค่ายิ่ง ที่ท่านกดสร้างในคราวนั้นแบบไม่ฝังพระธาตุไว้จำนวนประมาณเต็มหนึ่งพานทองเหลือง ได้ถูกนำมาวางไว้บนพานบูชาที่บนโต๊ะบูชาหัวเตียงนอนของท่าน ที่ในกุฏิของท่านในวัดเงินภายหลังกลับจากช่วยหาทุนบูรณะวัดที่ใกล้เขาใหญ่แล้ว โดยไม่มีใครรู้ว่าท่านนำกลับมาด้วยทำไมและท่านก็ไม่ได้แจกให้ใครเลยนับตั้งแต่ท่านกลับมาคราวนั้น แต่ไม่มีใครกล้าพอจะหยิบฉวยหรือรบเร้าขอบูชา ช่วงนั้นมีลูกศิษย์ลูกหาและคนอื่นๆที่รู้ว่าท่านมาจำพรรษาที่นี่ ก็เดินทางมาและห้อมล้อมกวนใจทุกเวลา และเฝ้าขอให้ช่วยในเรื่องต่างๆไม่เว้นในแต่ละวัน ซึ่งส่วนมากแล้วแทบทุกคนที่ขอท่านไว้ก็อยากรวย อยากเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า ซึ่งในเวลาต่อมาก็มีศิษย์รายอื่นๆของท่านสร้างเครื่องรางและวัตถุมงคลแบบต่างๆมาให้ท่านปลุกเสก ดังที่มีปรากฏตามรายละเอียดที่เคยเสนอไปบ้างแล้ว
.
หลวงพ่ออภิชิโตได้ปลุกเสกพระสมเด็จชุดนี้ด้วยตัวเองและยังเชิญครูอาจารย์ของท่านทั้งจากในดงหรือในโลกทิพย์ ให้ลงมาประจุทิพย์อำนาจอันเหนือวิสัยโลกตลอดทุกคืนต่อเนื่อง ที่กุฏิท่านในวัดเงินตลิ่งชันของช่วงเข้าพรรษาปีนั้น โดยพระชุดนี้จะวางไว้บนโต๊ะบูชาเหนือเตียงนอนของท่านโดยไม่มีใครกล้าหยิบจับหรือแตะต้องยุ่งเกี่ยวตลอดเวลาในช่วงที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดเงินนั้น ผู้ที่คอยรับใช้ดูแลท่านจะเข้าไปเก็บปัดกวาดเช็ดถูกุฏิให้ทุกวันในช่วงก่อนเวลาเที่ยง และเห็นพระชุดนี้วางอยู่บนโต๊ะบูชานานมากแล้วก็เอ่ยปากขอท่านไปบูชาสักองค์ ท่านก็บอกว่ายังไม่ถึงเวลาให้รอก่อน จนคนขอก็ลืมและไม่กล้ารบเร้าท่านอีก และพระผงพิมพ์สมเด็จชุดนี้ก็ถูกวางบนโต๊ะบูชาของท่านนับตั้งแต่ปี 2516 จบจวนถึงต้นปี 2524 แม้บางเดือนหลังออกพรรษาแล้ว ท่านจะเดินทางไปยังที่อื่นก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่มย่ามในห้องของท่าน
.
และช่วงปีใหม่ก่อนที่พลเอกเปรมจะลดค่าเงินบาท ที่มีผลต่อการค้าการขายในเมืองไทยอย่างแรงอีกครั้ง ท่านได้เรียกคนที่เคยเอ่ยปากขอพระสมเด็จที่อยู่ในพานบนโต๊ะหัวเตียงของท่านเมื่อ7 ปีก่อนไปพบ พร้อมมอบพระสมเด็จชุดนี้ให้โดยบอกสั้นๆว่า “ ทำไว้ให้อย่างดีแล้ว พระชุดนี้ดีสำหรับคนอยากรวย และไม่เป็นรองของอื่นทั้งสิ้น” พระสมเด็จอีกส่วนหนึ่งจำนวนหลายองค์นั้น ท่านได้ส่งมอบให้ศิษย์คู่ใจของท่านที่คอยรับใช้ท่านมาตลอดชีวิต และอีกส่วนหนึ่งท่านมอบให้คนที่คอยรับใช้อุปัฏฐากดูแลท่านในช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นของขวัญปีใหม่ มีคนได้รับไปบูชาแล้วบอกว่า พระผงชุดนี้มีพลังอำนาจทางโภคทรัพย์ พลิกดวงชะตาและหนุนชีวิตไปสู่ความร่ำรวย จะเป็นเศรษฐีในวันหน้า ทำให้คนอื่นๆก็อยากได้บ้าง แต่พระมีน้อยและท่านก็ไม่ได้เรียกไปรับทุกคน โดยพระชุดนี้จากคำบอกเล่าของคนที่เคยเดินไปดูบนพานในห้องของท่านบอกว่า น่าจะมีไม่ถึง 60 องค์ พระเครื่องแต่ละแบบแต่ละครั้งในการสร้าง ท่านมีเจตนาชัดเจนไว้แล้ว ดังนั้นการปลุกเสกและการอธิษฐานกำหนดอภิญญาจิต คงจะเน้นพุทธคุณไปตามเจตนาของท่านอย่างแน่นอน และพระสมเด็จรุ่นนี้เหมาะสมแล้วที่จะเรียกชื่อว่า พระของเศรษฐี
.
ต่อมาในปี 2525 ท่านได้สร้างพระสมเด็จรุ่นพิเศษออกมารุ่นหนึ่งมีจำนวนหลักสิบองค์ซึ่งมีเนื้อสีขาวผิดไปจากทุกครั้งที่เคยสร้างมาก่อน โดยใช้แม่พิมพ์เดิมที่ใช้สร้างพระสมเด็จฝังพระธาตุ ท่านมีเจตนาเพื่อมอบพระชุดนี้ให้นักธุรกิจใหญ่ของเมืองไทยอีกท่านหนึ่ง ที่โดนพิษค่าเงินบาทครั้งแรกของประเทศไทย(ปี 2524)จนขาดทุนในธุรกิจ ได้มาปรึกษาและจะกราบลาท่านหลบไปอยู่ประเทศอื่น แต่ท่านยับยั้งไว้และบอกว่าจะช่วยโดยท่านได้ให้บวชเป็นพระในร่มผ้าเหลือง เพื่อปฏิบัติสมาธิภาวนากับท่านหนึ่งเดือนเต็มที่เขาใหญ่ โคราช พร้อมกับท่านได้สร้างพระรุ่นนี้เพื่อการพลิกดวงชะตาโดยตัวท่านปลุกเสกให้ตลอดทั้งเดือนนั้น
.
เมื่อครบหนึ่งเดือนแล้วก็มอบพระสมเด็จทั้งหมดนี้ให้กับนักธุรกิจท่านนั้นที่สึกลาสิกขาบท และบอกให้แขวนบูชาติดตัวเพื่อไปติดต่อกับเจ้าหนี้ใหม่อีกครั้งที่ต่างประเทศโดยเร็ว จากหนี้มหาศาลที่ต้องชดใช้และถูกฟ้อง กลับกลายเป็นการสนับสนุนใหม่อีกครั้งจากเจ้าของเงินรายเดิม จนกิจการที่ล้มลงไปแล้วนั้น สามารถลุกยืนฟื้นได้และยิ่งใหญ่ยืนยงมาตราบจนทุกวันนี้ พระเครื่องรุ่นนั้นเลยมีการกล่าวขานร่ำลือกันต่อมาว่า เป็นแก้วสารพัดนึกที่พลิกชะตาชีวิตได้ และมีการขอแบ่งกันในหมู่คนสนิทชิดเชื้อกับเจ้าของ ที่รู้เรื่องราวช่วงเวลานั้นจนแบ่งได้ไม่ครบทั่วกันเพราะสร้างไว้เพียงไม่กี่องค์เท่านั้น และปัจจุบันหายากแสนเข็ญ ถึงแม้จะมีคนจ้องรอทำของปลอมออกมา แต่ก็หาแบบมาถอดพิมพ์ไม่ได้
.
ซึ่งศิษย์เอกที่ใกล้ชิดและสนิทกับท่านมากที่สุด หลังจากได้รับพระชุดสำคัญนี้มาแล้ว ก็ได้มอบพระสมเด็จชุดนี้และพระผงรุ่นอื่นๆของหลวงพ่อให้กับลูกและหลานทุกคน ก่อนท่านจะเสียชีวิตในอีก 1 เดือนถัดจากที่หลวงพ่อมรณะภาพ (หลวงพ่ออภิชิโต มรณภาพในปี 2536) โดยบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาและความพิเศษของพระชุดนี้ไว้ให้ลูกๆหลานๆได้รับรู้และบอกให้เอาแขวนบูชาติดตัวไว้เสมอหากอยากจะรวย และเท่าที่พบในคอลูกหลานของเขาในปัจจุบันนี้ พวกเขาล้วนแขวนพระสมเด็จชุดนี้กันทั้งสิ้น ทั้งๆที่ก็ได้รับพระเครื่องชั้นดีจากหลวงพ่อไว้มากมาย รวมทั้งสมเด็จวัดระฆังแท้ๆ หรือพระสมเด็จแดง สมเด็จเขียวที่เป็นพระเครื่องในตำนานของท่าน เพราะพระผงชุดนี้หลวงพ่ออภิชิโตสร้างตามการร้องขอของศิษย์ ที่อยากได้พระเครื่องชั้นดีที่หนุนส่งให้ถึงดวงดาวในวิถีชีวิตเช่นคนอื่นๆกับเขาบ้าง และตัวท่านเองก็เจตนาจะทำพระรุ่นนี้เพื่อสงเคราะห์แก่ผู้เคยมีวาสนา เคยสร้างบุญกุศลร่วมกัน หรือมีความเกี่ยวพันต่อกัน เพื่อส่งเสริมให้ถึงฝั่งฝันในวันหน้า แต่ท่านก็ไม่แจกให้ทุกคนไปแม้จะเป็นศิษย์ใกล้ชิดและไปมาหาสู่สมัยนั้น
.
หลายเดือนก่อนยังเคยได้รับจากศิษย์ยุคเก่าที่เคยรับใช้หลวงพ่อมาหนึ่งองค์ เมื่อพิจารณาดูแล้วก็ไม่พบว่าเหมือนพระของท่านในรุ่นใดเลย ก็ยังไม่แน่ใจว่าท่านทำไว้เมื่อไรและอย่างไร ถัดมาอีกไม่นานนักก็ได้รับการแบ่งปันจากผู้อาวุโสที่เคยดูแลรับใช้หลวงพ่ออีก 3 องค์ และได้รับการบอกเล่าประวัติการสร้าง ตามเจตนาของท่านและเน้นว่า เป็นพระชุดที่สำคัญมากของหลวงพ่อ จนท้ายสุดได้รับการบอกเล่าจากลูกหลานศิษย์คู่ใจของท่าน และพวกเขาแขวนบูชาอยู่บนคอแบบองค์เดียวโดดๆ โดยไม่สนใจจะแขวนสมเด็จแดง สมเด็จเขียวที่เขาก็มีเก็บไว้เช่นกัน เมื่อถามว่าทำไมจึงเชื่อว่าพระชุดนี้จะดีเยี่ยมจนมั่นใจอย่างนั้น คำตอบคือ เห็นผลชัดเจนและได้ผลจริงเรื่องการเงิน การงาน การขอบนบานอธิษฐานท่าน และเขาอยากรวยมากกว่าอยากมีอำนาจ
.
ข้อมูลเหล่านี้ได้รับการเปิดเผยโดย คนใกล้ชิดของหลวงพ่อที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้แต่อายุมากแล้ว จากศิษย์ของท่านที่มีฐานันดรศักดิ์อีกท่านหนึ่ง จากศิษย์ที่คอยรับใช้ปรนนิบัติท่านมานานปี2ท่าน และจากลูกหลานของศิษย์เอกคนสนิทของท่าน ที่ได้รับพระชุดนี้ไว้บ้างและล้วนแขวนอยู่บนคอเดี่ยวๆทั้งสิ้น (เรื่องปาฏิหาริย์ต่างๆของท่านมีมากที่รับฟังมา แต่ขอละเว้นการเล่าเรื่องที่คนอื่นจะปรามาสท่านและเกิดบาปกรรมโดยไม่เจตนาได้) โดยได้รับการยืนยันข้อมูลเหล่านี้ว่าเป็นจริงจากศิษย์ท่านอื่นๆที่เคยรับใช้ใกล้ชิดสมัยนั้น เมื่อได้คุยกันเรื่องราวของการสร้างศาลาและหล่อพระประธานให้ท่านที่วัดทองฯ รวมทั้งสอบถามเรื่องราวเก่าๆในครั้งก่อน เขาเหล่านี้ยังจำได้และได้มีเมตตาแบ่งปันพระเครื่องล้ำค่าชุดนี้ให้มาบูชา ศิษย์ของท่านที่เคยรู้เรื่องนี้แต่ไม่เคยได้รับมาก่อน ล้วนรู้คุณค่าพระรุ่นนี้ดี
.
เมื่อถามว่าพระรุ่นนี้ดียังไง ทุกคนที่เขาแขวนติดตัวล้วนตอบว่า พระของท่านชุดนี้ดีมากและสมหวังตามที่ขอได้จริงๆ จึงถือเป็นพระเครื่องส่งเสริมความร่ำรวย สมกับเจตนาที่หลวงพ่ออภิชิโตได้ตั้งใจทำให้ศิษย์ที่อยากรวยและรุ่งโรจน์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ พระเครื่องพิมพ์นี้ชุดนี้ ขออย่าไปเสาะหาจากแผงพระโดยเด็ดขาด เพราะพระชุดนี้ทั้งหมดนั้นได้ถูกเจาะจงมอบให้เฉพาะคนที่ท่านเห็นว่าคู่ควรเท่านั้น ไม่เคยถูกแบ่งต่อให้คนภายนอกมาก่อนเลย แม้จะมีเท่าไรก็คงไม่พอหากศิษย์ของท่านทราบเรื่องนี้แล้ว และเท่าที่ได้หยิบจับส่องดูในรายละเอียดต่างๆจะพบว่า ทั้งพิมพ์ทรงจะคมชัดลึกและเนื้อหาแตกต่างไปจากพระผงปี29มาก มีเพียงแม่พิมพ์เดียวเท่านั้น แต่ขนาดที่ไม่เท่ากันเพราะตัดขอบด้วยมือทีละองค์ ส่วนผิวพระจะมีสองแบบคือเรียบแน่น สวยงามเรียบร้อยและฟูพองมีคราบบนผิวพอประมาณ ขึ้นอยู่กับการวางเก็บในที่อบร้อนเช่นในกระป๋อง ขวดโหล หรือวางในที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เช่นในตู้ไม้
.
ข้อมูลเรื่องพระเครื่องล้ำค่าของหลวงพ่ออภิชิโตชุดนี้ ได้ตรวจสอบสืบค้นและไล่เรียงความเป็นมาตลอดสามเดือนแล้ว จากผู้รู้คนใกล้ชิดต่างๆที่เคยรับใช้ท่านมาในเวลานั้น ขอยืนยันและรับรองว่าเป็นเรื่องจริงทุกประการ โดยขอบันทึกไว้เป็นตำนานพระดีชั้นเยี่ยมยอดอีกแบบหนึ่งของหลวงพ่ออภิชิโต (อ.ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ) ที่ท่านเจตนาและตั้งใจยิ่งจะทำให้คนที่เคยอุปถัมภ์ดูแลท่านมานานวัน ได้มีสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อชีวิตกับเขาบ้าง เท่าที่ท่านจะใช้วิชาความรู้ในแนวของอำนาจจิตอันสูงส่งของท่านเกื้อหนุนได้อย่างเต็มที่ และยังจะตกทอดไปสู่คนรุ่นหลัง อันเป็นคนในตระกูลของเหล่าศิษย์ที่ท่านเมตตาห่วงใยด้วยเช่นกัน แต่มิใช่ของที่ทุกคนจะได้ไปครอบครองแม้มีเงินจะบูชาก็ตาม เป็นของสูงด้วยคุณค่าที่มากเกินประมาณอย่างยิ่ง และทำไว้เพื่อหนุนวาสนาค้ำดวงชะตาคนโดยตรง
.
ท่านปลุกเสกติดต่อกันมากกว่า 7 ปีตั้งแต่ปี2516 เป็นต้นมาจนถึงปี 2524 โดยเน้นความรุ่งโรจน์ความร่ำรวยของชีวิตเป็นหลัก แม้พื้นดวงของแต่ละคนจะไปไม่ถึงจุดสูงสุดเท่าเทียมกัน ก็ยังมีโอกาสพบความสำเร็จร่ำรวยสมหวังมากกว่าเดิมยิ่งนัก ในแวดวงของศิษย์ใกล้ชิดระดับชั้นในสุดของท่าน4กลุ่ม ล้วนยกให้พระสมเด็จเศรษฐีชุดนี้ เป็นเพชรน้ำเอกอันสูงค่าไม่ด้อยไปกว่าพระสมเด็จแดงที่หายากและราคาแพงลิบไปแล้ว เมื่อก่อนนี้ทั้งพระสมเด็จแดงและสมเด็จเขียวของท่าน ก็สร้างไว้เป็นร้อยองค์ เมื่อแบ่งออกกระจายไปตามคนที่รู้และศรัทธาอย่างคนละทิศละทาง และวันนี้ก็หายากสุดๆและแพงลิบ พระสมเด็จเศรษฐีชุดนี้ก็เช่นกันที่จะนิยมเสาะหาจนมีราคาแพงและอาจจะแซงหน้าไปอีกหนึ่งช่วงตัวในความนิยม เพราะใครๆก็อยากเป็นเศรษฐีกันทุกคน
********************************
สำหรับท่านที่มีพระของหลวงพ่ออภิชิโต (เครดิตพี่หนุ่มเมืองแกลง)
---------------------------------------------------------------------------
จากการที่ได้นั่งคุยกับศิษย์รุ่นใหญ่หลายท่านของหลวงพ่อ บางท่านเป็นผู้มีฐานันดรศักดิ์และบางท่านเป็นผู้ดูแลหลวงพ่ออภิชิโตจนสิ้นลมที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ท่านเล่าว่า เมื่อใช้พระของท่าน หากสวดบทยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกและพาหุงมหากาได้ จะเห็นผลเร็วมาก พระของท่านมีอิทธิฤทธิ์โลดโผนและไม่ต้องรอนาน แต่ต้องใช้เป็น
.
เจ้าสัว ช. เจ้าของธนาคาร ก. ที่เป็นคริสต์ ไม่เคยนับถือหรือเชื่อเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์มาก่อน วันหนึ่งมากับเพื่อนเจ้าสัวคนหนึ่งเพื่อมาดูว่า ที่ลือกันเรื่องพระเกจิมีปาฏิหารย์นั้นเพราะอะไร หลวงพ่อเป่าแผ่นทองคำเปลวเข้าหัวศิษย์คนอื่นๆโดยไม่ต้องเอามาแปะหน้าผากและไม่แตะต้อง ก็หายเข้าไปในตัว
.
แต่สำหรับเจ้าสัว ช. หลวงพ่อท่านเอาแผ่นทองที่เป็นโลหะแข็งๆ ที่เป็นตะกรุดมาคลี่ออกและเป่า แผ่นโลหะทองนั้นหายไปจากมือหลวงพ่อ ท่านบอกว่าเข้าไปติดอยู่ที่กระดูกกระโหลกแล้ว เจ้าสัวไม่เชื่อจึงไปที่ รพ.บำรุงราษฎร์และเอ๊กซ์เรย์ดูว่าจริงไหม พบแผ่นทองเป็นโลหะติดอยู่ที่กะโหลกจริงขนาดเกือบครึ่งฝ่ามือ จึงกลับมากราบและฝากตัวเป็นศิษย์นับแต่นั้นมา
.
พระพิมพ์แบบพระสมเด็จฯ สร้างและเสกโดยหลวงพ่ออภิชิโตปี 2516 เป็นพิมพ์แบบพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่เนื้อผงพุทธคุณชั้นสูงอันทรงคุณค่ายิ่ง ที่ท่านกดสร้างในคราวนั้นแบบไม่ฝังพระธาตุไว้จำนวนประมาณเต็มหนึ่งพานทองเหลือง ได้ถูกนำมาวางไว้บนพานบูชาที่บนโต๊ะบูชาหัวเตียงนอนของท่านในกุฏิของท่านในวัดเงินภายหลังกลับจากช่วยหาทุนบูรณะวัดที่ใกล้เขาใหญ่แล้ว โดยไม่มีใครรู้ว่าท่านนำกลับมาด้วยทำไมและท่านก็ไม่ได้แจกให้ใครเลยนับตั้งแต่ท่านกลับมาคราวนั้น แต่ไม่มีใครกล้าพอจะหยิบฉวยหรือรบเร้าขอบูชา ช่วงนั้นมีลูกศิษย์ลูกหาและคนอื่นๆที่รู้ว่าท่านมาจำพรรษาที่นี่ ก็เดินทางมาและห้อมล้อมกวนใจทุกเวลา และเฝ้าขอให้ช่วยในเรื่องต่างๆไม่เว้นในแต่ละวัน ซึ่งส่วนมากแล้วแทบทุกคนที่ขอท่านไว้ก็อยากรวย อยากเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า
.
หลวงพ่ออภิชิโตได้ปลุกเสกพระสมเด็จชุดนี้ด้วยตัวเองและยังเชิญครูอาจารย์ของท่านทั้งจากในดงหรือในโลกทิพย์ ให้ลงมาประจุทิพย์อำนาจอันเหนือวิสัยโลกตลอดทุกคืนต่อเนื่องที่กุฏิท่านในวัดเงินตลิ่งชันของช่วงเข้าพรรษาปีนั้น โดยพระชุดนี้จะวางไว้บนโต๊ะบูชาเหนือเตียงนอนของท่านโดยไม่มีใครกล้าหยิบจับหรือแตะต้องยุ่งเกี่ยวตลอดเวลาในช่วงที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดเงินนั้น ผู้ที่คอยรับใช้ดูแลท่านจะเข้าไปเก็บปัดกวาดเช็ดถูกุฏิให้ทุกวันในช่วงก่อนเวลาเที่ยง และเห็นพระชุดนี้วางอยู่บนโต๊ะบูชานานมากแล้วก็เอ่ยปากขอท่านไปบูชาสักองค์ ท่านก็บอกว่ายังไม่ถึงเวลาให้รอก่อน จนคนขอก็ลืมและไม่กล้ารบเร้าท่านอีก และพระผงพิมพ์สมเด็จชุดนี้ก็ถูกวางบนโต๊ะบูชาของท่านนับตั้งแต่ปี 2516 จบจวนถึงต้นปี 2524 แม้บางเดือนหลังออกพรรษาแล้ว ท่านจะเดินทางไปยังที่อื่นก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่มย่ามในห้องของท่าน
.
เมื่อถามว่าพระรุ่นนี้ดียังไง ทุกคนที่เขาแขวนติดตัวล้วนตอบว่า พระของท่านชุดนี้ดีมากและสมหวังตามที่ขอได้จริงๆ จึงถือเป็นพระเครื่องส่งเสริมความร่ำรวย สมกับเจตนาที่หลวงพ่ออภิชิโตได้ตั้งใจทำให้ศิษย์ที่อยากรวยและรุ่งโรจน์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ พระเครื่องพิมพ์นี้ชุดนี้ ขออย่าไปเสาะหาจากแผงพระโดยเด็ดขาด เพราะพระชุดนี้ทั้งหมดนั้นได้ถูกเจาะจงมอบให้เฉพาะคนที่ท่านเห็นว่าคู่ควรเท่านั้น ไม่เคยถูกแบ่งต่อให้คนภายนอกมาก่อนเลย แม้จะมีเท่าไรก็คงไม่พอหากศิษย์ของท่านทราบเรื่องนี้แล้ว และเท่าที่ได้หยิบจับส่องดูในรายละเอียดต่างๆจะพบว่า ทั้งพิมพ์ทรงจะคมชัดลึกและเนื้อหาแตกต่างไปจากพระผงปี 29 มาก มีเพียงแม่พิมพ์เดียวเท่านั้น แต่ขนาดที่ไม่เท่ากันเพราะตัดขอบด้วยมือทีละองค์ ส่วนผิวพระจะมีสองแบบคือเรียบแน่น สวยงามเรียบร้อยและฟูพองมีคราบบนผิวพอประมาณ ขึ้นอยู่กับการวางเก็บในที่อบร้อนเช่นในกระป๋อง ขวดโหล หรือวางในที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เช่นในตู้ไม้
.
ข้อมูลเรื่องพระเครื่องล้ำค่าของหลวงพ่ออภิชิโตชุดนี้ ได้ตรวจสอบสืบค้นและไล่เรียงความเป็นมาตลอดสามเดือนแล้ว จากผู้รู้คนใกล้ชิดต่างๆที่เคยรับใช้ท่านมาในเวลานั้น ขอยืนยันและรับรองว่าเป็นเรื่องจริงทุกประการ โดยขอบันทึกไว้เป็นตำนานพระดีชั้นเยี่ยมยอดอีกแบบหนึ่งของหลวงพ่ออภิชิโต (อ.ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ) ที่ท่านเจตนาและตั้งใจยิ่งจะทำให้คนที่เคยอุปถัมภ์ดูแลท่านมานานวันได้มีสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อชีวิตกับเขาบ้าง เท่าที่ท่านจะใช้วิชาความรู้ในแนวของอำนาจจิตอันสูงส่งของท่านเกื้อหนุนได้อย่างเต็มที่ และยังจะตกทอดไปสู่คนรุ่นหลัง อันเป็นคนในตระกูลของเหล่าศิษย์ที่ท่านเมตตาห่วงใยด้วยเช่นกัน แต่มิใช่ของที่ทุกคนจะได้ไปครอบครองแม้มีเงินจะบูชาก็ตาม เป็นของสูงด้วยคุณค่าที่มากเกินประมาณอย่างยิ่ง และทำไว้เพื่อหนุนวาสนาค้ำดวงชะตาคนโดยตรง
.
ท่านปลุกเสกติดต่อกันมากกว่า 7 ปีตั้งแต่ปี 2516 เป็นต้นมาจนถึงปี 2524 โดยเน้นความรุ่งโรจน์ความร่ำรวยของชีวิตเป็นหลัก แม้พื้นดวงของแต่ละคนจะไปไม่ถึงจุดสูงสุดเท่าเทียมกัน ก็ยังมีโอกาสพบความสำเร็จร่ำรวยสมหวังมากกว่าเดิมยิ่งนัก ในแวดวงของศิษย์ใกล้ชิดระดับชั้นในสุดของท่าน 4 กลุ่ม ล้วนยกให้พระสมเด็จเศรษฐีชุดนี้ เป็นเพชรน้ำเอกอันสูงค่าไม่ด้อยไปกว่าพระสมเด็จแดงที่หายากและราคาแพงลิบไปแล้ว
**********************************************
พระหรือวัตถุมงคลที่เราใส่ทำไมไม่ส่งผล
**********************************************
**********************************************
**********************************************
.พระหรือวัตถุมงคลที่เราใส่ทำไมไม่ส่งผล
-------------------------------------------------
จัดขันธ์ 5 บูชาครู
.
พระหรือวัตถุมงคลที่เราใส่ทำไมไม่ส่งผล เนื่องจากว่าเราไม่เคยบอกกล่าววัตถุมงคล ครูบาอาจารย์ และ เทวดาที่คอยดูแลวัตถุมงคล อย่างเป็นทางการเลย ได้มาก็เลี่ยมห้อยเลย บางทีได้มาจากศูนย์พระ เช่าพระ ก็เช่าต่อๆ กันมา จำเป็นต้องตั้งขันธ์5ขันธ์8 เพื่อเป็นการบูชาครู แบบง่ายๆ ทั้งพระเครื่อง พระเหรียญ พระผง ตะกรุด เครื่องราง
1. เทียนขาว 5
2. ธูป 5
3. ดอกมะลิ 1 พวง
4. เงิน24 บาท
5. ถาด1ใบ
6. วัตถุมงคล
7. ธูป 16 ดอก (จุดด้วย)
*************************
ขั้นตอน
1. ให้นำเทียน5เล่มวางเรียงเป็นแพ (ไม่ต้องจุด)
2. ธูปวางเรียง (ไม่ต้องจุด)
3. นำดอกมะลิวาง
4. เงิน24 บาท
5 วัตถุมงคลวาง
จุดธูป 16 ดอก แล้วยกพานขึ้น ตั้งนะโม 3 จบ
บอกกล่าวครูบาอาจารย์ต้นสาย ที่หลวงปู่ หลวงพ่อ ทั้งหลาย ที่ท่านได้สร้างวัตถุมงคลทั้งหลาย ได้อาราธนาคาถา อักขระ เลขยันต์ มา สร้างวัตถุมงคล ขอครูต้นสาย และที่สืบทอดวิชานี้มา ที่ล่วงลับไปแล้ว ลงมาประสิทธิ์ วัตถุมงคลทั้งหลายเหล่านี้
ข้าแต่หลวงปู่............. ข้าพเจ้าชื่อ....… นามสกุล............ วันเดือนปีเกิดเวลาตกฟาก.......... อาศัยอยู่บ้านเลขที่.................ที่อยู่.........
ลูกได้นำวัตถุมงคลของหลวงปู่มาบูชามาห้อยคอเพื่อ เป็นมิ่งขวัญ มิ่งมงคลในชีวิต ขอให้หลวงปู่ช่วยอุดหนุนค้ำชูดวงชะตา การงาน การเงินและส่งเสริมให้ลูกเจริญรุ่งเรือง แคล้วคลาดปลอดภัย ปราศจากโรคภัย อันตรายใดๆ ปัดเป่าคุณไสย์ เสนียดจัญไร ทุขก์โศกโรคภัย ด้วยเทอญ
พอธูปหมดดอก เอาพระมาใส่ได้เหมือนหลวงพ่อหลวงปู่มอบให้กับมือ อย่าลืมเอาเงิน 24 บาทไปใส่ตู้บริจาคอะไรก็ได้ ถ้าเป็นบุญใหญ่ยิ่งดีแล้วอุทิศบุญให้หลวงปู่ด้วย
--------------------------------------
หลวงปู่ ครูบาอินถา วัดยั้งเมิน เคยเมตตาสอนลูกศิษย์ในการบูชาวัตถุมงคล เหมือนกันในการจัดขันธ์ 5 ว่าครูบาอาจารย์ ไม่ว่าท่านอยู่ที่ไหน ท่านก็จะมาให้
พลังอำนาจจาก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะเกิดได้เร็วและส่งผลดังใจ มีองค์ประกอบเบื้องต้นดังนี้
๑. มีศรัทธาต่อครูบาอาจารย์เจ้าของวิชา ผู้สร้างหรือปลุกเสกแบบไม่ลังเลสงสัย
๒. มีความเคารพนับถือและรู้จักสิ่งของที่เราจะใช้บูชาเพื่อหวังผล
๓. ฝึกจิตให้นิ่งสงบ เพื่อศักยภาพในการส่งกระแสจิตอธิฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
๔. หมั่นทำบุญสร้างกุศล มีคุณธรรมในใจ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ดี
๕. ตั้งใจทำงาน ทุกคนมีปัญหาเหมือนๆกันหมด พระธรรมเป็นที่พึ่งยามว้าวุ่นหรืออ่อนล้า พระเครื่องเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและเสริมกำลังใจให้มุ่งมั่นสู้ชีวิตต่อไป มิใช่เป็นแกนหลักเพื่อให้ชีวิตประสบความสำเร็จ
๖. รู้จักพอ คนไม่พอคือคนที่จนอยู่ตลอดเวลา ต้องหามาเพิ่มจนไม่มีจุดสิ้นสุด
๗. อดทนและตั้งใจทำความดีต่อไป แม้บางครั้งจะรู้สึกว่าเราทำดีแล้วยังไม่ได้ดี
ผู้ติดกายบูชาน้อมใจระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ย่อมได้อานิสงส์จากการบูชาไม่ว่าจะชนิดใดก็ตาม ด้วยเหตุนี้พลังอำนาจจากพระเครื่องที่ดีๆนั้นมีส่วนทำให้จังหวะชีวิตดีขึ้น หรือไม่ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีกว่าเดิมแน่นอน
พระเครื่องที่สำเร็จด้วยอำนาจจิต(กสิณ)จากอริยะบุคคลในอภิญญาหกอันสุดประมาณและมีการขอพลังจากโลกทิพย์มาประจุไว้ด้วยอำนาจจากเหนือการหยั่งถึงแบบนั้น ดีและเหมาะจะนำมาใช้ติดตัว เป็นทั้งพลังจิตและพระพุทธคุณในสิ่งเดียวกัน
.
ของบางอย่างที่สำเร็จด้วยการอธิษฐานขอพระพุทธคุณอย่างเดียวเช่น
การพุทธาภิเษกหมู่ จะบรรเทาได้เฉพาะเรื่องไม่เกินกฏของกรรมโดยจะเลี่ยงให้พ้นบุพกรรมไปไม่ได้เลย กว่าจะถึงวันรับผลของบุญก็ต้องใช้กรรมให้หมดหรือน้อยลงเสียก่อน
.
หากสำเร็จด้วยคาถา ก็มีวันเสื่อมได้ง่าย
.
แล้วจะมีกี่อย่างที่พอจะน่าสนใจ นั่นคือสิ่งที่ควรค้นหาด้วยตนเอง พระรุ่นเก่าๆที่เก่งทางกสิณ ทางจิต จึงมักจะเสกเดี่ยวเพื่อเรื่องแบบนี้ ทำไว้แบบไม่ให้เสียชื่อ หากเป็นการกำหนดอำนาจจิตปลุกเสกแล้วเกจิองค์นั้นแก่ชราเกินไป อำนาจจิตจะอ่อนลงกว่าตอนพลังยังแกร่งกล้า แต่หากเป็นการอธิษฐานด้วยบารมีธรรม ยิ่งแก่ยิ่งดีเพราะบารมีเต็ม แต่ผลการบูชาแตกต่างแน่นอน เป็นความคิดส่วนตัวครับ
**********************************************.
ของบางอย่างที่สำเร็จด้วยการอธิษฐานขอพระพุทธคุณอย่างเดียวเช่น
การพุทธาภิเษกหมู่ จะบรรเทาได้เฉพาะเรื่องไม่เกินกฏของกรรมโดยจะเลี่ยงให้พ้นบุพกรรมไปไม่ได้เลย กว่าจะถึงวันรับผลของบุญก็ต้องใช้กรรมให้หมดหรือน้อยลงเสียก่อน
.
หากสำเร็จด้วยคาถา ก็มีวันเสื่อมได้ง่าย
.
แล้วจะมีกี่อย่างที่พอจะน่าสนใจ นั่นคือสิ่งที่ควรค้นหาด้วยตนเอง พระรุ่นเก่าๆที่เก่งทางกสิณ ทางจิต จึงมักจะเสกเดี่ยวเพื่อเรื่องแบบนี้ ทำไว้แบบไม่ให้เสียชื่อ หากเป็นการกำหนดอำนาจจิตปลุกเสกแล้วเกจิองค์นั้นแก่ชราเกินไป อำนาจจิตจะอ่อนลงกว่าตอนพลังยังแกร่งกล้า แต่หากเป็นการอธิษฐานด้วยบารมีธรรม ยิ่งแก่ยิ่งดีเพราะบารมีเต็ม แต่ผลการบูชาแตกต่างแน่นอน เป็นความคิดส่วนตัวครับ
การมองหาของที่มีดีต่อชีวิต แบบนิยามของคำว่า ***หาให้เป็น*** ซึ่งผมได้ฟังจากคนยุคเก่าที่หลวงพ่ออภิชิโตเคยพูดให้ฟังเอง และจากที่เคยรับรู้มาบ้างนานแล้วและจะถ่ายทอดแบบคำพูดง่ายๆที่อ่านแล้วเข้าใจได้เลย มีบางอย่างเป็นจุดสำคัญ สำหรับคำว่าพระเครื่องวัตถุมงคลที่เราจะเอามาใช้บูชาติดตัว เพราะน้อยนักที่จะมีพระเกจิอาจารย์สักองค์หนึ่ง ที่จะละเอียดละออและพิถีพิถันในการปลุกเสกวัตถุมงคลในแต่ละแขนงของชีวิต ไม่ได้กำหนดจิตครั้งเดียวแล้วเป่าพรวดลงไปให้ดีพร้อมทุกอย่าง เพราะคนที่นำไปบูชานั้น จะมีศีล-มีคุณธรรมและจิตใจที่แตกต่างกันหลากหลาย เหมือนดังจะเอาแม่สีแดงไปใส่ในแก้วน้ำเพื่อเปลี่ยนสีน้ำธรรมดาให้มีสีสวยสดใส หากน้ำในแก้วนั้นใสสะอาดอยู่แล้วแต่เดิม ใช้แม่สีเพียงเล็กน้อยก็ย่อมเปลี่ยนน้ำให้มีสีแดงสวยสมใจง่ายดาย หากน้ำในแก้วยังขุ่นมีตะกอนก็ต้องใช้เวลาปล่อยให้ตกตะกอนจนใสพอจะเติมสีลงไป และหากเป็นน้ำโคลนตม ทำอย่างไรหรือใช้เวลานานเท่าไร ก็คงไม่ตกตะกอนใสพอจะเติมสีลงไปเปลี่ยนให้สวยสดใสเช่นต้องการได้
เมื่อเราจะมองดูเจตนาของผู้ปลุกเสกหรืออธิษฐานไว้ ก็พบว่าจะมีไม่กี่ท่านที่เจตนาหลักที่ตั้งมั่นในใจเป็นความห่วงใยศิษย์ด้วยอารมณ์ที่เป็นฌาน และเป็นอารมณ์ที่ทรงไว้ในการกำหนดจิตภาวนาตลอดเวลา การทรงอารมณ์คืออะไร ? ในที่นี้คือ ทรงอารมณ์ในพระกรรมฐานกองใดกองหนึ่ง หรือวิปัสสนาญาณหรือจะทั้งสองอย่างก็เป็นได้ แต่ทั้งนี้กรรมฐานทุกกองจะตั้งอยู่ได้ก็ต้องมีศีล 5 บริสุทธิ์เป็นสำคัญถ้าศีลไม่ครบการปฏิบัติจะไม่มีผล
เช่นคุณแม่บุญเรือนที่ท่านทรงอารมณ์ในกัมมัฏฐานตลอดเวลา ไม่พูดเล่น และไม่อ้อมค้อม ดุแต่จริงจัง ท่านมีเจตนาแน่วแน่ในความห่วงในชีวิตความเป็นอยู่และการทำกินของเหล่าศิษย์ ของที่ท่านอธิษฐานล้วนมีผลในด้านนี้เป็นหลักใหญ่ ตามที่ท่านคิดคำนึงและห่วงใยชีวิตของศิษย์ท่านเสมอตลอดเวลา ดังที่ท่านร้องเป็นเพลงฉ่อยไว้แทบทุกตอน จะต้องมีการกล่าวอ้างในการอธิษฐานธรรมให้เพื่อเกิดความกินดีอยู่ดี ศิวิไลซ์ในวันหน้า
หลวงพ่อกวย ชัยนาท ท่านก็ห่วงใยลูกศิษย์ลูกหาในด้านความเป็นอยู่ภายภาคหน้า ท่านนั่งลบผง กดพิมพ์พระ และเสกพระด้วยตนเองทุกคืนวัน ด้วยอารมณ์ที่ทรงฌานอันเข้มแข็งของท่านเพื่อตั้งใจจะมอบให้ศิษย์ได้มีดีติดตัววันหน้า ดังนั้นพระผงบางรุ่นบางพิมพ์ที่ท่านลบผงที่ใช้สร้างเอง กดพระเอง เสกเอง จะส่งผลในด้านนี้เป็นหลักอย่างชัดเจนกว่าแบบอื่นๆ เพราะตั้งแต่ขั้นตอนแรกในการสร้างจวบจนเป็นองค์พระที่มีพลังสมบูรณ์แบบนั้น ท่านทรงอารมณ์ฌานด้วยจิตที่ห่วงใยด้าน “อย่าอด อย่าอยาก อย่ายาก อย่าจน” อย่างแรงกล้าและคงไว้สม่ำเสมอ
หลวงปู่พิศดู จันทบุรี ท่านรู้ว่าเมืองจันทบุรีที่ท่านอยู่นั้น จะเกิดภัยจากน้ำไหลท่วมเมืองครั้งใหญ่ ท่านทำพระเตรียมไว้รุ่นหนึ่งชื่อพระกสิณ เจตนาเพื่อให้เป็นของดีช่วยพยุงชีวิตเปิดช่องทางโอกาสในการทำมาหากินของคนที่ท่านเคยได้สงเคราะห์ และยังเลี่ยมพลาสติกให้ฟรีเพื่อคนได้รับจะได้คล้องคอบูชาเลย และยังให้คนนำไปแจกฟรีถึงแต่ละบ้าน ก่อนจะมีภัยพิบัติครั้งใหญ่ของเมืองจันทบุรี เป็นความห่วงใยของเหตุในวันหน้าของพระอรหันต์
พระเครื่องของเกจิอื่นก็ทำไว้ดีๆมากหลายอย่าง (หมายเหตุจากผม – ได้แก่หลวงพ่อฤาษีสร้างเพชรจักรพรรดิ พระคำข้าว พระคำหมาก) แต่หลายองค์จะกำหนดจิตภาวนาด้วยอารมณ์ใดนั้น เป็นเรื่องเหนือการคาดเดา เพราะจริตของแต่ละท่านนั้นก็แตกต่างกันไป บางองค์เก่งมาก ศีลบริสุทธิ์และจิตดีสุดยอด ทำอะไรก็ขลัง เพียงแต่ท่านอธิษฐานลงในวัตถุนั้นไว้เพื่อจะมอบให้คนที่มีศีล มีคุณธรรมได้ใช้เกิดผล แต่คนที่ยังขาดศีลจะใช้ได้ผลบ้าง ไม่ได้บ้าง หรือบางเกจิจะทำวัตถุมงคลไว้แต่ให้ส่งผลไปตามผลบุญกุศลของคนห้อยพระที่สะสมมาแต่ก่อนหรือที่ได้สร้างในปัจจุบันชาติ วัตถุมงคลชั้นดีบางอย่างทำไว้ดีมากๆ และมากจนคนธรรมดาใช้ไม่มีผล หมายถึงภูมิธรรมยังไม่ถึง ยังไม่มีบุญพอจะใช้ได้ผล เพราะของระดับพระโพธิสัตว์หรือพระอรหันต์ทำไว้บางองค์นั้น ใจเราต้องนิ่งสงบมีสมาธิแน่วแน่กว่าปกติธรรมดา จิตต้องนิ่งและเปิดรับ จึงจะรับพลังอำนาจจากบุญฤทธิ์ของท่านไว้ใช้ประโยชน์ได้ ถ้าคนไม่รู้อะไรบ้างเลย แขวนไว้ก็แทบไม่มีอาการอะไรให้เกิดผล
**********************************************
ถ้า"ชีวิต"เราไม่ได้เกิดมาเป็น"ไม้บรรทัด"
..ก็ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปวัดกับ คนนั้นคนนี้
เรื่องการนับถือครูบาอาจารย์ การแขวนพระเครื่อง การกราบไหว้พระพุทธรูป อาจจะไปทำให้ขัดตาขัดใจของคนที่มีอีโก้สูงบางกลุ่ม ที่เขาเชื่อว่า ตัวเองเกิดและอยู่มาจนทุกวันนี้ได้ เพราะมันเป็นไปตามสิ่งที่ต้องเป็น บางคนบอกว่าไม่จำเป็นต้องแขวนพระแต่ก็ทำงานได้ดี มีชีวิตที่เป็นสุข มีเงินใช้สบายมือ
เป็นเรื่องถูกต้องแล้วที่พระเครื่องไม่ใช่เสาหลักของการดำเนินชีวิต แต่ก็ไม่ใช่เครื่องถ่วงความเจริญของชีวิต คนไทยเราผูกพันยึดมั่นในความเชื่อเรื่องพระเครื่องมายาวนาน หลายๆท่านแขวนพระ เพื่อเตือนสติให้ทำความดี ไม่ไปพลั้งเผลอทำสิ่งไม่ดี ซึ่งถือว่าห้อยพระเป็น พระคุ้มครอง แต่บางท่านก็เป็นเครื่องลางของขลัง ป้องกันอันตรายที่เกิดขึี้นกับตัว บางท่านนิยมสะสมเป็นของเก่า ที่มีมูลค่าหาเปรียบไม่ได้ เป็นพระเครื่องที่หายาก นักธุรกิจระดับพันหรือหมื่นล้านของเมืองไทยแทบทุกท่าน จะเสาะหาพระเครื่องเก่าๆดีๆที่เชื่อกันว่ามีผลทางการบูชามาครอบครองและแขวนคอทั้งนั้น หากได้พบปะหรือสนิทสนมลองขอชมได้เลย บางท่านเช่นเจ้าของคิงเพาเวอร์ มีเป็นพันองค์มูลค่านิยมนับร้อยล้านบาท เขาคงไม่โง่เสียเป็นร้อยล้านบาทหากเขาไม่พบว่า สิ่งนั้นมีผลกับชีวิตเขาจริงๆ
.
ลองนึกๆดูว่า บางเหตุการณ์ที่มีคนนั่งเต็มทั้งรถบัส เจอหินปลิวมาจากข้างทางโดนหัวจนเสียชีวิตเพียงคนเดียวเฉพาะคนนั้น แบบนี้ถือว่าดวงหรืออะไร นั่งกินข้าวในบ้านอยู่ดีๆก็มีลูกปืนหล่นใส่จนเสียชีวิต และเหตุการณ์ถูกลูกหลง(ลูกปืน)เสียชีวิตอีกหลายๆครั้ง บางคนเป็นแนวของเนคกาทีฟของสังคม ต้องการสร้างมุมคิดใหม่ๆ ปากบอกว่าจะมีจริงหรือพระเครื่องที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างที่พูดๆกัน แต่ก็แอบไปหาเช่าพระหรืออะไรที่ราคาเบาพอที่ตัวเองพอมีกำลังเช่าได้ พอเจอของราคาสูงๆหรือที่เช่าไม่ได้ ก็บอกว่าจะดีจริงหรือ เห็นมาก็ไม่น้อยแบบนี้ เป็นคนส่วนน้อยของสังคมปัจจุบันที่น่าเห็นใจในระบบความคิด แล้วทหารที่ไปรบชายแดนหรือลงไปทำงานภาคใต้ จะมีสักกี่คนที่เขาไม่มีเครื่องยึดเหนี่ยวใจหรือไม่แขวนพระ เขาคงโง่งมงายกันทั้งนั้นเลยหรือเปล่าหนอ?
.
ไม่มีวัตถุมงคลอะไรที่แขวนแล้วรวยทันตา ไม่มีพระเครื่องชิ้นใดที่ครอบครองแล้วพลิกชีวิตทันที บางคนแขวนพระก็ได้แค่หนักคอเท่านั้น ใจไม่เคยหนักแน่นไปด้วย หากยังโลเลวอกแวกสับสน ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ก็หาอะไรที่หวังไม่เจอแน่นอน ได้แต่วิ่งหาไปตลอดชีวิตและก็คงใช้บูชาพระไม่เป็นเพราะยากกว่าแกว่งปากไปวันๆ บางคนทำเป็นอย่างเดียวคือพูดไปตามอารมณ์โดยไม่เอาสติมาประกอบ การบูชาพระให้เกิดผลนั้น ต้องเอาทั้งพุทธศาสตร์ ไสยศาสตร์ ประวัติศาสตร์ โหราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และจิตศาสตร์ มารวมกันให้พอดี คือต้องได้ของดีมีอำนาจพุทธคุณจริง ต้องเข้าใจเรื่องวิชาอาคมการลงวิชาการปลุกเสกว่า ใช้คาถา ใช้อำนาจจิตหรือใช้การอธิษฐานเพราะมีผลกับการใช้บูชาวันหน้า ต้องรู้ภูมิหลังของผู้ปลุกเสกว่าเป็นใคร มีดีอย่างไร มีอะไรเด่นและมีคนเคยได้รับผลแบบนั้นบ้างหรือไม่ ต้องรู้พื้นดวงของตนเองว่าขาดด้านไหนหนุนดวงชะตา ชีวิตที่ผ่านมานั้นต้องการอะไรค้ำจุน ต้องรู้จักสังคมและการปรับตัวให้เป็นเหตุเป็นผลชัดเจนกว่าใครในโลกปัจจุบันที่กำลังแข่งขันดิ้นรนต่อสู้ในวิถีชีวิต ต้องเข้าใจการทำให้เกิดรายได้ของตัวเองและครอบครัวก่อนจะปรับใช้กับการพึ่งพาพุทธคุณ ต้องมีจิตที่นิ่งและมั่นคงในศรัทธา สิ่งสุดท้ายคือต้องรู้จักตัวเองบ้าง
หลายคนยังเข้าใจว่า พระเครื่องที่ผ่านพิธีปลุกเสกมาแล้วนั้นถือว่าแท้และมีดีทัดเทียมกัน มิได้แตกต่างกัน
ความเข้าใจนั้น “ถูก” แต่ “ไม่ใช่”.....เพราะพระเกจิหรือผู้ทรงฌาณแต่ละท่าน สำเร็จเจนจบมาต่างๆกัน วิธีการประจุก็ต่างกัน บางท่านใช้การประจุด้วยบารมีธรรมและศีลที่บริสุทธิ์ของท่านเอง บางท่านใช้อธิษฐานขอพลังในบารมีของพระพุทธเจ้าลงมาประจุไว้ บางท่านใช้คาถาอาคมกำกับไว้ บางท่านใช้อำนาจจิตที่กำหนดจากฌาณสมาบัติที่ได้ระดับใดระดับหนึ่งลงไปประจุไว้ หากได้ระดับอภิญญาก็ทรงอยู่ได้เป็นอมตะเสื่อมได้ยาก บางท่านใช้จิตผนวกอาคมกำกับไว้ บางท่านใช้จิตบริสุทธิ์ล้วนๆ
การเลือกสิ่งดีๆสักอย่างเพื่อจะใช้บูชาติดตัว จึงมีข้อย่อยให้คิดพอสมควร อยู่ที่เราต้องการแบบใดที่คิดว่าดีสำหรับตนเอง มีความเข้าใจในระดับใด แต่ทุกอย่างเป็นเรื่องที่อธิบายได้ยากในแง่ทางวิทยาศาสตร์ และขึ้นกับองค์ประกอบหลักคือจิตของคนจะใช้บูชาว่า มีความละเอียดเข้าถึงสิ่งที่เรียกว่า "ความศักดิ์สิทธิ์" ได้มากน้อยเพียงใด จิตของผู้บูชาหากมีการฝึกมาดีแล้ว ย่อมดึงพลังอำนาจมาใช้ได้สูงสุดสมดังใจที่ต้องการ หากให้คนพอมีพื้นฐานการเรียนรู้มาบ้างในสายวิชานั้นๆ แค่แนะนำเคล็ดวิชาอีกไม่มากนัก ก็รู้แจ้งแทงตลอด
-------------------------
1.พระเครื่องแบบที่สำเร็จจากการปลุกเสกโดยวิธีต่างๆกัน
1.1 พระเกจิอาจารย์ทั่วไปที่มีมากที่สุด ที่ปลุกเสกโดยกำหนดจิตจากสมาธิ น้อมนำพระพุทธคุณจากพระพุทธเจ้ามาประจุในวัตถุมงคล
1.2 พระเกจิที่ปลุกเสกโดยการสวดอัดประจุคาถา การเสกว่าคาถาบทสวดต่างๆ เช่น บทสวดเจ็ดตำนาน คาถาชินบัญชร เป็นการอาราธนาบารมีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
1.3 พระเกจิอาจารย์ที่ทรงอภิญญา ปลุกเสกโดยกำหนดจิตจากฌาณสมาบัติ
1.4 พระเกจิอาจารย์ที่อธิษฐานขอใช้บารมีและศีลที่บริสุทธิ์ของท่านประจุไว้
-------------------------
2. ของสำเร็จด้วยวิชาไสยเวทย์ การลงเลขยันต์ตามวิธีโบราณ
3. ของสำเร็จด้วยการอ่านคาถาอาคม อ่านโองการบูชาต่างๆ
4. ของที่สำเร็จเพราะเป็นของทนสิทธิ์ตามธรรมชาติ เช่นคด
5. ของที่สำเร็จด้วยสิ่งมีพลังอำนาจแฝง เช่นน้ำมันพราย
**********************************************
หาพระเครื่องให้สามารถหนุนดวงชะตา
ของผู้นำมาติดตัวบูชาดังนี้ (เครดิต - พี่หนุ่ม)
ของผู้นำมาติดตัวบูชาดังนี้ (เครดิต - พี่หนุ่ม)
*************************************************
คนเรานั้น ตั้งแต่เกิดมาจนโตก่อนจะมีทรัพย์สมบัติใดๆ ก็ตามจะต้องมีพร้อมสมบูรณ์ในสามอย่างเบื้องต้นก่อนคือ ธาตุ 4 ขันธ์ 5 อายตนะ 6 ซึ่งพื้นฐานที่สำคัญที่สุดคือธาตุ มีการจัดหมวดหมู่ได้แค่ 4 ธาตุ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นที่ตั้งมูลฐานของทุกสิ่งในโลกนี้ ก่อนจะมีองค์ประกอบอื่นๆ
ส่วนธาตุของปีผมใช้ตำราจีนผสมครับเพราะสามารถแตกย่อยละเอียดได้มากกว่า ธาตุวันเกิดใช้ตำราไทยโบราณ วิธีการแก้ใช้เคล็ดวิชามอญครับ
ธาตุเดือนเกิด แสดงราศีเจ้าของดวงชะตา
ธาตุปีเกิด แสดงพฤติกรรมเจ้าของชะตา
ธาตุวันเกิด แสดงอุปนิสัยเจ้าของชะตา
***************
คนธาตุดิน ชอบทำอะไรช้าๆ คิดมาก ต้องการความแน่นอน ทำเรื่องง่ายๆให้เป็นเรื่องยากได้ ควรแขวนพระเครื่องที่สร้างจากดิน โลหะหรือไม้ แต่หลีกเลี่ยงพระเครื่องที่แช่น้ำมนต์
***************
ธาตุน้ำ ชอบคิดอะไรเกินตัวโดยเฉพาะเรื่องเงินทอง ชอบทำอะไรหลายๆเรื่องในเวลาเดียวกัน ควรแขวนพระเครื่องที่สร้างจากดิน หรือพระเนื้อผงและต้องไม่ผ่านความร้อน ไม่ถูกเผา
***************
ธาตุลม ตัดสินใจไม่เด็ดขาด เปลี่ยนไปมาง่าย ขี้กังวล และมักชอบลืมง่าย
ควรแขวนพระเครื่องที่สร้างจากโลหะหรือดิน ไม่ควรบูชาพระเนื้อผง
***************
ธาตุไฟ ชอบคิดมาก ใจร้อน แต่ต้องการให้ทุกอย่างมีกฎเกณฑ์
ควรแขวนพระเครื่องเนื้อดินเผา ซึ่งเป็นพระที่ทำแล้วใช้การเผาด้วยความร้อน
***************
ยกตัวอย่าง - *** ผู้ที่เกิดวันศุกร์ เดือนมิถุนายน ปีฉลู *** เนี่ยควรจะห้อยพระแบบไหนถึงจะแก้ไขเรื่องการทำกิน การทำการค้า การรับราชการ การทำธุรกิจให้รุ่งเรือง มีตารางของทุกวัน ทุกเดือน และทุกปีเกิดครับ
ขอย้ำว่า ไม่ใช่ความรู้ของผม แต่เป็นการศึกษาของพี่หนุ่มที่ได้มาจากครูบาอาจารย์หลายๆ ท่านครับ รู้ใไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม ถ้าเกิดดีขึ้นมาก็วิเศษเลยใช่มั้ยครับ
ข้อสำคัญ - หมั่นทำบุญให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เมื่อประกอบกับพระเครื่องที่เราศรัทธาก็จะยิ่งเสริมบารมีและแก้ไขดวงชะตาที่กำลังตกต่ำอยู่ได้ครับ
พระเนื้อผงยอดนิยมของท่าน จะดูได้เพียงเนื้อเท่านั้นที่ยังทำไม่เหมือนจริงๆยังแยกกันได้ตรงนี้ ส่วนเหรียญดังๆในวงการพระทุกวันนี้บางคนมีไม้ตายเรื่องเดียวคือตัวตัดขอบเหรียญ อย่าคิดว่าตัวตัดขอบเหรียญนั้นจะทำไม่ได้ ขอสาบานต่อหลวงพ่อกวยได้ว่า ผมคุยกับคนทำบล็อกเลียนแบบเหรียญดังๆ ที่ทำบล็อกหน้าหลังได้ 99% และตัวตัดขอบเหมือนถึง 90 % ที่ทำกันไปแล้วในราคาค่าทำบล็อกหลักแสนบาท เขาจะเลือกลงทุนเหรียญปั๊มที่ไม่ใช่แบบนูนต่ำ ที่เขาทำกันไปแล้วเท่าที่จำได้ ก็มีเหรียญหลักล้านของ ลพ.โสธร, ลพ.ทวด ทั้งเม็ดแตง เลื่อนสมณะศักดิ์และรุ่นแรก, เหรียญเปิดโลกปี 32, เจริญพร และเหรียญวัดหรงบล แต่คงมีแบบอื่นๆอีกแน่นอน
--------------------------------------
หมายเหตุจากผม - วงการนี้ น่ากลัวจริงๆ สำหรับผู้ที่ไม่รู้ข้อมูล หรือเพิ่งจะเข้ามาศึกษา
***********************************
พระพิมพ์แบบพระสมเด็จสร้างปี 2516 ของหลวงพ่ออภิชิโตบทความนี้เขียนโดยพี่หนุ่ม เมืองแกลง ส่วนภาพพระ เป็นพระของผมครับ
------------------------------------
ผมเพิ่งจะทราบเรื่องราวของหลวงพ่ออภิชิโต เมื่อปี 2553 จากอ.ปู่ประถม อาจสาคร แต่ก็ไม่เคยเห็นพระที่ท่านสร้างเลย เคยได้ยินแต่เรื่องพระอาหารจำนวน 7 องค์ ที่อ.ปู่ประถมมี 1 องค์ถ้าจำไม่ผิด แต่ก็ไม่ได้มีวาสนาเห็น
.
พระพิมพ์แบบพระสมเด็จ ที่หลวงพ่ออภิชิโตสร้างและเสกเมื่อปี 2516 สร้างไม่เกิน 70 องค์ พระองค์นี้ผมติดตัวบูชาอยู่ทุกวัน |
.
พระหลวงพ่อที่สร้างนั้น จะสร้างจากผงวิเศษต่างๆ มาอัดรวมกันล้วนๆ เลย จึงไม่จำนวนไม่ค่อยมาก และท่านสร้างของท่านเงียบๆ ถึงเวลาก็มอบให้ศิษย์ที่มีปัญหาชีวิต... ไม่ใช่แบบคนสร้างพระสมัยนี้ที่เอาผงวิเศษ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมมวลสารธรรมดาเพิ่มเนื้อกันหลายสิบกิโล ทำกันทีหลายพันองค์
.
พระหลวงพ่อสร้างนั้น หมายความว่า ท่านสร้างจริงๆ ไม่ใช่เหมือนยุคนี้ โฆษณาว่าหลวงพ่อ.... สร้าง แต่ความจริงท่านแค่เสกต่างหาก แต่หลวงพ่ออภิชิโตนั้นท่านทั้งสร้างและเสกด้วยตัวท่านเอง ยกเว้นรุ่นสุดท้ายปี 2529
.
พระหลวงพ่อบางรุ่น สร้างไว้ไม่ถึง 70 องค์ เก็บไว้ 7-8 ปี ที่พานตรงบริเวณด้านศีรษะท่าน ลูกศิษย์บางคนที่เข้าไปทำความสะอาดกุฏิก็เห็นอยู่ แต่ไม่กล้าขอ บางคนที่กล้าขอ ท่านก็ยังไม่ให้ บอกว่า ยังไม่ถึงเวลา... (หมายเหตุ – คือพระพิมพ์แบบพระสมเด็จ สร้างปี 2516)
.
แต่เมื่อถึงเวลาแล้ว ท่านจำผู้มาขอได้เสมอ และจะแจกไปให้คุ้มครอง หนุนดวงชะตาชีวิตในการทำมาหากิน.... แต่ถ้าขอเรื่องหวยเรื่องลาภลอย .. จะไม่ค่อยได้... ต้องขอในทางทำมาหากิน ... จะสะดวก จะเจอช่องทางใหม่ๆ ในการทำกินจนฐานะมั่งคั่ง
.
พระท่านใดที่จะเสกพระให้หนุนเรื่องชะตาชีวิต และการทำมาหากินได้นั้น ต้องระดับพระอภิญญาสูงสุดและได้ฌาณสมาบัติ และจะต้องมีบารมีส่วนตนของท่านอย่างเอกอนันต์... ถ้าใครมีพระของท่าน ลองนำไปให้พระอริยเจ้าที่เก่งๆ ลองตรวจดูสิ... จะได้ยินท่านบอกคล้ายๆ กันว่า "ของเขาทำมาดีเยี่ยมแล้ว เสกไม่เข้าหรอก" ประมาณคล้ายๆ อย่างนี้
-----------------------
หมายเหตุจากผม - หลวงพ่อเคยบอกลูกศิษย์ท่านว่า... ถ้าจะให้ได้ผลศักดิ์สิทธิ์ในการบูชา จะต้องสวดมนต์ถวายทุกวันด้วยบทพาหุงมหากา และยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก.... ซึ่งจะโน้มนำให้เกิดผลดีมากในการปฏิบัติภาวนา
และได้ทราบจากพี่หนุ่มว่า.. มีท่านหนึ่ง (ขอสงวนนาม) ได้แขวนเดี่ยวพระพิมพ์รุ่นนี้ จากการทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ ตอนนี้ได้ทำธุรกิจระดับพันล้านไปแล้ว... ยินดีด้วยครับ บุญสัมพันธ์กันก็ส่งเสริมกันยิ่งๆ ขึ้นไป
**********************************
บทความนี้เป็นของพี่หนุ่มเมืองแกลง
-------------------------------------------
การจะหนุนเสริมและเกื้อกูลพลังจากพระเครื่องให้ครบถ้วนและได้ผล
ในทุกด้านและสมบูรณ์จริงๆ ต้องพิจารณารวมกันจาก 3 ทางครับ
.
1.ทางวิทยาศาสตร์
จากการพิจารณาในสิ่งแวดล้อมที่คนๆนั้นเกี่ยวพันอยู่ จากคนรอบข้างที่สัมผัส จากพฤติกรรมที่ทำ จากอาชีพที่เป็นอยู่
2. ทางโหราศาสตร์
จากวิถีดวงชะตา จากธาตุพื้นฐานทั้งธาตุเด่นและธาตุรอง และธาตุอริ จากลักษณะในตัวทางโหงเฮ้งและลักษณะเด่น
จากวิถีดวงชะตา จากธาตุพื้นฐานทั้งธาตุเด่นและธาตุรอง และธาตุอริ จากลักษณะในตัวทางโหงเฮ้งและลักษณะเด่น
3. ทางจิตศาสตร์
พิจารณาจากนิสัยในจิตใต้สำนึก จากพลังศรัทธาและสมาธิ จากสิ่งที่ติดตัวมาเพราะกรรมทั้งเก่าและใหม่
.
เมื่อเอาทุกอย่างมารวมกันแล้วประมวลผลหาข้อด้อยที่ต้องแก้ไข หาจุดเด่นเพื่อเสริมส่งให้ตรงจุด เรื่องบางอย่างเราฝืนลิขิตไม่ได้ ก็แค่ป้องกันเอาไว้ก่อน เรื่องไหนมีโอกาสวาสนาก็เสริมส่งให้สูงสุดไปเลย
.
บางคนไม่มีโชคลาภ แต่มีวาสนาทางค้าขาย ก็หาพลังที่ตรงจุดนี้มาหนุนเนื่อง
.
คนที่มีบุญเก่ามาดี แล้วก็หาพระทางบุญฤทธิ์จากพลังเหนือโลก อะไรประมาณนี้เพื่อหนุนเสริมส่งให้เป็นแนวทางเดียวกันโดยเร็ว
.
คนที่มีศัตรูมากก็หาพระทางป้องกัน
.
คนที่มีดวงเรื่องวาสนาพารวยมีเงินทองเข้ามา ก็หาพระทางทำมาหากินและก้าวหน้ามาเสริมส่ง
.
คนที่ติดกรรมเก่ามามากอยู่ในห้วงวิบากกรรม ก็หาพระเก่งทางอิทธิฤทธิ์และมีบารมีมาก มาช่วยสงเคราะห์ให้ได้รับโอกาสบ้าง เหมือนเราพายเรือด้วยไม้พายอันเดียวยังไปได้เรื่อยๆ ออกซ้ายออกขวาบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อใช้วิธีกรรเชียงคู่ในเรือขนาดเดียวกัน เรือที่วิ่งฉิวไปเร็วกว่าจะพุ่งไปตรงทางและเร็วมากกว่า ที่เขาว่าแข่งเรือแข่งพายยังพอทำได้คล้ายๆแบบนี้
พิจารณาจากนิสัยในจิตใต้สำนึก จากพลังศรัทธาและสมาธิ จากสิ่งที่ติดตัวมาเพราะกรรมทั้งเก่าและใหม่
.
เมื่อเอาทุกอย่างมารวมกันแล้วประมวลผลหาข้อด้อยที่ต้องแก้ไข หาจุดเด่นเพื่อเสริมส่งให้ตรงจุด เรื่องบางอย่างเราฝืนลิขิตไม่ได้ ก็แค่ป้องกันเอาไว้ก่อน เรื่องไหนมีโอกาสวาสนาก็เสริมส่งให้สูงสุดไปเลย
.
บางคนไม่มีโชคลาภ แต่มีวาสนาทางค้าขาย ก็หาพลังที่ตรงจุดนี้มาหนุนเนื่อง
.
คนที่มีบุญเก่ามาดี แล้วก็หาพระทางบุญฤทธิ์จากพลังเหนือโลก อะไรประมาณนี้เพื่อหนุนเสริมส่งให้เป็นแนวทางเดียวกันโดยเร็ว
.
คนที่มีศัตรูมากก็หาพระทางป้องกัน
.
คนที่มีดวงเรื่องวาสนาพารวยมีเงินทองเข้ามา ก็หาพระทางทำมาหากินและก้าวหน้ามาเสริมส่ง
.
คนที่ติดกรรมเก่ามามากอยู่ในห้วงวิบากกรรม ก็หาพระเก่งทางอิทธิฤทธิ์และมีบารมีมาก มาช่วยสงเคราะห์ให้ได้รับโอกาสบ้าง เหมือนเราพายเรือด้วยไม้พายอันเดียวยังไปได้เรื่อยๆ ออกซ้ายออกขวาบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อใช้วิธีกรรเชียงคู่ในเรือขนาดเดียวกัน เรือที่วิ่งฉิวไปเร็วกว่าจะพุ่งไปตรงทางและเร็วมากกว่า ที่เขาว่าแข่งเรือแข่งพายยังพอทำได้คล้ายๆแบบนี้
************************************************
พระเครื่องหลวงพ่ออภิชิโต (เครดิตพี่หนุ่มเมืองแกลง)
พระเครื่อง-วัตถุ มงคลแบบต่างๆที่หลวงพ่ออภิชิโตได้สร้างขึ้นมานั้นมีไม่กี่อย่าง และถือว่าท่านสร้างของไว้น้อยมาก เมื่อเทียบกับวัตถุมงคลที่กำเนิดจากพระเกจิดังๆในอดีตที่ผ่านมา ทั้งๆที่พระอาจารย์ชาญณรงค์มีอำนาจจิตแกร่งกล้าเกินคาดเดาและมีปาฏิหาริย์ เหนือพระเกจิอีกมากมายหลายองค์ในยุคสมัยนั้น เพราะท่านเป็นทั้งศิษย์ในดงและอาจารย์ในดงพร้อมๆกัน แต่ที่ท่านทำไว้น้อยด้วยเพราะของที่ท่านทำเองนั้นจะก่อให้เกิดเรื่องเหนือ โลกในวันหน้าและกลัวว่าจะมีคนนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ในทางที่ถูกที่ควร และคนที่ควรจะได้สงเคราะห์มีไม่มากนักและไม่ใช่ทุกคนไป
.
วัตถุมงคลของท่านที่ยอมรับในสากลและถือเป็นสิ่งที่ท่านทำไว้ด้วยตัวเอง มีรูปแบบ มีเอกลักษณ์ และมีมาตรฐานชี้ชัดและนิยมเสาะหากันมานานแล้วคือ
.
-สมเด็จรุ่นแรกปี 2485 กรุวัดลาดบัวขาวโดยสมภารยอด เจ้าอาวาสยุคนั้นขอท่านสร้าง
-สมเด็จดำสร้างไว้เป็นครั้งแรกเพียงไม่กี่องค์
-สมเด็จขาว
-สมเด็จน้ำตาล
-สมเด็จเขียวสร้างและปลุกเสกในถ้ำที่ลพบุรี
-สมเด็จแดง สร้างครั้งแรกเมื่อ 2493 มีทั้งพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่
-พระบูชา “พระพุทธเมตตา” จำนวนน้อยมาก
-พระผงปี 16 และพระสมเด็จฝังพระธาตุมีสร้างไว้ประมาณเพียง 100 กว่าองค์
-พระเนื้อผงรุ่นสุดท้ายปี 2529 เป็นรุ่นที่ท่านใส่มวลสารอันเป็นที่สุดลงไปทั้งหมด
-เหรียญรูปเหมือนเนื้อทองเหลือง จากกองกษาปณ์ มีพิมพ์เดียว เนื้อเดียว
-เหรียญพระพุทธ “เบญจพิทักษ์” มีเนื้อทองแดงเพียงเนื้อเดียว มีแบบเดียว
.
เปรียบเทียบกับ พระเกจิในยุคนี้หรือในยุคนั้นก็ตามที หากอภิญญาจิตกล้าแข็งเหลือล้ำและวิชาอาคมสุดยอดแบบท่านระดับปรมาจารย์แบบนี้ จะต้องมีวัตถุมงคลสร้างไว้สัก 100 รุ่นเป็นอย่างน้อย แต่ด้วยตบะบารมีที่ลือกันว่าท่านดุและความเป็นคนจริงของท่าน ทำให้ไม่มีใครกล้ารบกวนขอสร้างและท่านก็ไม่ให้สร้าง ท่านไม่ยินยอมให้ศิษย์สร้างรูปของท่านในวัตถุมงคล แต่ให้นำรูปพระพุทธมาใส่แทนเสมอมา จะมีก็แต่เหรียญเนื้อทองเหลืองของกองกษาปณ์เหรียญเดียวที่เป็นวัตถุมงคลในรูปแบบสัญลักษณ์ตัวแทนของท่านโดยตรง ดังนั้นเหรียญนี้ถือว่าเป็นหนึ่งเดียวในรูปเหมือนตัวแทนของท่านอาจารย์ชาญ ณรงค์หรือหลวงพ่ออภิชิโต
.
อีกทั้งท่านตั้งใจปลุกเสกอย่างที่สุดเพื่อไม่ให้เสียชื่อท่าน โดยปลุกเสกครั้งละเหรียญก่อนจะนำไปทำพิธีเชิญหลวงตาดำและพระในดงทั้งหมดมา ร่วมปลุกเสกและท่านกำหนดจิตอธิษฐานปิดท้ายเหรียญรุ่นนี้ รวมการปลุกเสกเหรียญรุ่นนี้กว่าจะครบทั้งหมดก็กินเวลาหลายปี ถือเป็นเหรียญดีและหายาก เหรียญแทบทั้งหมดจะตกอยู่กับศิษย์ของท่านโดยไม่มีตกอยู่กับเซียนพระหรือร้านค้าพระ หากจะมีออกมาสู่ภายนอกบ้างก็เพราะได้รับการแบ่งปันออกมาจากกลุ่มคนที่ได้รับ แจกในยุคนั้นหรือเป็นข้าราชการในยุคสมัยนั้น คนที่ได้รับไปเห็นว่าทองเหลืองที่เป็นเนื้อเหรียญไม่เรียบเนียนสวยงาม ก็เอาไปกะไหล่ทองใหม่ หรือเอาไปพ่นทรายให้สวยงามจนต่างจากเหรียญสภาพเดิมๆ (เพราะความแข็งของเนื้อทองเหลืองออสเตรเลีย) แต่แทบทุกเหรียญจะมีตำหนิบนพื้นผิว ทั้งเป็นรอยหลุมเล็กๆ รอยขีดและเส้นเล็กๆบนผิว หรือรอบแตกรานเล็กๆน้อยๆแทบทุกเหรียญ ของปลอมจะมีขนาดหดเล็กกว่าของแท้และตัดขอบต่างกันมาก
.
พระผงรุ่นสุดท้ายของหลวงพ่ออภิชิโต มี 4 พิมพ์ คือสมเด็จพิมพ์ใหญ่ สมเด็จพิมพ์คะแนน พระพิมพ์นางพญาและพิมพ์พระปิดตา รวมทุกพิมพ์แล้วมีประมาณเพียง 2500 องค์ เท่านั้น โดยสร้างขึ้นเพื่อหาเงินไปบูรณะวัดอัมพวัน จ.หนองคาย โดยพระมหาเหลื่อมเป็นผู้ขอสร้าง มีพิธีสร้างและปลุกเสกที่วัดเงิน ตลิ่งชัน โดยหลวงพ่อเป็นผู้ปลุกเสกเดี่ยวด้วยกายเนื้อตลอดพรรษาทุกวันไม่เว้นแม้แต่ วันเดียว และยังเชิญพระในดงทุกองค์มาร่วมปลุกเสกพระรุ่นนี้ รวมทั้งท่านอาจารย์ใหญ่คือหลวงตาดำ อภิมหาปรมาจารย์ของพระในดงผู้เรืองฤทธิ์ สิ่งมงคลและทุกอย่างที่เป็นของอาถรรพ์ในโลกนี้ ท่านได้นำมาใส่ไว้ในการสร้างพระรุ่นนี้ทั้งสิ้น เพื่อให้เป็นที่สุดของพระเครื่องในยุคหลังกึ่งพุทธกาลที่จะรอสร้างปาฏิหาริย์ในวันหน้าเมื่อบ้านเมืองถึงคราวยุคเข็ญ เท่าที่สอบถามและดูรายละเอียดที่มีการบันทึกไว้ในมวลสาต่างๆของพระรุ่นสุด ท้ายปี 2529 เอาแค่ที่จำได้มีดังนี้
.
-พระสมเด็จวัดระฆัง ที่เป็นสมบัติตกทอดจากตระกูลท่าน
-พระสมเด็จบางขุนพรหมจำนวนมากทั้งที่หักและสภาพดี
-พระสมเด็จวัดเกศจำนวนหนึ่งกระป๋องนมตราหมี
-พระพุทโธน้อยของคุณแม่บุญเรือน (ทั้งสองท่านรู้จักกันดี)
-พระของขวัญวัดปากน้ำ(ท่านสนิทกับหลวงพ่อสดดี)
-พระและผงของท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต
-ผงพระวังหน้าและผงจากกรุวัดพระแก้วที่ได้มาจากหลังคาโบสถ์
-ผงวิเศษและดินอาถรรพ์จากในดง ที่ท่านไปนำมาเพื่อใช้สร้างพระรุ่นนี้โดยเฉพาะ
-ทราย จากขั้วโลกเหนือ ที่เป็นทรายเสกของพระอุปคุต ท่านลงทะเลน้ำแข็งไปเอามาโดยจีวรไม่เปียกน้ำต่อหน้าคนทั้งลำเรือ ส่วนที่เปียกน้ำเป็นเฉพาะทรายที่ท่านเอาจีวรห่อขึ้นมาจากทะเล
-ใส่เขาปลาวาฬขั้วโลก(เป็นกระดูกที่งอกขึ้นบนหัวคล้ายเขาม้ายูนิคอร์น) ที่เจ้าสัวใหญ่มอบให้มา
-ใส่ปากกา ปากเหยี่ยว จมูกเสือ เป็นเคล็ดวิชาแก้อาถรรพ์
-ใส่ผงเขี้ยวทั้ง9 และผงเขาทั้ง 5 เพื่อแก้และกันอาถรรพ์ในป่าในดง
-ใส่ทองอำพัน ใส่แก้วโป่งข่าม แก้วขนเหล็ก แก้และกันอาถรรพ์โลกวิญญาณ
-ใส่ผงวิเศษที่ผู้มีบุญสูงศักดิ์ของเมืองไทยประทานมอบให้โดยเฉพาะ
-ผงว่านสบู่เลือด ผงจ่าว่าน ผงไพรดำ
-ใส่พระและผงจากกรุพระเมืองกำแพงเพชร ซึ่งเทวดานำมามอบให้ท่าน
-ใส่ผงจากการสร้างพระวัดลาดบัวขาวปี 2485 ที่กดไม่ทันฤกษ์และเก็บรักษาไว้
-ผงก้นกรุพระวัดชนะสงคราม
-ผงจากพระและผงกรุวัดสามปลื้ม
-ผงกรุพระวัดราษฎร์บูรณะ
-ใส่พระสมเด็จแดง สมเด็จดำ สมเด็จเขียว ที่เหลืออยู่ทั้งหมด
-ผงจากเจดีย์เมืองหงสาวดี ประเทศพม่าที่เป็นผงพันปีจากโลกลี้ลับ
-อีกหลายอย่างที่ผมจำไม่ได้แล้ว แต่ละอย่างล้วนหายากและเป็นของในตำนาน
.
ในพิธีสร้างพระเครื่องปี 2529 นี้ มีพราหมณ์ผู้จัดการบวงสรวงพิธีชื่อพราหมณ์แป๊ะ ซึ่งเป็นศิษย์อีกคนหนึ่งของท่านที่เรียกเข็มจากใต้น้ำได้ แก้อาถรรพ์วิชาได้ เป็นผู้ทำพิธีต่างๆตั้งแต่ต้นจนเสร็จ พระเครื่องรุ่นนี้ท่านสร้างไว้เพื่อให้เกิดปาฏิหาริย์ต่อผู้ใช้บูชาเพื่ออำนวยผลต่อคนในยุคหน้าที่สังคมเสื่อมทรามและโลกถึงคราวพบเคราะห์กรรม ใช้ป้องกันนิวเคลียร์ กันภัยจากรังสีร้ายแรง
.
ท่านได้ใส่อาคมที่กันได้ในวิชาอาคมทั้ง 18 อักขระภาษา เช่นกูโบ๊ส แขก มอญ ละติน ขอม ฯลฯ กันไว้ทั้ง 10 ทิศทั้ง วันเปิด-วันปิดของคนบูชา ป้องกันคุณไสย ป้องกันการคัดถอนวิชาอาคมในตัว มีพยานรู้เห็นหลายคนว่า พระเครื่องรุ่นนี้ท่านปลุกเสกจนพระทั้งหมดลอยขึ้นจากพื้น (บางคนบอกว่าท่านเสกจนพระบินได้) ในพิธีปลุกเสกนั้น ไฟฟ้าในวัดทุกดวงได้ดับลงขณะท่านกำหนดสมาธิจิตจรดปากกาลงบนแผ่นจารเพื่อทำ พิธี โดยที่ไฟฟ้านอกวัดไม่ดับเลย เมื่อท่านปล่อยจิตเป็นปกติไฟฟ้าก็ติดทุกดวง คนยุคนั้นและคนทั้งบางละแวกนั้นจะรู้จักพระรุ่นนี้ว่า”พระรุ่นไฟดับ”
.
ท่านบอกกับศิษย์ ว่า พระรุ่นนี้ท่านจะทำทิ้งทวนในสรรพวิชาที่เรียนมาให้ดีที่สุดเพื่อคนในรุ่น หลัง จะสร้างของวิเศษไว้ในแผ่นดินให้โลกจารึกไว้ และจะไม่ให้ศิษย์หรือคนที่นับถือท่านต้องตกต่ำด้อยค่ากว่าใครๆ ศิษย์ของท่านบอกตรงกันว่า พระชุดนี้ไม่เป็นรองใครในแผ่นดินและกันได้ทุกอย่าง จะก่อปาฏิหาริย์มากในวันหน้า พระชุดนี้มีหลายสีเช่นสีขาวๆจะแก่ผงวิเศษต่างๆ สีขาวปนแดงอ่อนจะแก่พระสมเด็จแดงชุดสุดท้ายที่หลวงพ่อเทใส่ครกตำลงไปด้วย(หายากมาก) สีเทาเข้มๆอมน้ำมันจะแก่มวลสารอาถรรพ์และสมเด็จเขียว สีน้ำตาลอ่อนจะแก่ว่านยาจากในป่าในดง สีขาวปนเทาอ่อนๆจะเป็นเนื้อมาตรฐานของพระรุ่นนี้
.
เมื่อเสร็จพิธีปลุกเสกครบหนึ่งพรรษาแล้ว ลูกศิษย์ของท่านระดับเจ้าสัวหลายท่านที่รับรู้การสร้างพระเครื่องรุ่นนี้ ได้มอบเงินให้กับวัดอัมพวัน จ.หนองคายเพื่อช่วยบูรณะตามต้องการ และเก็บพระรุ่นนี้แทบทั้งหมดไว้จนกระทั่งปัจจุบัน ทำให้มีพระรุ่นนี้ออกมาหมุนเวียนในตลาดพระไม่มากนัก มีออกมาเมื่อไรก็หายไปทันทีในราคาบูชาที่สูงมากจนน่าตกใจกับพระเครื่องใหม่ๆ ที่คนยังไม่รู้ประวัติดีพอแบบนี้ จนถึงวันนี้ วันที่ท่านผู้เก็บพระเหล่านี้ไว้ ได้เมตตาพวกเราชาวเวปพลังจิต ที่เน้นการร่วมทำบุญสร้างสาธารณะกุศลมากกว่าจะมองหากำไรเล็กๆน้อยๆ จึงเรียกผมไปพูดคุยและแบ่งของวิเศษค่าควรเมือง แบบนี้มาให้จำนวนหนึ่ง ทั้งๆที่มีเซียนพระมีระดับไปอ้อนวอนของแบ่งปันทั้งหมดโดยไม่เกี่ยงราคา
.
ในอนาคตเร็วๆนี้ จะใช้บูชาก็ไม่ผิดหวังตามต้องการ หากใครรู้ประวัติการสร้างทั้งหมดหรือทราบปาฏิหาริย์ของหลวงพ่ออภิชิโตทั้ง หมด รับรองว่าจะวางพระหลักแสนที่เคยเก็บเคยถือครองไปอีกหลายอย่างเพราะเกินครึ่งของเกจิดังๆในยุคนี้ ท่านลองวิชามาแล้วทั้งสิ้นและหลายท่านยอมรับแก่หลวงพ่อโดยไม่มีข้อกังขาที่ยังไม่อยากเอ่ยชื่อพระเกจิเหล่านั้นก็เพราะกลัวจะสะเทือนใจแก่เหล่าลูกศิษย์ที่เคารพนับถือ
.
แต่แท้ที่จริงแล้ว ผมมิได้เจตนาจะนำประเด็นการลองวิชากับพระเกจิต่างๆมาเป็นจุดนำสร้างความ ศรัทธาอย่างใดทั้งสิ้น แต่อยากชูประเด็นความเป็นพระอภิญญาที่แก่กล้าด้วยฌานสมาบัติและเป็นของจริง ที่สร้างสิ่งมหัศจรรย์ต่อหน้าคนจำนวนมากให้โลกได้จดจำ รวมทั้งความรัก ความเป็นห่วงศิษย์รุ่นต่อๆมาและการสร้างของขลังที่หาผู้ทำได้ดีเท่าแบบนี้ มาบอกกล่าวต่อกัน และสิ่งที่ท่านทำปาฏิหาริย์มามากมายนั้น ล้วนมีการบันทึกไว้ทั้งภาพ ทั้งข้อมูล เอกสารหนังสือต่างๆครบถ้วนคนที่อยู่ร่วมในการทำปาฏิหาริย์ต่างๆเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่ก็หลายคน
.
แม้แต่หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง อุทัยธานี ยังยกย่องและยอมรับว่า พระพุทธรูปที่หลวงพ่ออภิชิโตเสกให้นั้น เป็นที่สุดของพระบูชาแห่งยุคแล้ว จะหาที่ไหนทำเสมอเหมือนได้ยาก โดยเหตุนี้เกิดเมื่อครั้งที่นายทหารท่านหนึ่งยศนายพลได้ขออนุญาตสร้างพระ พุทธรูปบูชาจำนวนหนึ่ง ให้ชื่อว่า”พระพุทธเมตตา” เมื่อท่านเสกให้แล้วก็นำไปออกให้บูชาหาเงินทำบุญที่อุทัยธานีและที่อุตรดิตถ์ มีคนบูชาและนำไปที่วัดท่าซุง อุทัยธานี เมื่อหลวงพ่อฤาษีฯได้พบพระบูชานี้เข้าจึงให้ศิษย์ของท่านมาตามเก็บไปบูชาอีกสิบกว่าองค์โดยบอกว่า พระบูชาที่สร้างอย่างสมบูรณ์และทำได้ดีแบบนี้ในโลกนี้จะหาคนทำได้ยากหรืออาจไม่มีอีกแล้ว (เรื่องนี้จะมีบันทึกในหนังสือทั้งชื่อ ยศของผู้สร้าง วันเวลาโดยละเอียด สามารถสอบทานเรื่องจริงได้เลย)
.
เคยมีผู้นำพระผงรุ่นสุดท้ายนี้ไปให้พระอาจารย์ชื่อดังสายวิปัสสนาศิษย์สาย หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ตรวจรังสีจิตในองค์พระผงรุ่นสุดท้ายของหลวงพ่ออภิชิโต พระอาจารย์ท่านนั้นถึงกับสะดุ้งและบอกว่า "ในโลกเรายังมีคนทำของได้ดีสมบูรณ์แบบอย่างนี้อีกหรือ สูงค่าจริงๆ .........."
.
พระเครื่องต่างๆของหลวงพ่ออภิชิโต มีเรื่องเล่ามากมายที่เหนือธรรมดาปกติของสังคมโลกทั่วไปและเป็นมานานแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักกันนัก ถามหากันโดยไม่มีข้อมูลที่แท้จริงหรือมีข้อเปรียบเทียบของตัวอย่าง เมื่อโอกาสดีๆมาถึงแล้วในเวลานี้โดยหลวงพ่ออภิชิโตและศิษย์รุ่นเก่าๆของท่าน เมตตาและต้องการมอบสิ่งเหล่านี้กับผู้มีวาสนา มีจังหวะและเวลาที่ลงตัวพอเหมาะพอดีกัน แล้วพวกเราจะไม่อยากได้ของที่ท่านทำเตรียมไว้ให้ตั้งแต่ครั้งอดีตแบบนี้บ้างหรือ หากวันเวลาผ่านไปอีกสักเล็กน้อย ท่านจะรู้ว่า บางครั้งเรื่องบังเอิญนั้นเกิดขึ้นเพราะความไม่บังเอิญ
.
พระสมเด็จรุ่นแรกวัดลาดบัวขาวปี 2485 มีอุปเท่ห์การใช้มากมายและท่านใส่วิชาทั้งหมดที่เรียนมาจากในดง พระรุ่นนี้ออกแนวไปทางอิทธิฤทธิ์ พระรุ่นสุดท้ายจะออกแนวไปทางบารมีและบุญฤทธิ์ อย่างหนึ่งที่หลวงพ่อแนะนำไว้คือ ท่านลงกันและแก้วิชาไสยดำ การกระทำคุณไสยไว้ครบถ้วน ท่านยังเอาพระสมเด็จวัดลาดบัวขาวไปวางไว้บนหน้าจั่วของศาลาที่แยกสำราญรา ษฏร์เพื่อแก้เคล็ดวิชาทางไสยเวทย์ และบอกว่าใครที่มีบ้านในตำแหน่งผิดหลัก มีบ้านที่ร้อนรุ่มอยู่ไม่ปกติ หรือจะสร้างบ้านหลังใหม่ ให้นำพระสมเด็จรุ่นนี้ไปเลี่ยมแบบเปิดหน้า(ให้อากาศธาตุสัมผัสพระโดยตรงได้) และวางไว้บนเสาเอกหรือบนจั่วหลังคา จะคุ้มบ้านหลังนั้นไปชั่วลูกชั่วหลาน ส่วนพระสมเด็จรุ่นสุดท้ายมีอุปเท่ห์การใช้อย่างไร จะมาบอกอีกทีหนึ่งโดยเฉพาะการทำน้ำมนต์
.
พระผงรุ่นสุดท้ายปี 2529 ของหลวงพ่ออภิชิโต จะมีสี่แบบ
-สมเด็จพิมพ์พระประธาน(พิมพ์ใหญ่) มีพิมพ์เดียว ไม่มีพิมพ์ฐานแซม ทรงเจดีย์ หรือเส้นด้าย
-สมเด็จพิมพ์คะแนน เป็นแบบพิมพ์ใหญ่เช่นกัน แต่มีขนาดเล็กสวยงามพอเหมาะ
-สมเด็จนางพญา ทรงสามเหลี่ยม มีรูปแบบเดียว ทรงเดียวกับนางพญาอกนูนพิษณุโลก
-พิมพ์พระปิดตา รูปแบบคล้ายพระปิดตาหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง
.
หรียญเนื้อทองเหลืองรูปเหมือนของท่าน จัดสร้างโดยกองกษาปณ์
เป็นเหรียญรูปเหมือนท่านเพียงหนึ่งเดียวที่สร้างไว้ ใช้อธิษฐานดีมาก
มี3เหรียญ3 ลักษณะแต่เป็นเนื้อเดียวกัน บล๊อคเดียวกันสร้างพร้อมกัน
-แบบเดิมๆตามธรรมชาติ
-แบบกะไหล่ทองมาใหม่
-แบบพ่นทรายให้สวยงาม
.
พระพิมพ์ใหญ่มีน้อยครับ พิมพ์คะแนนและพระนางพญามีหลายองค์ เจ้าของเดิมเป็นศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่ออภิชิโต ท่านเก็บรักษามาตั้งแต่เสร็จพิธีปี 2529 เพิ่งเป็นครั้งแรกที่ยอมแบ่งออกมาให้คนวงนอก ที่ผ่านๆมาก็มีเพียงศิษย์หลวงพ่อด้วยกันแวะเวียนมาแบ่งครั้งละองค์สององค์ แต่บางครั้งพระพิมพ์ใหญ่ก็ไปโผล่บนห้างในราคาแพงมากคุ้มครองด้านแคล้วคลาด คงกะพัน เป็นพื้นฐานของวิชาการปลุกเสกและจะมีทุกองค์ในพิธีเดียวกัน เรื่องเหนือกว่าวิชาธรรมดาทั่วๆไปคือ เมตตาค้าขาย มหาเสน่ห์ เสริมบารมี ที่ยากจะทำได้หรือหาคนทำได้จริงน้อยมากคือ วิชาส่งเสริมความก้าวหน้า เสริมวาสนา ค้ำดวงชะตา ที่จะมีต่างๆกันแล้วแต่การกำหนดจิตอธิษฐานของพระเกจิที่ทำไว้
.
พระสมเด็จ เด่นทางเสริมชะตา หนุนวาสนา อำนาจ บารมี ทำไว้ให้ผู้ชาย
พระพิมพ์นางพญา เด่นทางเสริมมหาเสน่ห์และส่งเสริมบารมี ทำไว้ให้ผู้หญิง
พระพิมพ์คะแนน ทำไว้ให้ทั้งเด็ก-ผู้ใหญ่ ทั้งชายและหญิงใช้ได้เหมือนๆกัน
.
พระรุ่นแรกนี้ท่านทำไว้ก่อนยุคเข็ญ เพื่อค้ำคูณหนุนดวงคนบูชาและท่านใส่วิชามหาสะท้อนและมนต์พระกาฬ ใครคิดร้ายหรือทำอะไรเรา ให้วางอุเบกขาไว้และบอกกล่าวต่อพระที่แขวนอยู่ และภายในไม่นานนักคนๆนั้น จะพบความวิบัติฉิบหายอย่างแรง คนใส่พระรุ่นนี้ห้ามไปแช่งใครโดยพละการเด็ดขาด
.
เรื่องราวของหลวงพ่ออภิชิโตมีมากมาย เล่าสามวันก็ยังไม่ได้ครึ่งของเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ซึ่งแทบทุกเรื่องมีบันทึกไว้จากคนรุ่นเก่ายุคนั้นและมีเทปบันทึกที่หลวงพ่อเล่าให้ศิษย์ฟัง จึงอยากเก็บเป็นบันทึกจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อเป็นตำนานของแผ่นดิน ส่วนที่อยากแนะนำให้หาพระเครื่องของท่านมาติดตัวไว้ ด้วยเพราะมีหลายอย่างที่น่าเก็บมาพิจารณาและทั้งการสร้าง การปลุกเสกก็แตกต่างจากการสร้างครั้งไหนๆที่เคยมีมา เมื่อหลวงพ่อท่านปลุกเสกพระนั้น ท่านทำโดยใส่ทั้งอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์เต็มที่ไม่มียั้งเสร็จแล้วยังอาราธนาพระอาจารย์ในดงผู้เป็นต้นสายพระในดงทุกรุ่น(หลวงตา ดำ)ให้ช่วยปลุกเสกกำกับให้ด้วยเป็นพิเศษ
.
การปลุกเสกของท่านก็เดินกสิณครบทั้งดิน น้ำ ลม ไฟและอัดใส่ไล่ไปทีละวิชาจนครบทุกหมวดหมู่สำหรับพระ
เครื่องในแต่ละรุ่นโดยเฉพาะในรุ่นสุดท้ายที่ท่านรู้ดีว่าสังขารของท่านไม่เที่ยงแล้ว
.
พระเครื่องโดยทั่วไป จัดสร้างแบบจำนวนมากเพื่อต้องการรายได้มาบูรณะวัดวาอารามและ ไม่เน้นใส่มวลสารดีๆอย่างจริงจัง อย่างมากก็แค่ผงพุทธคุณสักก้อนหนึ่งเท่านั้นก็พอ แต่พระเครื่องของหลวงพ่ออภิชิโตนั้น ใส่พระสมเด็จวัดระฆัง บางขุนพรหม พระปากน้ำ และพระอื่นๆเป็นกำเป็นกระปุก และสารพัดของที่เราๆไม่อาจหามาได้แน่นอนในชาตินี้ แต่ด้วยศิษย์ของท่านในยุคสมัยนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนมีเงินและมีตำแหน่ง หน้าที่การงานแทบทั้งสิ้น จึงสรรหามามอบให้หลวงพ่อเพื่อร่วมทำกุศลได้
.
โดยบทั่วๆ ไปของพระเกจิต่างๆจะใช้วิธีการปลุกเสกโดยอำนาจจิต โดยการอธิษฐานด้วยบารมีธรรม หรือโดยเวทมนต์คาถาต่างๆ แต่ของหลวงพ่ออภิชิโตนั้น ท่านทั้งใช้อำนาจจิต ใช้การอธิษฐาน ใช้วิธีขอพลังจากครูบาอาจารย์อันเป็นที่สุดของสายวิชาต่างๆ ใช้วิชาในดงที่เรียนมาจนเจนจบเพื่อบรรจุลงในพระเครื่องของท่าน ทำไว้ทั้งป้องกันและแก้ไข ลงวิชากันคัดกันถอนอาคมเสร็จสรรพ ลงป้องกันอันตรายครบทั้ง 7วันและทั้ง 10ทิศ (เพิ่มทิศเบื้องบนและทิศเบื้องล่างจากทิศทั้งแปด)ลงป้องกันวิชาอาคมจากสายวิชาอื่นครบทุกแขนง ลงกันฟ้าผ่า กันคุณไสย กันกระทำ กันถอนวิชาและอีกสารพัด
.
ทุกวันนี้แม้ท่านจะละสังขารไปแล้ว กายเนื้อท่านอยู่ในที่อันสงบในสถานที่เฉพาะส่วนบุคคล แต่กายทิพย์ท่านยังตะเวนไปตามกระแสจิตของเหล่าลูกศิษย์ที่กราบระลึกถึงท่าน จิตของท่านไวมากแค่เรากราบและระลึกนึกถึงท่านเท่านั้น เราจะรับรู้ได้ว่าท่านรับทราบแล้ว หากใครมีพระเครื่อง มีภาพถ่ายของท่านอยู่ในครอบครอง ลองทำดูก็ได้ว่าจริงไหม
.
ผมเองแม้ไม่ทันได้พบเจอท่าน ไม่มีวาสนาได้กราบท่านโดยตรงเมื่อท่านยังทรงขันธ์อยู่ แต่หลายครั้งในเวลานี้ท่านก็มาให้กราบได้เช่นกัน หลายๆอย่างท่านชี้ช่องให้กระทำและพบเจอสิ่งที่ใฝ่ฝัน อยากบอกว่าพระเครื่องทั้งหลายที่ผมนำมาแบ่งปันให้บูชาครั้งนี้ ล้วนมาจากท่านต้องการสงเคราะห์คนอย่างพวกเราในกลุ่มนี้ มีเหตุให้ได้เจอได้แบ่งปันมาจากศิษย์รุ่นใหญ่ของท่าน
.
จะเล่ามากไปก็จะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่เรื่องที่ดูบังเอิญสำหรับบางท่าน อาจเกิดขึ้นจากสิ่งที่ไม่บังเอิญก็ได้
.
พระผงใหม่ๆที่ดูธรรมดาๆของท่าน แต่มีราคาแพงๆเป็นพิเศษ จะเป็นเนื้อแบบพิเศษที่เลือกกดไว้เฉพาะกลุ่มลูกศิษย์วงในใกล้ชิด จะมีข้อที่สังเกตง่ายๆคือ
1. พระสมเด็จที่แก่ผงของสมเด็จแดง เนื้อจะออกสีแดงเรื่อๆอมชมพูมีไม่เกิน 20 องค์
2. พระผงที่แก่ผงวิเศษของสมเด็จพระสังฆราช(แพ) เนื้อจะออกขาวฟูๆมีไม่เกิน 50 องค์
นอกนั้นก็ดูสภาพความสมบูรณ์เป็นหลัก แต่ทุกองค์ดีเท่าเทียมกัน และดีจริงแท้แน่นอน พระผงของท่านอภิชิโตทั้งปี 2485 และปี 2529 ล้วน กดมือโดยไม่ได้ใช้เครื่องปั๊มเครื่องกระแทก เนื้อจึงไม่แน่นแข็งแบบพระสมัยใหม่ แต่จะออกฟูๆไม่แน่นตัวมากนัก ตัดขอบด้วยมือคน จึงมีขนาดไม่เท่ากันทุกองค์ และพระแก่ว่านกับพระแก่ผงก็มีการหดตัวไม่เท่ากันทั้งๆที่เป็นพระพิมพ์เดียว กันและกดในปีเดียวกัน
.
หลวงพ่ออภิชิโตเคยไปทดสอบท้าประลองกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง และเคยไปเป่าทองให้หลวงพ่อแช่มดู สมัยนั้นหลวงพ่อออกมาจากดงใหม่ๆยังไฟแรง ตะเวนไปทั่ว หลวงพ่อแช่มเป่าทองเข้าหัวได้ครั้งละ 3 แผ่น แต่หลวงพ่ออภิชิโตเป่าได้ครั้งละ 108 แผ่น และเป่าครั้งเดียวทองเข้าหัวศิษย์ทุกคนที่นั่งทำพิธี ไม่ต้องทำทีละคน จนหลวงพ่อแช่มต้องขอเรียนวิชากับอาจารย์ในดงบ้าง โดยหลวงพ่อแช่มใช้เวลา 22 ปีเรียนวิชาลี้ลับในดงโดยผ่านทางญาณของอาจารย์ใหญ่ ที่สอนให้จนจบเมื่อบั้นปลายชีวิตของหลวงพ่อแช่มแล้ว และหลวงพ่ออภิชิโตเองก็นับถือหลวงพ่อแช่มโดยใช้เวลาขลุกอยู่ที่วัดตาก้องนาน ถึง 5ปีในช่วงเวลานั้น
.
การใช้อำนาจจิตเสกสิ่งของให้กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์นั้น ได้ทำครั้งแรกเมื่อปี 2496 และทำครั้งที่สองเมื่อปี 2503 เมื่อครั้งที่สองซึ่งหลวงพ่ออภิชิโตได้ทำพิธีนั้น มีคนเก่งๆวิชามาคอยคัดคอยแก้ไม่ให้ทำสำเร็จหลายราย มีนักหนังสือพิมพ์มาคอยถ่ายภาพบันทึกเรื่องราว และมีอาจารย์มีชื่อเสียงมาคอยดูอย่างใกล้ชิด เช่น ท่านพุทธทาสภิกขุ อ.ชุม ไชยคีรี แม่ชีแนบ เป็นต้น แต่ท่านก็ทำได้สำเร็จตามที่บอกไว้ โดยท่านเสกใบมะม่วงเป็นแมลงภู่ก่อนในครั้งแรก ต่อมาเสกกบ เสกนก และสุดท้ายเสกรัดประคตเป็นงูใหญ่ต่อหน้าพยานบุคคลจำนวนมาก และเรื่องนี้ได้มีการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์บางกอกไทม์ และในวารสารอีกหลายเล่ม ภาพถ่ายที่ใบไม้กลายเป็นนกสีแปลกตาบินออกจากมือหลวงพ่อก็มีต้นฉบับอยู่ในเวลานี้
******************************************************
เครดิต..พี่หนุ่มเมืองแกลง
*********************************************
พระเครื่องในประเทศไทย หากแยกตามพลังงานจิต
ก็คงมีสองประเภทใหญ่ๆ คือ แบบอิทธิฤทธิ์ และ แบบบุญฤทธิ์
.
แต่ยังมีบางท่านที่บำเพ็ญปฏิบัติจนได้ทั้งสองแบบ ซึ่งมีน้อยราย
แต่เราจะไปปรามาสหรือคาดเดาแบบนี้กับพระคุณเจ้าองค์ใด ก็จะเป็นบาปไปเปล่าๆ ผมไม่ได้ว่าองค์ไหนเก่งหรือได้อริยะแบบใหน เพียงแต่บอกจากวัตถุธรรมที่มีผู้รู้ได้แนะนำผมไว้ และผมสัมผัสเองได้
.
คนพม่า กะเหรี่ยง มอญ เขามีวิชาคัดถอน และ ล้างอำนาจของดี มาแต่โบราณแล้วครับ แต่ของเขามักแบบต้องเข้าในเขตปริมณฑลพื้นที่ในอำนาจของเขา เวลาเขาคัดถอน หรือเราต้องต่อต้านอำนาจจากไสยต่ำ เราจะปวดหัวมากๆ
.
ลองแก้แบบนี้นะครับ กำพระของเราในมือ แล้วสวดอธิษฐานขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์และพระคุณ อำนาจจิตในสิ่งที่ปกป้องคุ้มตัวเราอยู่นี้ให้ขจัดและชนะอำนาจชั่วร้าย คล้ายๆ ปลุกพระครับ ขนลุกไปชั่วขณะ แต่ทำเงียบๆ จิตนิ่งๆ ได้ผลครับ
.
อีกประการหนึ่ง.....เราต้องเลือกพระให้เหมาะกับสถานที่ ที่เราจะไปด้วยครับ
ผมเอาเหรียญทำน้ำมนต์อาบให้ลูกน้องผม เพราะเขาไปอาบน้ำในลำธารหลังสิ้นแสงสูรย์ แล้วหันหน้าขึ้นไปทางต้นน้ำ โบราณห้ามครับแบบนี้ ถูกน้ำมนต์ทีเดียวชักหงายท้องเลย เขาเลยขอพระผมไปแล้วองค์นั้น พระที่ผู้สร้างกระแสจิตแรงๆ เราสวดไม่เป็น บอกไม่ถูกก็ทำได้ครับ ให้ใจเรานิ่งและเชื่อให้เต็มร้อยว่าช่วยได้เท่านั้น ผมทำมาแบบนี้นับสิบครั้งแล้ว ยังได้ผล
.
หากศรัทธาจริง สื่อให้ถึง มีอีกมากที่เราจะได้รับจากความเมตตาของท่าน แต่ส่วนใหญ่แขวนเพราะได้ยินเขาว่ามาดีอย่างโน้น ดีอย่างนี้ แต่สื่อจิตถึงผู้เสกได้หรือเปล่า
เครดิต - พี่หนุ่ม เมืองแกลง
**********************************************
พระเครื่องที่สร้างยาก เพื่อให้มีอํานาจอิทธิคุณ เรียงตามลําดับจากง่ายไปหายากที่สุด ดังนี้
1. ทางแคล้วคลาด ทางคงกระพัน
2. ทางเมตตา ทางมหาเสน่ห์
3. ทางโชคลาภ ทางก้าวหน้า สําเร็จในอธิษฐาน
2. ทางเมตตา ทางมหาเสน่ห์
3. ทางโชคลาภ ทางก้าวหน้า สําเร็จในอธิษฐาน
พระเครื่องที่จัดแขวนบูชาควรมีไม่เกิน 3 องค์ในแต่ละวัน ด้วยเหตุผลพอสังเขปดังนี้
- หากมีมากไป จะทําใหเกิดความรําคาญและเกิดความไม่คล่องตัวในกิจกรรม
- หากแขวนมากไป จะทําให้เกิดความพะวงต่อการสูญหายของพระบนคอ
- ทําใหหนักคอ เกิดแรงกดต่อเส้นประสาทที่ต้นคอ อาจปวดต้นคอได้
- จะทําให้การทําสมาธิจิตไม่เกิดความแน่วแน่และเต็มที่ มีความลังเล พะวง
- จะทําให้พลังความศรัทธาในแต่ละอาจารย์ของเราเองไม่ต่อเนื่องและไม่มากเท่าที่ควร
- พระเครื่องที่ดีแล้ว เพียงแค่สามองค์ก็มีอํานาจวิเศษครอบคลุมทุกอย่างแล้ว
.
การจะแขวนบูชาพระให้ได้ผลเต็มร้อยอย่างที่ต้องการ ต้องสามารถเชื่อมต่อและประสานพลังทุกอย่างในตัวเองเขาด้วยกัน
ทั้งพลังใจ พลังสมาธิจิต พลังศรัทธาพลังมุ่งมั่น และพลังความสามารถ โดยมาจากจิตใต้สํานึกที่แท้จริงภายในตัว
.
การเข้าใจในสมาธิจิตของตนเอง การก้าวข้ามขีดจํากัดในความลังเลของตัวเราเท่านั้นที่จะสัมผัสและรับรู้ได้ว่าพระองคนี้ดี
หรือไม่ดี
.
การจะแขวนบูชาพระให้ได้ผลเต็มร้อยอย่างที่ต้องการ ต้องสามารถเชื่อมต่อและประสานพลังทุกอย่างในตัวเองเขาด้วยกัน
ทั้งพลังใจ พลังสมาธิจิต พลังศรัทธาพลังมุ่งมั่น และพลังความสามารถ โดยมาจากจิตใต้สํานึกที่แท้จริงภายในตัว
.
การเข้าใจในสมาธิจิตของตนเอง การก้าวข้ามขีดจํากัดในความลังเลของตัวเราเท่านั้นที่จะสัมผัสและรับรู้ได้ว่าพระองคนี้ดี
หรือไม่ดี
**********************************************
สงสารก็คนทำงานรายวันรายเดือนที่ศรัทธาล้นแต่ต้องเสียเงินฟรี
พระเครื่องยอดนิยมราคาแพงๆของสายใต้องค์ละเป็นล้านบาท แบบที่ตอกเลขเรียงลำดับกันและยึดถือการดูโค๊ตที่ตัวเลขกันมานาน ก็ยังมีเลขตอกซ้ำกันมาแล้ว เช่นรูปหล่อลอยองค์ ลป.ทวดเบตง ที่ตอนนี้หลัก(หลาย)ล้านบาท เคยมีลงภาพในหนังสือพระรายเดือนเล่มมาตรฐานราคาแพง (หนังสือ ส...) เป็นพระของคนรู้จักกันอยู่ที่นนทบุรีซึ่งไม่ใช่เซียนพระ องค์ที่ลงในหนังสือ ส. ตอกเลขใต้ฐาน 3หลัก หมายเลข 24.. เจ้าของพระคนนี้เห็นรูปก็โทรมาหาเจ้าของหนังสือว่า พระของตัวเองก็เลขนี้ เลยสงสัยว่าองค์ใดองค์หนึ่งต้องมีปัญหา เจ้าของหนังสือเล่มนี้นับว่าเป็นคนดีที่รักชื่อเสียงและมีเจตนาดีอย่างคนจริง ที่จะให้เป็นมาตรฐานที่ถูกต้องแท้จริงในหนังสือของตนเอง จึงนัดตรวจสอบโดยให้เอามาตรวจสอบกันที่สำนักพิมพ์ เชิญผู้มีภูมิรู้จริงมาช่วยดู ผลปรากฏว่า พระองค์ที่เลขเดียวกันแต่ไม่ได้ลงในหนังสือนั้น เป็นพระแท้ เลขแท้และตำหนิถูกต้องทุกอย่าง เป็นข้อเตือนใจอีกอย่างหนึ่งสำหรับคนวงนอกหรือคนโชคร้าย
.
ผมไม่ต้องการจะเอ่ยชื่อพาดพิงบุคคลที่สามให้เสียหาย คงต้องขอโทษด้วยที่ทำให้กระจ่างใจมากกว่านี้ไม่ได้ แต่คนที่ติดตามเรื่องราวมานานแล้วจะทราบดีว่า พระสงฆ์หรือกรรมการวัดหรือศิษย์ของท่านชื่อเสียงเรียงนามอะไรบ้างที่ข้องเกี่ยวเรื่องนี้ เมื่อปี2007 ผมเคยเขียนบทความลงในเวปพระชื่อดังไว้ในเรื่อง "ใครกันแน่ที่ทำลายชื่อเสียงเกียรติคุณของหลวงพ่อกวย" ช่วงนั้นผมมีข้อมูลชัดแล้วแต่ก็ไม่พาดพิงคนอื่น เอาง่ายๆเลยว่า พระพิมพ์ที่มีแม่พิมพ์ทั้งเนื้อผงหรือโลหะ แยกไม่ได้ว่า ชิ้นใดท่านปลุกเสกแม้จะแท้แบบที่ดูตำหนิ ดูพิมพ์แล้วก็ใช่ แล้วคอยดูเสียงโวยวายของนักขายดีๆ ว่าจะต้องร้อนตัวระรัวลิ้นแก้เกมส์กันวุ่น เพราะจมลงไปแล้วไม่น้อย
และไม่เพียงวงในของ ลพ.กวยเท่านั้นที่หากเปิดถ้วยออกมาแล้วจะวงแตก พระเกจิดังๆตอนนี้อีกไม่น้อย ทั้งในภาคเหนือ ตะวันออก ใต้หรืออีสาน ที่คนพื้นที่-คนในส่วนกลางสนามใหญ่เขาตกลงแบ่งเค๊ก วางโควต้ากันเลยว่า กลุ่มไหนทำแบบไหนและแบ่งเข้ากองกลางเท่าไร ป้อนงานให้นักหล่อพระ นักสร้างพระจังหวัดใดบ้างเพื่อพยุงธุรกิจให้เดินสะดวกมีกินไปถึงลูกหลาน นักขายมืออาชีพรู้ดีกันทุกคน ใครมีเพื่อนอยู่วงในจะเช็คข่าวแบบนี้ได้ง่ายมากๆ สงสารก็คนทำงานรายวันรายเดือนที่ศรัทธาล้นแต่ต้องเสียเงินฟรี หากเป็นนักเล่น เซียนมวยหวยบอล ก็ช่างเถอะเพราะเขาได้เงินมาง่าย
******************************************************
เรื่องเล่าจากพี่หนุ่มเมืองแกลง...วิชาบังไพร
ในห้วงชีวิตของแต่ละคนย่อมมีช่วงเวลาหนึ่งที่ได้เข้าไปสัมผัสเหตุการณ์แปลกๆและไม่น่าเป็นไปได้ดัวยกันทั้งนั้นบางคนมีมากกว่าหนึ่งครั้งผมเองได้เคยลุยเข้าไปในกลางประเทศพม่า ในป่าที่ทึบและใหญ่ที่สุดของพม่า เรียกว่าป่าโบโกโยะมา อยู่ระหว่างเมืองหลวงใหม่กรุงเนปิดอว์และเมืองหลวงเก่า กรุงย่างกุ้งโดยรถยนต์จากแม่สอด ผ่านไปที่ตองอู ใช้เวลา 1 วันพอดีเพื่อทำงานและการลงทุนในธุรกิจที่มีน้อยคนอยากทำ
ป่านี้ใหญ่มากขนาดขับรถสามชั่วโมงยังไม่พ้นแนวป่า ไม้ใหญ่แต่ละต้นขนาดรถปิคอัพที่ใหญ่มากๆประมาณสิบคนโอบไม่รอบ เฉพาะตาไม้ก็ทำโต๊ะกินข้าวได้สบาย ช้างเผือกของพม่าส่วนใหญ่มาจากป่านี้สัตว์ป่าชุกชุมมาก ด่านสัตว์และโป่งดินมีมากมาย เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำหลายสายในพม่า แต่ไม่มีชาวบ้านคนไหนเข้าไปหาของในส่วนลึกของป่านี้
ในป่านี้เป็น ที่รวมของแทบทุกสิ่งจากพม่า วิญญาณ อาถรรพ์ สัตว์ร้าย ขุมสมบัติใต้ดิน แร่ธาตุ ว่านโพง มนุษย์ครึ่งผีที่อยู่ในรู เหล็กไหล หินกระโดด และอะไรที่ไม่เคยพบเจอ
ป่านี้ยังเป็นที่ซ่อนสมบัติชาวมอญที่ถูกพม่ากวาดต้อนมาเมื่อครั้งสงครามล้าง เผ่าพันธุ์พม่า-มอญ ซากศพที่ไม่ปรากฏสัญชาติมีอยู่ไปทั่ว ทั้งที่ฝังดินและปล่อยให้สัตว์ใช้เป็นอาหาร
แม้กระทั่งแรงงานมอญที่ถูกกวาดต้อนไปสร้างเมืองหลวงใหม่เนปิดอว์ และคนงานพม่าที่ต่างล้มตายหลายพันชีวิต ล้วนถูกฝังไว้ในป่าแถบนี้ คนมอญเก่งสถาปัตย์กรรม คนพม่าเก่งในการรบ โบราณสถานเก่าในพม่าหลายแห่งและพระพุทธรูปพม่า ส่วนใหญ่ออกแนวมอญครับ
กรุงเนปิดอว์สร้างในที่ราบเชิงเขา กลางป่าใหญ่และภูเขาสูงล้อมรอบ ไม่มีสนามบิน เดินทางโดยรถยนต์จากย่างกุ้งเท่านั้น
หากถามคนพม่าว่าป่าที่ทึบที่สุดและสมบูรณ์ที่สุดของเขา และป่าที่น่ากลัวที่สุดของเขาคืออะไร มีคำตอบที่ชื่อเดียวกันครับ
ณ.ที่นี่คนไทยและฝรั่งรวม 6 คน พร้อมเครื่องมือทันสมัย ได้มาตกระกำลำบากและแทบเอาตัวไม่รอดจากการสำรวจป่าและแร่ธาตุมีค่าต่างๆ พวกเรานอนพักในหมู่บ้านพรานหลังจากสองวันที่เดินลงมาจากภูใหญ่เพื่อสำรวจแร่ มีค่า โดยจ้างพรานพื้นบ้านและคนพื้นที่นำทางไป
กลางดึกคืนนั้นได้มีเสียงดังคล้ายฝูงผึ้งบินรอบกระท่อมที่พักสลับกับเสียงหวีด ร้องเป็นระยะๆ เราทุกคนขยับตัวไม่ได้ อ้าปากไม่ได้ แต่หูได้ยิน ตามองเห็นทุกอย่างในความมืด และเพียงชั่วอึดใจทุกอย่างเงียบลงโดยกระทันหัน ไม่มีแม้เสียงแมลงกินน้ำค้างในยามดึกเช่นปกติ
สักอึดใจ หนึ่งผ่านไป ผมเหลือบตามองทุกคนที่นอนอยู่ในมุ้งและบนเปลสนามอีกครั้ง ไม่มีใครลืมตาแล้ว ยกเว้นผมและลูกน้องที่เป็นคนไทยอีกคนหนึ่งเท่านั้น แต่เราขยับตัวไม่ได้ แต่ใจรับรู้ทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น
คนสองคนกำลังเข้ามาขโมยทรัพย์สินของเรา เขามั่นใจว่าทุกคนหลับหมดแล้วด้วยวิชาสะกดไพรของชาวเขาที่สอนสืบต่อกันมาแต่ โบราณสำหรับพรานพื้นบ้าน เขากวาดเอาปืน กล้อง เป้สนาม และทุกอย่างที่กองบนแคร่ไม้ไผ่ออกไปหมดอย่างใจเย็น และส่งเสียงคุยกันตามสบาย
รุ่งเช้าเมื่อไก่บ้านขัน เราทุกคนขยับตัวได้และสอบถามกันว่าของหายไปอย่างไร ผมพาทุกคนเดินไปหาผู้เฒ่าที่เคยไปขอการช่วยเหลือครั้งแรกที่เข้ามาหาผู้นำ ทาง ผมบอกว่าคนที่เข้าไปขโมยของคือคนพื้นบ้านที่นำทางไปสำรวจนั่นเอง
ผมบอกสีของเสื้อที่เขาใส่ และลักษณะทุกอย่างที่ผมยังมองเห็นและจำได้เมื่อเขาเข้าไปขโมยของในกระท่อม พอให้คนไปตามมา เขายังใส่เสื้อสีเดียวกับที่ผมบอกไว้ เขาปฏิเสธและโมโหว่าคนไทยใส่ร้าย จึงมีการค้นกระท่อมของเขา ทุกอย่างยังอยู่ครบ เขามองผมอย่างอาฆาต
ผมเชื่อว่าที่ผมและลูกน้องไม่หลับเพราะเรามีของดีติดตัว เมื่อเขาใช้ไสยศาสตร์บังไพร ทุกอย่างในอำนาจของเขาจะหลับไหลไม่ได้สติและไม่รู้ตัวอะไร วิชานี้มีมาแต่โบราณและในเมืองไทยตามคนชาวเขายังมีอยู่ รวมทั้งวิชาอื่นๆ ที่เป็นอาคมและอาถรรพ์เวท
ผมนอนคืนนั้นโดยเอาสร้อยพระวางไว้ใต้หมอน แต่ผมกราบขออาศัยพักผ่อนกับรุกขเทวดา เจ้าที่ทุกครั้ง น้องคนไทยก็มีสร้อยอยู่ในคอ คนไทยอีกสองคนก็ใส่พระเช่นกัน แต่ฝรั่งไม่มีอะไร เขาเคยเชื่อแต่พระคัมภีร์ไบเบิล
พวกเราคุยกัน เรื่องนี้ในตอนเดินทางกลับออกจากหมู่บ้านนั้นในทันที ฝรั่งสรุปได้ว่า อำนาจลี้ลับมีอยู่จริง หากเราไม่มีสิ่งที่คุ้มครองตัว ไม่มีครูบาอาจารย์คอยช่วยเหลือ เราอาจไม่เหลืออะไรในยามวิกฤต
ปัจจุบันฝรั่งสองคนในกลุ่มนั้นหันมาแขวนพระในคอคนละองค์ตลอดเวลาจนปัจจุบัน และเขายังทำงานอยู่รอยต่อชายแดนไทยพม่านี่เองครับ คนไทยที่ไปด้วยกันก็เปลี่ยนพระเครื่องในทันทีที่กลับมาถึงเมืองไทย
****************************************************
มนต์ดำกะเหรี่ยงดง (เครดิตพี่หนุ่มเมืองแกลง)
เมื่อปลายปี52 ที่ผ่านมาผมได้รับประสบการณ์ที่ควรจดจำในชีวิตอีกครั้ง เมื่อผมต้องเข้าไปทำงานในดินแดนกะเหรี่ยงอิสระ KNU ประเทศพม่า เพื่อทำหน้าที่ในงานที่ต้องรับผิดชอบร่วมกับต่างประเทศ โดยต้องเข้าร่วมในพิธีงานฉลองวันชาติกะเหรี่ยงในเดือนธันวาคม และร่วมพิธีไหว้ผีของกะเหรี่ยงดง ด้วยความเชื่อและนับถือในเรื่องผี-วิญญาณ ชาวกะเหรี่ยงจึงมีประเพณีและพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงผี ไหว้ผีอยู่เสมอ
.
ผีที่ชาวกะเหรี่ยง นับถือมีอยู่คือผีบ้าน ผีเรือน ซึ่งมีหน้าที่ดูและรักษาหมู่บ้านหรือผีเจ้าที่ ผีบรรพบุรุษนั่นเอง เช่น ผีปู่ย่าตายายที่ตายไปแล้ว วิญญาณยังวนเวียน คุ้มครองลูกหลานอยู่ ชาวกะเหรี่ยงจะมีพิธี เซ่น บวงสรวงบูชาผีเรือนอย่างน้อยปีละสองครั้ง เพื่อให้ปลอดภัยจากการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือรอดพ้นจากภัยทั้งปวง
.
นอกจากการเลี้ยงผีบ้านผีเรือนแล้ว ชาวกะเหรี่ยงยังมีพิธีเลี้ยงผีไร่ ผีนา ผีป่า ผีดอย อีกด้วย ทั้งนี้โดยอาศัยหมอผีผู้มีความรู้ในเรื่องไสยศาสตร์ เวทมนตร์คาถา เพื่อให้คอยลงโทษผู้ที่ผ่านไปให้ได้รับความเดือดร้อน ดังนั้น ความเชื่อถือในเรื่องผีและวิญญาณของชาวกะเหรี่ยง จึงมีผลดีต่อสังคมชาวกะเหรี่ยงอย่างมาก และทำให้เกิดคุณธรรมขึ้น เพราะไม่มีใครกล้าทำความผิดแม้แต่ต่อหน้าและลับหลัง เช่น การลักขโมยหรือการผิดลูกผิดเมียผู้อื่น แม้คนไม่เห็นแต่ผีเห็นเสมอ
.
ผมและ คณะเป็นคนต่างถิ่นกลุ่มเดียวที่อยู่ในหมู่บ้านของเขา ในวันทำพิธีไหว้ผีป่า ผีบ้านของเขา ภายหลังจากฉลองวันชาติกะเหรี่ยงจบสิ้นแล้ว หมอผีของหมู่บ้านเรียกดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ และของชาวกะเหรี่ยงที่ตายไปเพราะถูกพม่าบดขยี้จนล่วงลับไปนับร้อยนับพัน ชีวิตอย่างอนาถา ในพิธีมีการเชือดวัวเอาเลือดมาทาที่เสาเอกของประตูหมู่บ้าน เอาเนื้อมาทำอาหารเลี้ยงฉลองกันในหมู่บ้าน พิธีไสยศาสตร์เริ่มตั้งแต่เก้าโมงเช้า เอากระทงใบตองใส่อาหารไปวางไว้ตามสถานที่ต่างๆ และพอตกค่ำก็มีการไหว้ผี เรียกวิญญาณคนตายมาทำพิธี ตามประเพณี
.
หมอผีเป็นคนแก่สูงอายุผมยาว ผอมตาลึก ไม่ค่อยพูดจากับใคร มีคนมาร่วมในพิธีประมาณ 200 คน ไม่มีเด็กเล็กร่วมด้วยเลย ทุกคนนั่งล้อมกองไฟริบหรี่จากท่อนไม้แต่ยังพอมองเห็นในความสลัว มีเนื้อวัวดิบๆวางบนใบตองป่าอยู่สิบกอง กระบอกเหล้าป่าจำนวนหนึ่ง มีไข่ไก่ต้มอยู่หนึ่งกระจาดและผลไม้อีกเล็กน้อย
หมอผีเริ่มร่ายมนต์ภาษากะเหรี่ยงเสียงทุ้มต่ำเร็วและรัว ต่อเนื่องอย่างวังเวง ทุกคนเงียบกริบไม่ไอจามหรือส่งเสียงใดๆ ไม่มีเสียงพูดคุยหรือเสียงแมลงแม้แต่น้อย ลมเย็นจากผืนป่าพัดกระโชกมาวูบใหญ่ ไฟลุกสว่างขึ้นมากว่าเดิม ผมมองเห็นใบหน้าของหมอผีแดงเข้มน่ากลัวอยู่ในเงามือสลัวข้างกองไฟ
.
คนกะเหรี่ยงเริ่มคอพับนั่งก้มหน้านิ่งทีละคนสองคน จนเมื่อเวลาผ่านไปสักครึ่งชั่วโมง เริ่มมีเสียงร้องคำรามสลับเสียงกรีดร้องและร้องไห้ของคนกะเหรี่ยงที่นั่ง ล้อมวงอยู่แล้ว จากแถวหน้าสุดขยับลามมาแถวหลังๆและเป็นกันแบบนี้ทุกคน ยกเว้นคนในกลุ่มของผมหกคนที่เป็นคนต่างถิ่นที่เข้ามาขอดูพิธีไหว้ผีนี้ใน ฐานะแขกผู้มาเยือน
.
คนกะเหรี่ยงทั้งหมดในวงกลมเริ่มส่งเสียงดังมากขึ้นและ อย่างโหยหวนวังเวง หมอผีลุกเดินออกมาจากหน้ากองไฟและพูดภาษาอะไรไม่รู้จักต่อคนกะเหรี่ยงกลุ่ม นั้น พวกกะเหรี่ยงทุกคนลุกขึ้นยืนและเดินช้าๆไปที่กองเนื้อวัว ไข่ต้มและผลไม้ที่เอาวางไว้รอบกองไฟ เมื่อทรุดตัวลงนั่งแล้วพวกเขากินเนื้อดิบๆ เหล้า ไข่และผลไม้อย่างอร่อยโดยใช้แค่มือและปากเท่านั้น โดยไม่มองมาที่พวกผมเลยสักนิด
.
หมอผีเดินไปนั่งบนก้อนหินใหญ่ข้างๆพิธีและเริ่ม ส่งเสียงสวดอีกครั้งเบาๆ แกหันมามองพวกผมนิดหนึ่ง แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก สักพักหนึ่งแกเอาน้ำในกระบอกไม้ไผ่ ราดลงบนพื้นดินและกระแทกไม้เท้าลงพื้นสามครั้ง ญี่ปุ่นสองคนในกลุ่มของผมสะดุ้งอย่างแรง และเดินตัวแข็งเข้าไปแย่งคนกะเหรี่ยงกลุ่มนั้นกินเนื้อวัวดิบๆอย่างหน้าตา เฉย ผมเห็นเพื่อนคนไทยอีกสองคนเหงื่อแตกเต็มหน้าและบอกว่ามึนหัวมากยืนไม่ไหว แล้ว ผมถามว่ายังรู้ตัวอยู่ใช่ไหม หากพอรู้ตัวให้กำพระไว้และสวดมนต์
เขาบอกว่าลิ้นมันแข็งไปหมดให้สวดนำเขาด้วย ผมเอามือเขาสองคนมากำพระเครื่องในคอของผมไว้แล้วเริ่มสวดอิติปิโสเบาๆ จนเขาตัวอ่อนไม่เกร็งแบบทีแรกแล้วจึงปล่อยให้เขาสวดเองไปเรื่อยๆ ผมเองมองเพื่อนชาวญี่ปุ่นด้วยความเป็นห่วง
.
เมื่อทุกคนในวงกินเนื้อดิบๆ เหล้าป่าและไข่หมดแล้ว โดยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง หมอผีได้ส่งภาษาเบาๆอีกครั้ง ทุกคนเงียบและนิ่งเฉย หมอผีเอาไข่ดิบสามฟองปาใส่ก้อนหินที่อยู่ด้านเหนือลม ทุกคนในวงที่ยืนนิ่งเฉยนั้น ได้กรีดร้องเสียงดังและทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง แต่ละคนมีปากและเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดวัวมากบ้างน้อยบ้าง ไม่เว้นแม้แต่ญี่ปุ่นสองคนในคณะของผม เมื่อเวลาผ่านไปสักสิบนาทีทุกคนก็คืนสติพูดคุยกันตามปกติทั่วไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หมอผีได้บอกให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านได้
เมื่อถึงที่พักผมถามชาวญี่ปุ่นว่ารู้สึกอย่างไร เขาว่าเหมือนง่วงมากๆและหลับไปเลยพร้อมกับฝันไปว่า เดินไปเจออาหารอร่อยเลยเข้าไปกินจนหายหิว เขาไม่รู้ตัวเลยจนสะดุ้งเมื่อตอนไข่ถูกปาไปกระทบหินแตกแล้วนั่นเอง แต่เขาไม่ตกใจหรือหวาดกลัวมากมายอะไร พวกเขาจบดอกเตอร์และทำวิจัยมาหลายประเทศแล้ว มีพบมาบ้างแบบนี้ที่เปรู และมาเจอสิ่งลี้ลับในพม่าสองหนแล้ว และเขาเชื่อว่าสิ่งนอกเหนือเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มีจริงและยังรอการพิสูจน์
.
สำหรับคนไทยอีกคนหนึ่งนั้นไม่เป็นอะไรแค่หมดแรงไปเฉยๆ เขาแขวนพระท่ากระดานกรุใหม่ของทุ่งใหญ่นเรศวร ส่วน คนไทยสองคนที่หน้ามืดก็หายเป็นปกติทันทีที่ไข่ถูกปาแล้ว สำหรับผมกลับรู้สึกปกติไม่มีอะไร อาจมีบ้างที่ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวอาจด้วยตื่นเต้นก็เป็นได้ แต่ไม่มีอาการอะไรมากกว่านี้
.
ผมเชื่อว่า พวกเขาทำพิธีเลี้ยงวิญญาณคนตายไปแล้วด้วยการเรียกมาเข้าทรงเพื่อกินเครื่อง เซ่นสังเวย ซึ่งเขาทำกันปีละครั้งเท่านั้นแบบนี้ อีกครั้งจะทำพิธีไหว้เจ้าป่าธรรมดาด้วยข้าวปลาอาหารวางตามโคนไม้ใหญ่ เมื่อวิญญาณยังหาร่างเข้าสิงสู่เพื่อกินเครื่องสังเวยไม่ครบในครั้งแรก หมอผีเลยต้องสะกดคนอื่นๆให้อยู่ใต้อำนาจของเขาและให้วิญญาณหิวโซเหล่านั้น อาศัยใช้ร่างชั่วคราว เพียงแต่คนไทยก็มีดีเช่นกัน
.
นี่เป็นอีกครั้งกับประสบการณ์เล็กๆของคนเดินป่าอย่างผมครับ
*****************************************************
ฝากไว้สำหรับคนที่รักและศรัทธาในพระเครื่องของครูบาอาจารย์
(เครดิต - พีหนุ่มเมืองแกลง)
--------------------------------------------------------------
การบูชาพระให้เกิดผลนั้น ต้องเอาทั้งพุทธศาสตร์ ไสยศาสตร์ ประวัติศาสตร์ โหราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และจิตศาสตร์ มารวมกันให้พอดี คือ
.
1. ต้องได้ของดีมีอำนาจพุทธคุณจริง
.
- ต้องเข้าใจเรื่องวิชาอาคมการลงวิชาการปลุกเสกว่า ใช้คาถา ใช้อำนาจจิตหรือใช้การอธิษฐานเพราะมีผลกับการใช้บูชาวันหน้า
.
2. ต้องรู้ภูมิหลังของผู้ปลุกเสกว่าเป็นใคร มีดีอย่างไร มีอะไรเด่นและมีคนเคยได้รับผลแบบนั้นบ้างหรือไม่
.
3. ต้องรู้พื้นดวงของตนเองว่าขาดด้านไหนหนุนดวงชะตา ชีวิตที่ผ่านมานั้น ต้องการอะไรค้ำจุน ต้องรู้จักสังคมและการปรับตัวให้เป็นเหตุเป็นผลชัดเจนกว่าใครในโลกปัจจุบันที่กำลังแข่งขันดิ้นรนต่อสู้ในวิถีชีวิต
.
4. ต้องเข้าใจการทำให้เกิดรายได้ของตัวเองและครอบครัวก่อนจะปรับใช้กับการพึ่งพาพุทธคุณ ต้องมีจิตที่นิ่งและมั่นคงในศรัทธา
5. สิ่งสุดท้ายคือต้องรู้จักตัวเองบ้าง
ไม่มีวัตถุมงคลอะไรที่แขวนแล้วรวยทันตา ไม่มีพระเครื่องชิ้นใดที่ครอบครองแล้วพลิกชีวิตทันที บางคนแขวนพระก็ได้แค่หนักคอเท่านั้น ใจไม่เคยหนักแน่นไปด้วย หากยังโลเลวอกแวกสับสน ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ก็หาอะไรที่หวังไม่เจอแน่นอน ได้แต่วิ่งหาไปตลอดชีวิตและก็คงใช้บูชาพระไม่เป็น บางคนทำเป็นอย่างเดียวคือพูดไปตามอารมณ์โดยไม่เอาสติมาประกอบ
(เครดิต - พีหนุ่มเมืองแกลง)
--------------------------------------------------------------
การบูชาพระให้เกิดผลนั้น ต้องเอาทั้งพุทธศาสตร์ ไสยศาสตร์ ประวัติศาสตร์ โหราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และจิตศาสตร์ มารวมกันให้พอดี คือ
.
1. ต้องได้ของดีมีอำนาจพุทธคุณจริง
.
- ต้องเข้าใจเรื่องวิชาอาคมการลงวิชาการปลุกเสกว่า ใช้คาถา ใช้อำนาจจิตหรือใช้การอธิษฐานเพราะมีผลกับการใช้บูชาวันหน้า
.
2. ต้องรู้ภูมิหลังของผู้ปลุกเสกว่าเป็นใคร มีดีอย่างไร มีอะไรเด่นและมีคนเคยได้รับผลแบบนั้นบ้างหรือไม่
.
3. ต้องรู้พื้นดวงของตนเองว่าขาดด้านไหนหนุนดวงชะตา ชีวิตที่ผ่านมานั้น ต้องการอะไรค้ำจุน ต้องรู้จักสังคมและการปรับตัวให้เป็นเหตุเป็นผลชัดเจนกว่าใครในโลกปัจจุบันที่กำลังแข่งขันดิ้นรนต่อสู้ในวิถีชีวิต
.
4. ต้องเข้าใจการทำให้เกิดรายได้ของตัวเองและครอบครัวก่อนจะปรับใช้กับการพึ่งพาพุทธคุณ ต้องมีจิตที่นิ่งและมั่นคงในศรัทธา
5. สิ่งสุดท้ายคือต้องรู้จักตัวเองบ้าง
ไม่มีวัตถุมงคลอะไรที่แขวนแล้วรวยทันตา ไม่มีพระเครื่องชิ้นใดที่ครอบครองแล้วพลิกชีวิตทันที บางคนแขวนพระก็ได้แค่หนักคอเท่านั้น ใจไม่เคยหนักแน่นไปด้วย หากยังโลเลวอกแวกสับสน ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ก็หาอะไรที่หวังไม่เจอแน่นอน ได้แต่วิ่งหาไปตลอดชีวิตและก็คงใช้บูชาพระไม่เป็น บางคนทำเป็นอย่างเดียวคือพูดไปตามอารมณ์โดยไม่เอาสติมาประกอบ
*************************************************
อาชีพกลุ่มต่างๆกับการหาพระดีมาหนุนเนื่องในวิถีชีวิต
- เครดิตพี่หนุ่มเมืองแกลง-
---- กลุ่มรับราชการ งานบริหารบังคับบัญชา ----
เป็นอาชีพที่ต้องมีอำนาจ วาสนา บารมีในตนเอง ถึงจะไต่ไปถึงจุดหมายสูงสุดในสายงานได้ เมื่อต้องมีการแข่งขันเพื่อหาคนที่มีวาสนาและบารมีกว่าคนอื่นๆ ลองหาพระเครื่องที่ดีเด่นทางวาสนา บารมีและมหาอำนาจ จะเป็นพระกรุหรือพระเกจิอาจารย์ก็ได้เช่นกัน จะเป็นพระเครื่องจากวัสดุประเภทใดก็แล้วแต่ธาตุประจำตัวของผู้แขวนบูชา โดยมองหาจาก พระเครื่องจากพิธีที่เสริมพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่เช่นพระในพิธี(มหา)จักรพรรดิ หรือพระเครื่องที่สร้างโดยพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตหรือปัจจุบันก็ ได้ หรือจากพิธีพุทธาภิเษก ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประธานในพิธีโดยเฉพาะ รวมทั้งพิธีที่จัดเฉพาะครั้งคราวและยิ่งใหญ่ระดับประเทศเช่น พระเครื่อง25 ศตวรรษ สิ่งเหล่านี้แม้ไม่ได้ทำให้เราได้ถึงจุดหมายได้ทันใจ แต่ก็จะทำให้เราเป็น พญาราชสีห์ในกลุ่มหมาป่าได้ในสายตาคนมองจากภายนอก
.
---- กลุ่มงานรับจ้าง งานจ้างเหมา ผู้ใช้แรงงาน ----
เป็นกลุ่มคนที่ยังต้องดิ้นรนอีกมากกว่าอาชีพอื่น ลองหาพระเครื่องที่ผู้ปลุกเสกเด่นในทางอิทธิฤทธิ์ด้านต่างๆ โดยเฉพาะพระเครื่องในพิธีที่มีพลังเหนือโลกมาเกื้อหนุน เพราะคนกลุ่มอาชีพนี้ยังมีวิบากกรรมมากกว่าในกลุ่มอื่นๆ ชีวิตยังต้องเวียนว่ายอยู่ในทะเลทุกข์มากกว่าคนทั่วไป ยังต้องเป็นเบี้ยล่างคนอื่นๆ และต้องถูกกำหนดเงื่อนไขบีบรัดต่างๆ จนกว่าจะมีโอกาสเป็นของตนเองกับเขาบ้าง ต้องหาพระเกจิอาจารย์ที่เด่นทางอิทธิฤทธิ์ และสามารถประจุอำนาจพลังวิเศษจากจักรวาล ลงในวัตถุมงคลนั้นๆ เพื่อที่จะได้แสดงออกในการช่วยสงเคราะห์ให้ชีวิตดีขึ้นกว่าเดิม หากได้พระเครื่องจากการปลุกเสกเดี่ยวยิ่งจะดีมาก เพราะการสงเคราะห์และลัดวิบากกรรมจะสามารถทำได้สะดวกมากขึ้น แม้จะไม่สามารถก้าวขึ้นเป็นเจ้าของกิจการได้ทันทีทันใด แต่เสือหิวดูอย่างไรก็ดีและสง่างามกว่าหมาจิ้งจอกโหย
.
---- กลุ่มค้าขาย งานบริการ งานมวลชน ----
เป็นอาชีพที่ต้องใช้ความสามารถส่วนตัวมากมายและต้องให้เด่นสะดุดตา สะดุดใจคนที่สัมผัสด้วย ลองหาพระเครื่องที่ดีเด่นทางเมตตา มหาเสน่ห์ และบารมี มาติดตัวไว้สักองค์เพราะอาชีพนี้ต้องใช้สายตา วาจา ใบหน้าและท่าทางสื่อสารกับบุคคลอื่น และต้องมีบารมีอยู่เหนือกว่า คนที่เข้ามาติดต่อคบค้าสมาคมหรือซื้อขายกับเราอีกด้วย จึงควรหาพระเครื่องจากการทำพิธีเพื่อเมตตาค้าขายโดยเฉพาะ และต้องเป็นพระเครื่องจากการสร้างของพระอาจารย์ที่เด่นในอิทธิฤทธิ์ เพราะในอาชีพกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ การติดต่อ สื่อสาร การสนองตอบและการสานสัมพันธ์กันทั้งสองฝ่าย จะใช้เวลาสั้นๆและต่างก็แยกจากกัน จึงควรให้อำนาจในพระเครื่องสามารถแสดงผลเร็ว แรงและเห็นผลได้ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเครื่องจากพิธีที่สร้าง โดยเจตนาเพื่อให้การทำมาหากินไหลลื่น คล่องตัว แม้ไม่ได้ปิดยอดการขายได้ทุกครั้งไป แต่เสือดูอย่างไรก็ไม่มีลักษณะหมูในสายตาคนที่ได้สัมผัส
.
---- กลุ่มอาชีพส่วนตัว งานอิสระ-อาชีพเสริมเจ้าของกิจการ ----
เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกรรมดีมาส่วนหนึ่ง จึงได้รับโอกาสมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ลองหาพระเครื่องที่มีพลังอำนาจส่งเสริมในทางความก้าวหน้าของชีวิต มาบูชาเพิ่มสักองค์หนึ่ง เพราะวิถีชีวิตคนในสาขาอาชีพนี้ จะไม่ต้องอาศัยองค์ประกอบหลักๆมาจากคนอื่นมากนักเช่นอาชีพอื่นๆ สามารถพูดหรือตกลงได้ด้วยตัวเอง ทำให้เห็นผลเร็วและชัดเจน และควรหาพระเครื่องที่เด่นในด้านบุญฤทธิ์มาหนุนเสริมในชีวิตความก้าวหน้า ที่มีโอกาสมากกว่าคนอื่นๆและคนในอาชีพกลุ่มนี้มักจะมีความสัมพันธ์กันในระยะ ยาว จึงควรใช้พระเครื่องที่เด่นในบุญฤทธิ์มาหนุนเสริมในวาสนา ชะตาชีวิตในระยะยาว โดยเฉพาะพระเครื่องจากพิธีที่มีการปลุกเสกจากอำนาจหลายๆด้านเช่น พระผงมงคลมหาลาภในพิธีวัดสารนาถ ระยอง อันเปรียบเสมือนระลอกคลื่นในมหาสมุทร ที่หนุนเนื่องต่อกันไม่ขาดสายแม้ระยะเวลายาวนานเพียงใดก็ตาม และจะทำให้คนที่ติดต่อมองดูด้วยความชื่นชมยกย่อง แม้อาจไม่ได้งานใหญ่ทุกครั้ง แต่พญาราชสีห์ ดูอย่างไรก็ไม่มีลักษณะสุนัข
*****************************************
การจะแขวนบูชาพระให้ได้ผลเต็มร้อยอย่างที่ต้องการ ท่านต้องสามารถเชื่อมต่อและประสานพลังทุกอย่างในตัวเองเข้าด้วยกันทั้งพลังใจ พลังสมาธิจิต พลังศรัทธา พลังมุ่งมั่น และพลังความสามารถ โดยมาจากจิตใต้สำนึกที่แท้จริงภายในตัว
.
การเข้าใจในสมาธิจิตของตนเอง การก้าวข้ามขีดจำกัดในความลังเลของตัวเราเท่านั้น ที่จะสัมผัสและรับรู้ได้ว่าพระองค์นี้ดีหรือไม่ดี (เครดิต-พี่หนุ่มเมืองแกลง)
.
การเข้าใจในสมาธิจิตของตนเอง การก้าวข้ามขีดจำกัดในความลังเลของตัวเราเท่านั้น ที่จะสัมผัสและรับรู้ได้ว่าพระองค์นี้ดีหรือไม่ดี (เครดิต-พี่หนุ่มเมืองแกลง)
*****************************************
หลักสำคัญของการอธิษฐานให้เกิดผล
การอธิษฐานจิต โดยความหมายแล้วก็คือ จิตใจจะต้องมีความสงบแน่วแน่เป็นสมาธิ และต้องมีความจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราต้องการจริงๆ ไม่วอกแวกหรือวัดส่ายออกไป โดยมีขั้นตอนปฏิบัติดังต่อไปนี้
การอธิษฐานจิต โดยความหมายแล้วก็คือ จิตใจจะต้องมีความสงบแน่วแน่เป็นสมาธิ และต้องมีความจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราต้องการจริงๆ ไม่วอกแวกหรือวัดส่ายออกไป โดยมีขั้นตอนปฏิบัติดังต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1 ต้องทำสมาธิก่อน
โดยปกติแล้วจิตของคนเรามักจะซัดส่ายไปไหนต่อไหนได้ตลอดเวลา เพราะมีสิ่งเร้าที่ทำให้มันไม่อยู่นิ่งๆ และมีสิ่งเร้าต่างๆที่จะทำให้มันขุ่นมัว ให้ไหลไปในทางที่ต่ำลง ทำให้ความถี่ของจิตเกิดการสั่นสะเทือน ด้วยความถี่ต่ำมันจึงไม่มีอำนาจจะน้อมนำอะไรให้เกิดขึ้นมาได้ การที่จะทำให้จิตนิ่งคลื่นความถี่เงียบสงบก็คือ “การทำสมาธิ” การทำสมาธิเป็นการข่มจิตให้แน่นิ่งอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ขั้นตอนที่ 2 นึกถึงบุญและความดีที่ได้กระทำมา
บุญเป็นอาหารและปัจจัยสำคัญในการอธิษฐานจิตให้มีพลังและประสบความสำเร็จ เพราะการทำบุญและได้ระลึกถึงบุญที่ได้ทำนั้น เป็นการยกระดับความถี่ของจิตให้สูงขึ้น และลดแรงต้านจากจิตฝ่ายต่ำได้ดีด้วย จิตที่มีความถี่สูงนี้ จะสามารถน้อมนำสิ่งที่มุ่งมาดปรารถนามาสู่เราได้ จะเห็นได้ว่าคนมักจะอธิษฐานขอพรต่างๆหลังจากทำบุญแล้ว เพราะเป็นช่วงเวลาที่จิตสงบผ่องใสที่สุด
บุญเป็นอาหารและปัจจัยสำคัญในการอธิษฐานจิตให้มีพลังและประสบความสำเร็จ เพราะการทำบุญและได้ระลึกถึงบุญที่ได้ทำนั้น เป็นการยกระดับความถี่ของจิตให้สูงขึ้น และลดแรงต้านจากจิตฝ่ายต่ำได้ดีด้วย จิตที่มีความถี่สูงนี้ จะสามารถน้อมนำสิ่งที่มุ่งมาดปรารถนามาสู่เราได้ จะเห็นได้ว่าคนมักจะอธิษฐานขอพรต่างๆหลังจากทำบุญแล้ว เพราะเป็นช่วงเวลาที่จิตสงบผ่องใสที่สุด
ขั้นตอนที่ 3 เชื่อมบุญกุศลกับสิ่งที่ปรารถนาเอาไว้
ต้องเชื่อมบุญไปยังสิ่งที่เรามุ่งมาดปรารถนา โดยขออธิบายเรื่องการเชื่อมบุญก่อนว่ามันคืออะไร “การเชื่อมบุญ” ก็คือ การนำบุญที่เราได้กระทำมานั้นส่งต่อไปยังสิ่งที่เราปรารถนา เพื่อเป็นกำลังส่งให้เกิดความสัมฤทธิ์ผล หรือส่งบุญไปให้ผู้อื่นเพื่อต้องการให้เขาเหล่านั้นมีความสุข เพราะเมื่อคนอื่นมีความสุขเราก็จะมีความสุขไปด้วย คนส่วนใหญ่เวลาทำบุญทำทานใดๆแล้ว จึงต้องมีการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้คนที่ตัวเองนึกถึงหรือมีความปรารถนาดีให้ เพื่อต้องการให้เขาได้รับบุญนั้นไปและเอาไปใช้อย่างมีความสุข ดังคำกล่าวอุทิศบุญหรือบทกรวดน้ำแบบพิสดาร ยกตัวอย่างเช่น การทำบุญแล้วเชื่อมบุญไปถึงพ่อกับแม่ให้ได้รับบุญ ในบทกรวดน้ำก็จะมีคำกล่าวว่า ดังนั้นการอธิษฐานก็เช่นกัน ต้องส่งบุญไปยังสิ่งที่เราปรารถนา จะได้เป็นการเชื่อมกันระหว่างจิตที่บริสุทธิ์กับสิ่งที่ปรารถนาให้ติดต่อถึงกัน
ขั้นตอนที่ 4 เปล่งคำอธิษฐานด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่
เมื่อเชื่อมบุญเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็ตั้งจิตเอ่ยคำอธิษฐานที่ต้องการด้วยใจที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิได้เลย การเปล่งอธิษฐานอาจเปล่งออกมาเป็นคำพูด หรือตั้งจิตอธิษฐานในใจก็ได้ ขอให้นึกถึงและพยายามตั้งจิตอธิษฐานเน้นย้ำๆซ้ำๆไปบ่อยๆ เป็นประจำ เพื่อเป็นการตอกย้ำเจตนาทางจิต และจะส่งผลไปสู่การปฏิบัติด้วย
ที่สำคัญคืออย่าเพิ่งกังวลกับ “ผล” ของการอธิษฐานนั้นว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เพราะมีหลายคนที่อธิษฐานแล้วมักจะหวังให้ผลแห่งการอธิษฐานนั้นเกิดความสัมฤทธิ์ผลทันที หรืออยากได้ผลแบบรวดเร็วทันตาเห็น แต่พอยังไม่ได้ในสิ่งนั้นก็เกิดมีความกังวลขึ้นมา แล้วทำให้พลอยเลิกอธิษฐานไปเลย พอเลิกอธิษฐานก็หมายถึงการเลิกเชื่อในผลบุญกุศลที่ตนเองได้ทำมาด้วย เพราะคิดว่าทำแล้วไม่ได้ผลอะไร ไม่ทำเสียดีกว่า ก็จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่
การหวังผลที่จะได้รับนั้นมันเป็นเรื่องของกรรมด้วย ยิ่งกังวลก็ยิ่งทำให้อำนาจจิตมีพลังลดทอน ลงไปรบกวนสิ่งที่ปรารถนา ก็จะทำให้ผลที่ต้องการได้ล่าช้าออกไปอีก ดังนั้นขอให้เปล่งคำวาจาอธิษฐานด้วยความเชื่อมั่นไร้กังวล เชื่อว่ามันจะเป็นจริงแล้วมันก็จะเป็นจริงเอง
ขั้นตอนที่ 5 ต้องปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับสิ่งที่ตั้งจิตอธิษฐานไปแล้ว
พูดจาภาษาชาวบ้านก็คือ ปากร้องขอแล้วมือก็ต้องทำด้วยถึงจะสมบูรณ์ ไม่อย่างนั้นก็ไม่เกิดผลอะไรขึ้น ชีวกโกมารภัจจ์ไม่ได้จู่ๆ กลายเป็นแพทย์ประจำพระพุทธองค์ด้วยการอธิษฐานเพียงอย่างเดียว แต่ด้วยความมุมานะบากบั่นพยายามร่ำเรียนอยู่ในสำนักตักศิลาอยู่นานถึง 7 ปี หลังเรียนจบแล้วยังไม่พอ ต้องไปสร้างชื่อเสียงด้วยการออกรักษาผู้ป่วยทั้งยากดีมีจนทั้งหลาย กว่าจะได้เป็นแพทย์ประจำราชสำนัก แล้วด้วยความที่เป็นแพทย์ประจำราชสำนัก พระอานนท์จึงได้เชิญไปรักษาพระพุทธเจ้า
การอธิษฐานจะมีความศักดิ์สิทธิ์จึงต้องกระทำไปควบคู่กับกรรมดี (การกระทำดี)ด้วย เป็นเรื่องที่ต้องฝึกทำและตอกย้ำบอกตนเองอยู่เสมอๆ ว่าจะพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะทำให้ได้ตามที่ได้เปล่งสัจจะวาจาอธิษฐานไปให้ได้
ขั้นตอนที่ 6 เมื่ออธิษฐานให้ตัวเองได้แล้วจงอธิษฐานให้คนอื่นด้วย
แรงอธิษฐานที่ยิ่งใหญ่นั้นไม่ใช่มุ่งเน้นประโยชน์ความต้องของตนเพียงอย่างเดียว เมื่อได้ในสิ่งที่ตนเองปรารถนาแล้วควรจะแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับคนอื่นไปด้วย เพื่อให้คนที่เรารักและมีความปรารถนาดี มีความสุขไปพร้อมๆกัน เรียกว่าเป็นพรหมวิหารธรรม คือเมตตา ปรารถนาจะให้ผู้อื่นมีความสุขเหมือนกับที่ตนได้รับ
การจะทำให้เกิดผลนั้น กาย วาจา ใจ “ ต้องรวมเป็นหนึ่งเดียว ”
แรงอธิษฐานที่ยิ่งใหญ่นั้นไม่ใช่มุ่งเน้นประโยชน์ความต้องของตนเพียงอย่างเดียว เมื่อได้ในสิ่งที่ตนเองปรารถนาแล้วควรจะแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับคนอื่นไปด้วย เพื่อให้คนที่เรารักและมีความปรารถนาดี มีความสุขไปพร้อมๆกัน เรียกว่าเป็นพรหมวิหารธรรม คือเมตตา ปรารถนาจะให้ผู้อื่นมีความสุขเหมือนกับที่ตนได้รับ
การจะทำให้เกิดผลนั้น กาย วาจา ใจ “ ต้องรวมเป็นหนึ่งเดียว ”
เคล็ดลับที่สำคัญมากที่จะได้ผลก็ต่อเมื่อปฏิบัติดีอยู่ในศีลธรรม ด้วยความดี และตั้งใจมั่นใน ศรัทธาของเรา ความสำเร็จก็จะเกิดขึ้นกับเรา เคล็ดลับอีกประการหนึ่ง ในเวลาที่เรากำลังจะขอพรใดๆนั้น เราต้องรวมจิตให้มีพลังเพื่อที่จะเชื่อมบุญต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นได้ เราสามารถลองสังเกตดูได้ว่า ในช่วงที่เรามีพลังจิตที่กล้าแข็งนั้น เราจะรู้สึกปลอดโปร่งสบาย โล่งหรือมีอาการขนลุก น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว รู้สึกเหมือนมีแสงวาบขึ้นมาในจิตใจ แสดงให้เห็นว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านได้รับรู้แล้วถึงในสิ่งที่เราปรารถนา แต่สิ่งนั้นจะประสบผลหรือไม่ ก็อยู่ที่พลังบุญของแต่ละบุคคล
ความสำเร็จที่เราทุกคนต่างปรารถนานั้น เราต้องรู้ว่า สิ่งที่เราขอนั้น เป็นบุญหรือเป็นบาป ถ้าเป็นบาปก็ไม่ต้องขอ ถ้าเป็นบุญก็ดี ต้องทำให้ดียิ่งๆขึ้นไป เวลาขอพรอะไร ต้องมีความเชื่อมั่นและศรัทธา จงเปรียบเสมือนว่า ตนเองนั้นเป็นเพียงฝุ่นธุลีเล็กๆที่ได้เข้าไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยความปีติยินดี จึงจะมีความสุข เมื่อมีความสุข ความสำเร็จก็จะเป็นผลที่บังเกิดตามมา
ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราคิดไม่ดี จิตตก หรือคิดจะทำบาป ก็จะมีความทุกข์ในใจแบบไม่รู้ตัว ถ้าความทุกข์เกิด ความสำเร็จใดๆก็จะไม่ปรากฏ ต้องปฏิบัติดี ทำดี อยู่ในศีลธรรม แล้วความสุขรวมไปถึงสิ่งที่เรามุ่งมาดปรารถนา ก็จะตามมาให้เห็นอย่างแน่นอน
และอย่าขออะไรที่เกินบุญตัวเอง ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เมื่อไม่ได้ก็ขาดความศรัทธาและอาจจะถึงขึ้นไปปรามาสสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะกลายเป็นการสร้างกรรมหนักไปเสีย ที่ชีวิตนอกจากจะหนักอยู่แล้วจะหนักขึ้นไปอีกหลายเท่า เมื่อขอพรแล้วตั้งสัจจะไว้จะทำอะไรก็ตาม ก็จะต้องทำตามนั้น หากลืมก็ต้องรีบไปขอขมาเสีย รีบทำในสิ่งที่ตั้งสัจจะไว้ ยิ่งเมื่อได้สิ่งที่ปรารถนาแล้วไม่ยอมทำตามสัจจะหรือทำแต่น้อยกว่า เป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่กับอนาคตข้างหน้า
***********************************************
เทพคุ้มครอง หรือ เทพครอบครอง
---------------------------------------------------------------------------
คงจะเป็นการดีหากเทพนั้นมาคุ้มครองเรา เราคงจะมั่นใจขึ้นได้มากว่ายังไงก็ต้องเป็นสิ่งดีแน่หากเทพท่านมาคุ้มครองเรา คุ้มครองจากอันตราย คุ้มครองเราจากสิ่งไม่ดีไม่งามที่จะมาทำร้ายเราเพียงอย่างเดียว แต่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น เพราะเทพนอกจากท่านจะมาคุ้มครองเราแล้วท่านก็ยังถือสิทธิ์มาครอบครองเราด้วย เทพมาช่วยเราเพราะเงื่อนผูกพันธ์ในสัญญากรรม แต่เราก็ต้องรู้จักกติกาแห่งเทพว่า ท่านจะช่วยเราได้ในเงื่อนไขใดบ้าง ในแง่ของอภิสังขารถือได้ว่า แม้เราจะเป็นเจ้าของสังขารของเราเอง แต่เทพท่านก็เป็นเจ้าของอภิสังขารของเรา หมายความว่าเราจะทำสิ่งใดก็ต้องอยู่ในกรอบของเทพ จะทำสิ่งที่ไม่ดีออกนอกลู่นอกทางไม่ได้ เพราะเรามีทั้งกรรมดีของเราเองคือส่วนของปุณญาภิสังขาร และกรรมชั่วติดตัวมาตั้งแต่เกิดในอปุณญาภิสังขาร อาจร่วมกับโอปาปติกะ สัมปเวสี เช่นเทวดาใน ๖ ชั้นฟ้าที่มีสัญญากรรมเกี่ยวเนื่องกับท่านสืบต่อมา อันนี้เป็นพันธะของเราที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญากรรมของเรา
.
หากเราขาดตัวรู้ วางตัวหรือปฏิบัติไม่ได้ตามสัญญากรรม ยิ่งถ้าขาดตัวรู้เรื่องการบริหารกรรม และหมดเวลาเสวยบุญในช่วงเวลาของกฏแห่งกรรม ชีวิตคงมีความเสี่ยงไม่น้อยที่จะต้องมาพบกับความยากลำบากในที่สุด ท่านก็ต้องวางอุเบกขากับเรา เลิกคุ้มครองเรา ในช่วงเวลานี้ชีวิตเราจึงมีโอกาสพบกับความยากลำบาก การรับใช้เทพในเป็นร่างทรงในขั้นแรก เทพท่านจะมาเป็นรังสีเราต้องใช้ฌานและใช้ปัญญาในองค์ญาณปรับจนเป็นการแสดงออกในรูปธรรมชาติที่เรียกว่าเป็นสื่อ การที่จะให้เทพท่านมาคุ้มครองเราในช่วงที่กรรมชั่วกำลังส่งผลทำได้แต่โดยการเล่นเกมกลกรรมกับเทพ เราต้องปรับอภิสังขารโดยต้องปรับปุณญาภิสังขารกับอปุญญาภิสังขารให้เป็นอเนญชาภิสังขารโดยการปรับด้วยตัวเองนั้นของมีระดับพลังงานในระดับมโนมยิทธิในจิตที่เป็นประภัสสรซึ่งทำได้ก็จะจัดอยู่ในระดับสื่อแต่การเกิดจะเกิดได้ช้า
.
หากเทพนำปุณญาภิสังขารมาปรับช่วยเราได้เราทำกรรมดีผ่านกติกาแห่งเทพ โดยท่านจะมาปรับเราได้แม้ในขั้นจิตตรานุภาพหรือขั้นจิตศักดิ์สิทธิ์โดยจะเกิดได้เร็วกว่าขั้นมโนมยิทธิมาก โดยเทพดีจะมาเพิ่มเสริมปุณญาภิสังขาร หรือมาลดบาปหรือปรับเปลี่ยนบาปให้เป็นกลางหรือ อเนญชาภิสังขาร หากเราปรับไม่ได้ หรือขาดตัวรู้ก็จะเกิดเป็นกรรมเก็บกด เราก็จะลำบากได้ หากเราจะปฏิบัติตามเทพท่านไปเสียทุกอย่างเพียงหวังเพื่อให้เทพท่านคอยคุ้มครองโดยไม่ใช้สติความคิดพิจารณาเลยว่าสอดคล้องกับทางโลกหรือไม่ก็ถือเป็นทางหย่อนเช่นเทพสั่งให้ทานเจ สั่งให้เปลี่ยนอาชีพ ห้ามแต่งงาน ให้แต่งชุดขาวตลอดชีวิต ฯลฯ ในขณะเดียวกันการปฏิเสธต่อต้านเทพท่านอย่างรุนแรง ไม่รับ ไม่ฟัง ไม่เชื่อ ก็ถือเป็นทางตึงก็ผิดประสงค์ของมหาเทพเช่นกัน บางครั้งเทพที่ดีก็มาช่วยเสริมมาคุ้มครอง เทพที่ไม่ดีก็มีก็จะมาหลอกมาทำร้ายมาครอบครองเราและมาก่อให้เกิดปัญหากับเราได้ในที่สุด พระพุทธศาสนาสอนให้เราเดินสายกลาง แท้จริงแล้วเราสามารถต่อรองกับเทพได้ในกฏเกณฑ์กติกาแห่งเทพ เราจึงควรคิด พิจารณา เรื่องเทพเทวดาด้วยปัญญา ด้วยศิลปะ ชีวิตก็จะผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ในที่สุด
---------------------------------------------------------------------------
คงจะเป็นการดีหากเทพนั้นมาคุ้มครองเรา เราคงจะมั่นใจขึ้นได้มากว่ายังไงก็ต้องเป็นสิ่งดีแน่หากเทพท่านมาคุ้มครองเรา คุ้มครองจากอันตราย คุ้มครองเราจากสิ่งไม่ดีไม่งามที่จะมาทำร้ายเราเพียงอย่างเดียว แต่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น เพราะเทพนอกจากท่านจะมาคุ้มครองเราแล้วท่านก็ยังถือสิทธิ์มาครอบครองเราด้วย เทพมาช่วยเราเพราะเงื่อนผูกพันธ์ในสัญญากรรม แต่เราก็ต้องรู้จักกติกาแห่งเทพว่า ท่านจะช่วยเราได้ในเงื่อนไขใดบ้าง ในแง่ของอภิสังขารถือได้ว่า แม้เราจะเป็นเจ้าของสังขารของเราเอง แต่เทพท่านก็เป็นเจ้าของอภิสังขารของเรา หมายความว่าเราจะทำสิ่งใดก็ต้องอยู่ในกรอบของเทพ จะทำสิ่งที่ไม่ดีออกนอกลู่นอกทางไม่ได้ เพราะเรามีทั้งกรรมดีของเราเองคือส่วนของปุณญาภิสังขาร และกรรมชั่วติดตัวมาตั้งแต่เกิดในอปุณญาภิสังขาร อาจร่วมกับโอปาปติกะ สัมปเวสี เช่นเทวดาใน ๖ ชั้นฟ้าที่มีสัญญากรรมเกี่ยวเนื่องกับท่านสืบต่อมา อันนี้เป็นพันธะของเราที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญากรรมของเรา
.
หากเราขาดตัวรู้ วางตัวหรือปฏิบัติไม่ได้ตามสัญญากรรม ยิ่งถ้าขาดตัวรู้เรื่องการบริหารกรรม และหมดเวลาเสวยบุญในช่วงเวลาของกฏแห่งกรรม ชีวิตคงมีความเสี่ยงไม่น้อยที่จะต้องมาพบกับความยากลำบากในที่สุด ท่านก็ต้องวางอุเบกขากับเรา เลิกคุ้มครองเรา ในช่วงเวลานี้ชีวิตเราจึงมีโอกาสพบกับความยากลำบาก การรับใช้เทพในเป็นร่างทรงในขั้นแรก เทพท่านจะมาเป็นรังสีเราต้องใช้ฌานและใช้ปัญญาในองค์ญาณปรับจนเป็นการแสดงออกในรูปธรรมชาติที่เรียกว่าเป็นสื่อ การที่จะให้เทพท่านมาคุ้มครองเราในช่วงที่กรรมชั่วกำลังส่งผลทำได้แต่โดยการเล่นเกมกลกรรมกับเทพ เราต้องปรับอภิสังขารโดยต้องปรับปุณญาภิสังขารกับอปุญญาภิสังขารให้เป็นอเนญชาภิสังขารโดยการปรับด้วยตัวเองนั้นของมีระดับพลังงานในระดับมโนมยิทธิในจิตที่เป็นประภัสสรซึ่งทำได้ก็จะจัดอยู่ในระดับสื่อแต่การเกิดจะเกิดได้ช้า
.
หากเทพนำปุณญาภิสังขารมาปรับช่วยเราได้เราทำกรรมดีผ่านกติกาแห่งเทพ โดยท่านจะมาปรับเราได้แม้ในขั้นจิตตรานุภาพหรือขั้นจิตศักดิ์สิทธิ์โดยจะเกิดได้เร็วกว่าขั้นมโนมยิทธิมาก โดยเทพดีจะมาเพิ่มเสริมปุณญาภิสังขาร หรือมาลดบาปหรือปรับเปลี่ยนบาปให้เป็นกลางหรือ อเนญชาภิสังขาร หากเราปรับไม่ได้ หรือขาดตัวรู้ก็จะเกิดเป็นกรรมเก็บกด เราก็จะลำบากได้ หากเราจะปฏิบัติตามเทพท่านไปเสียทุกอย่างเพียงหวังเพื่อให้เทพท่านคอยคุ้มครองโดยไม่ใช้สติความคิดพิจารณาเลยว่าสอดคล้องกับทางโลกหรือไม่ก็ถือเป็นทางหย่อนเช่นเทพสั่งให้ทานเจ สั่งให้เปลี่ยนอาชีพ ห้ามแต่งงาน ให้แต่งชุดขาวตลอดชีวิต ฯลฯ ในขณะเดียวกันการปฏิเสธต่อต้านเทพท่านอย่างรุนแรง ไม่รับ ไม่ฟัง ไม่เชื่อ ก็ถือเป็นทางตึงก็ผิดประสงค์ของมหาเทพเช่นกัน บางครั้งเทพที่ดีก็มาช่วยเสริมมาคุ้มครอง เทพที่ไม่ดีก็มีก็จะมาหลอกมาทำร้ายมาครอบครองเราและมาก่อให้เกิดปัญหากับเราได้ในที่สุด พระพุทธศาสนาสอนให้เราเดินสายกลาง แท้จริงแล้วเราสามารถต่อรองกับเทพได้ในกฏเกณฑ์กติกาแห่งเทพ เราจึงควรคิด พิจารณา เรื่องเทพเทวดาด้วยปัญญา ด้วยศิลปะ ชีวิตก็จะผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ในที่สุด
****************************************************
พระแหวกม่านที่สร้างยุคแรกๆของ ลพ.กวย
ท่านใส่ดินที่เอามาจากใจกลางแม่น้ำลงไปด้วยทั้งดินจากกลางแม่น้ำโขงที่ศิษย์ของท่านเอามาให้ / จากกลางแม่น้ำเจ้าพระยาและจากแม่น้ำน้อย เนื้อพระแหวกม่านทั้งอกใหญ่ และข้างเม็ดในยุคต้นๆจะเป็นเนื้อผงผสมดินจากแม่น้ำเหล่านี้ ท่านถือเคล็ดว่า"หากยังเหยียบดินอยู่แล้วละก้อ ไม่มีอะไรใหญ่ไปกว่าพระแม่ธรณี" พระแม่ธรณีสื่อถึงได้ทั่วไปและครอบคลุมทุกที่ในโลก คนที่มีพระเหล่านี้ สามารถใช้ทำน้ำมนต์ธรณีสารด้วย เมื่อจะใช้บูชาติดตัวให้กล่าวอาราธนาพระแม่ธรณีด้วยจะได้ผลเร็วมาก การใช้ให้เป็น ทำให้ถูกแบบนี้จะทำให้มีผลกับเราเร็วกว่าใช้แบบทั่วๆไป
ท่านใส่ดินที่เอามาจากใจกลางแม่น้ำลงไปด้วยทั้งดินจากกลางแม่น้ำโขงที่ศิษย์ของท่านเอามาให้ / จากกลางแม่น้ำเจ้าพระยาและจากแม่น้ำน้อย เนื้อพระแหวกม่านทั้งอกใหญ่ และข้างเม็ดในยุคต้นๆจะเป็นเนื้อผงผสมดินจากแม่น้ำเหล่านี้ ท่านถือเคล็ดว่า"หากยังเหยียบดินอยู่แล้วละก้อ ไม่มีอะไรใหญ่ไปกว่าพระแม่ธรณี" พระแม่ธรณีสื่อถึงได้ทั่วไปและครอบคลุมทุกที่ในโลก คนที่มีพระเหล่านี้ สามารถใช้ทำน้ำมนต์ธรณีสารด้วย เมื่อจะใช้บูชาติดตัวให้กล่าวอาราธนาพระแม่ธรณีด้วยจะได้ผลเร็วมาก การใช้ให้เป็น ทำให้ถูกแบบนี้จะทำให้มีผลกับเราเร็วกว่าใช้แบบทั่วๆไป
ในสมัยที่ ลพ.กวย ยังอยู่นั้น เมื่อจะมอบพระแหวกม่านและพระพิมพ์ปรกโพธิ์ให้กับศิษย์คนใด ท่านจะเอาถาดขนาดใหญ่ที่สุดใส่พระองค์เล็กๆก่อนจะมอบให้กับศิษย์คนนั้น เมื่อมีคนถามว่าทำไมต้องใช้ถาดใบใหญ่มากๆด้วย ใช้พานเล็กๆไม่ได้หรือ ท่านบอกว่าถาดยังเล็กไปเมื่อเทียบกับดวงแก้วพระสิวลีที่ท่านเชิญลงมาสถิตย์ในองค์พระที่ท่านจะมอบให้
.
ลพ.กวย เป็นพระเกจิอีกผู้หนึ่งที่ท่านอธิษฐานเป็นพระโพธิ์สัตว์คอยช่วยเหลือศิษย์และผู้เคารพนับถือท่าน แม้แต่ในวันนี้ก็ยังคอยสงเคราะห์ศิษย์ตลอดเวลา วัตถุมงคลดีๆในประเทศไทยมีสร้างไว้มากมาย บางอย่างทำไว้ดีมากและอำนาจสูงส่งเกินกว่าคนที่ยังถือศีลห้าไม่ได้จะใช้ได้ผล เรื่องนี้สำคัญมากกับคำว่าวัตถุมงคลในโลกของความเป็นจริง เมื่อเราผู้ใช้บูชายังถือศีลไม่ได้อย่างเคร่งครัด การเลือกหาสิ่งที่ทำไว้ให้คนธรรมดาพื้นฐานใช้ได้ผลจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด สมดังคำว่า "หาให้เจอ"
.
หลวงพ่อกวย และหลวงพ่ออภิชิโต ยังทิ้งสังขารที่ไม่ย่อยสลายไว้เพื่อคอยช่วยสงเคราะห์ศิษย์และคนนับถือที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งท่านทราบดีล่วงหน้าอยู่แล้วว่า โลกในวันนี้ ยังมีคนที่ต้องการพึ่งอำนาจมหัศจรรย์จากท่านอีกจำนวนมาก ลองพิจารณาดูด้วยตนเองว่า วัตถุมงคลที่อธิษฐานและบนบานได้ผลเร็วที่สุดในบรรดาพระเกจิจำนวนมากนั้น มีของ ลพ.กวย และ ลพ.อภิชิโต รวมอยู่ด้วยแน่นอน
.
--------- เครดิตบทความ "พี่หนุ่ม เมืองแกลง"
--------- รูปพระ "ของผมเอง"
**************************************************
การเสาะหาพระเครื่องมาคู่กาย ไม่จำเป็นต้องหาที่เขาว่าดีที่สุด แต่ให้หาแบบที่เอามาแขวนแล้วได้สิ่งดีที่สุด
-------------------------------------------------------
ถาม - ผมเป็นคนหนึ่งซึ่งหวังจะพึ่งพาพุทธคุณขององค์พระเครื่องที่เราบูชาและศรัทธา ปกติผมเป็นคนชอบแขวนพระเวลาไปไหนมาไหนตลอด เหรียญที่แขวนประจำกายก็มี 1.เหรียญนารายณ์ทรงครุฑของหลวงปู่หมุน 2.เหรียญจตุรพิธพรชัยของหลวงพ่อกวย 3.เหรียญเมตตาของหลวงปู่สิมนี่แหละครับ ผมศึกษาจากการอ่านบทความของพี่หนุ่ม จึงเลือกที่จะแขวนเดี่ยวบ้าง (เพราะอาจเห็นผลที่เร็วกว่า) เพิ่งเริ่มจะคิดมาแขวนเดี่ยวตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จึงอยากจะขอคำแนะนำจากพี่หนุ่มเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ตนเองในการบูชาพระที่แขวนอยู่ครับ ขอขอบคุณมา ณ.ที่นี้ด้วยครับ
.....................................................................
ตอบ - ผมแนะนำให้แขวนเดี่ยวเลยครับ ใจแน่วแน่และนิ่งกว่าแขวนเป็นเพื่อนหลายๆองค์ ต้องลองทำเองถึงจะรู้เอง
-เหรียญเมตตา แขวนเมื่อต้องการผลทางเมตตา ความร่มเย็น และแคล้วคลาดเหรียญนี้สำเร็จด้วยอำนาจจิตล้วนๆ ไม่มีพลังจากอาคมใดๆแฝงทั้งสิ้น
-เหรียญจตุรพิธ ลพ.กวย แขวนเมื่อต้องการความคุ้มครองป้องกันเป็นหลัก ตามมาด้วยเมตตา เป็นอำนาจจิตบวกอาคม
-เหรียญนารายณ์ ลป.หมุน เป็นพระเครื่องที่ใช้คุ้มครองและทางอธิษฐานได้ดีครับ
.
การจะเชื่อมต่อกระแสพลังพุทธคุณ อิทธิคุณของพระเครื่องกับพลังศรัทธาจากจิตของผู้ใช้ มีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายทั้งจากวิธีปลุกเสก ต้นสายวิชา หรือวิธีการใช้ จนต่อเนื่องไปถึงการหาพระดีๆสักองค์มาคู่กาย ตัวอย่างเช่นหากเรามีศรัทธาในยันต์เกราะเพชร หรือสามารถร่ายคาถาได้ ควรหาพระเครื่องในสายนี้มาแขวนคอดู เช่นพระดินเผา ลพ.ปาน บางนมโค ของ ลพ.ฤาษี วัดท่าซุงและพระเครื่องอื่นในสายนี้ การไหลลื่นของกระแสจิตกับพลังงานพิเศษจะเป็นไปได้ดียิ่งและไม่สะดุด เป็นการหนุนกันโดยมีวัตถุชิ้นเล็กๆเป็นสวิชท์สื่อให้เชื่อมต่อกัน บางครั้งจะมีสิ่งบ่งชี้ให้เราพบเองว่า สิ่งที่อธิบายด้วยเหตุผลไม่ได้มีจริงๆ พบเอง เจอเองแล้วจะเชื่อเอง
.
หรือใครท่องคาถาชินบัญชรได้ไหลลื่นจนวนเวียนอยู่ในใจตลอดเวลา ลองมีพระสมเด็จแท้ๆอาจไม่ใช่วัดระฆังของสมเด็จโตก็ยังได้ ขอให้เป็นพระเครื่องแท้ที่มีการสืบทอดมาจากต้นสายของสมเด็จโตก็พอ จะพบว่าได้ผลเป็นอัศจรรย์และชัดเจนกว่า เอามาแขวนโดยมีศรัทธานับถืออย่างเดียว ลองค่อยๆพิจารณาดูแล้วมองย้อนกลับมาที่ตัวเองนะครับว่าเราจับจุดการบูชาพระถูกต้องถึงขีดสูงสุดในสิ่งที่พระเกจิท่านฝากไว้ในวัตถุเล็กๆชิ้นนั้นหรือยัง แล้วจะมีความสุขในการแขวนพระด้วยตัวเราเอง แล้วจากกระพี้ต่อไปจะเข้าแก่นโดยอัตโนมัติ
.
หลายคนไม่เชื่อดวง ไม่แขวนพระเครื่อง ดูถูกคนเช่าพระเครื่อง บางคนพูดว่าแขวนพระดียังไงก็หนีกรรมไม่พ้น แม้ผู้เสกผู้สร้างยังต้องตายเลย ฝรั่งไม่แขวนพระยังรวยเอาๆ แต่เชื่อเถอะ ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต 90% ล้วนมีสิ่งยึดเหนี่ยวและระลึกถึงเพื่อเป็นกำลังใจ อาจไม่ใช่พระเครื่องหรือเครื่องรางเสมอไป แก้วที่คว่ำกลางสายฝน ย่อมไม่อาจเต็มเช่นเดียวกับคนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ต่อให้คลุกคลีอยู่กับปราชญ์ทุกวัน ก็ยังคงรู้น้อยเท่าเดิม
.
การคิดแทนคนอื่น เป็นการคิดที่เหนื่อยที่สุด เมื่อสมองเรามีพื้นที่จำกัด โปรดใช้จดจำแต่สิ่งที่ดี การเสาะหาพระเครื่องมาคู่กาย ไม่จำเป็นต้องหาที่เขาว่าดีที่สุด แต่ให้หาแบบที่เอามาแขวนแล้วได้สิ่งดีที่สุด
.
การจะเชื่อมต่อกระแสพลังพุทธคุณ อิทธิคุณของพระเครื่องกับพลังศรัทธาจากจิตของผู้ใช้ มีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายทั้งจากวิธีปลุกเสก ต้นสายวิชา หรือวิธีการใช้ จนต่อเนื่องไปถึงการหาพระดีๆสักองค์มาคู่กาย ตัวอย่างเช่นหากเรามีศรัทธาในยันต์เกราะเพชร หรือสามารถร่ายคาถาได้ ควรหาพระเครื่องในสายนี้มาแขวนคอดู เช่นพระดินเผา ลพ.ปาน บางนมโค ของ ลพ.ฤาษี วัดท่าซุงและพระเครื่องอื่นในสายนี้ การไหลลื่นของกระแสจิตกับพลังงานพิเศษจะเป็นไปได้ดียิ่งและไม่สะดุด เป็นการหนุนกันโดยมีวัตถุชิ้นเล็กๆเป็นสวิชท์สื่อให้เชื่อมต่อกัน บางครั้งจะมีสิ่งบ่งชี้ให้เราพบเองว่า สิ่งที่อธิบายด้วยเหตุผลไม่ได้มีจริงๆ พบเอง เจอเองแล้วจะเชื่อเอง
.
หรือใครท่องคาถาชินบัญชรได้ไหลลื่นจนวนเวียนอยู่ในใจตลอดเวลา ลองมีพระสมเด็จแท้ๆอาจไม่ใช่วัดระฆังของสมเด็จโตก็ยังได้ ขอให้เป็นพระเครื่องแท้ที่มีการสืบทอดมาจากต้นสายของสมเด็จโตก็พอ จะพบว่าได้ผลเป็นอัศจรรย์และชัดเจนกว่า เอามาแขวนโดยมีศรัทธานับถืออย่างเดียว ลองค่อยๆพิจารณาดูแล้วมองย้อนกลับมาที่ตัวเองนะครับว่าเราจับจุดการบูชาพระถูกต้องถึงขีดสูงสุดในสิ่งที่พระเกจิท่านฝากไว้ในวัตถุเล็กๆชิ้นนั้นหรือยัง แล้วจะมีความสุขในการแขวนพระด้วยตัวเราเอง แล้วจากกระพี้ต่อไปจะเข้าแก่นโดยอัตโนมัติ
.
หลายคนไม่เชื่อดวง ไม่แขวนพระเครื่อง ดูถูกคนเช่าพระเครื่อง บางคนพูดว่าแขวนพระดียังไงก็หนีกรรมไม่พ้น แม้ผู้เสกผู้สร้างยังต้องตายเลย ฝรั่งไม่แขวนพระยังรวยเอาๆ แต่เชื่อเถอะ ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต 90% ล้วนมีสิ่งยึดเหนี่ยวและระลึกถึงเพื่อเป็นกำลังใจ อาจไม่ใช่พระเครื่องหรือเครื่องรางเสมอไป แก้วที่คว่ำกลางสายฝน ย่อมไม่อาจเต็มเช่นเดียวกับคนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ต่อให้คลุกคลีอยู่กับปราชญ์ทุกวัน ก็ยังคงรู้น้อยเท่าเดิม
.
การคิดแทนคนอื่น เป็นการคิดที่เหนื่อยที่สุด เมื่อสมองเรามีพื้นที่จำกัด โปรดใช้จดจำแต่สิ่งที่ดี การเสาะหาพระเครื่องมาคู่กาย ไม่จำเป็นต้องหาที่เขาว่าดีที่สุด แต่ให้หาแบบที่เอามาแขวนแล้วได้สิ่งดีที่สุด
**************************************************
การมองหาของที่มีดีต่อชีวิต แบบนิยามของคำว่า --หาให้เป็น-- (เครดิตพี่หนุ่มเมืองแกลง)
ผมได้ฟังจากคนยุคเก่าที่หลวงพ่ออภิชิโตเคยพูดให้ฟังเอง และจากที่เคยรับรู้มาบ้างนานแล้วและจะถ่ายทอดแบบคำพูดง่ายๆที่อ่านแล้วเข้าใจได้เลย มีบางอย่างเป็นจุดสำคัญ สำหรับคำว่าพระเครื่องวัตถุมงคลที่เราจะเอามาใช้บูชาติดตัว เพราะน้อยนักที่จะมีพระเกจิอาจารย์สักองค์หนึ่ง ที่จะละเอียดลออและพิถีพิถันในการปลุกเสกวัตถุมงคลในแต่ละแขนงของชีวิต ไม่ได้กำหนดจิตครั้งเดียวแล้วเป่าพรวดลงไปให้ดีพร้อมทุกอย่าง เพราะคนที่นำไปบูชานั้น จะมีศีล-มีคุณธรรมและจิตใจที่แตกต่างกันหลากหลาย เหมือนดังจะเอาแม่สีแดงไปใส่ในแก้วน้ำเพื่อเปลี่ยนสีน้ำธรรมดาให้มีสีสวยสดใส หากน้ำในแก้วนั้นใสสะอาดอยู่แล้วแต่เดิม ใช้แม่สีเพียงเล็กน้อยก็ย่อมเปลี่ยนน้ำให้มีสีแดงสวยสมใจง่ายดาย หากน้ำในแก้วยังขุ่นมีตะกอนก็ต้องใช้เวลาปล่อยให้ตกตะกอนจนใสพอจะเติมสีลงไป และหากเป็นน้ำโคลนตม ทำอย่างไรหรือใช้เวลานานเท่าไร ก็คงไม่ตกตะกอนใสพอจะเติมสีลงไปเปลี่ยนให้สวยสดใสเช่นต้องการได้
เมื่อเราจะมองดูเจตนาของผู้ปลุกเสกหรืออธิษฐานไว้ ก็พบว่าจะมีไม่กี่ท่านที่เจตนาหลักที่ตั้งมั่นในใจเป็นความห่วงใยศิษย์ด้วยอารมณ์ที่เป็นฌาน และเป็นอารมณ์ที่ทรงไว้ในการกำหนดจิตภาวนาตลอดเวลา การทรงอารมณ์คืออะไร ? ในที่นี้คือ ทรงอารมณ์ในพระกรรมฐานกองใดกองหนึ่ง หรือวิปัสสนาญาณหรือจะทั้งสองอย่างก็เป็นได้ แต่ทั้งนี้กรรมฐานทุกกองจะตั้งอยู่ได้ก็ต้องมีศีล 5 บริสุทธิ์เป็นสำคัญถ้าศีลไม่ครบการปฏิบัติจะไม่มีผล
หลวงพ่ออภิชิโตนั้นมีความห่วงใยในศิษย์ทุกคนที่ท่านรู้จักทั้งเรื่องการเงิน การงาน การทำกิน ชีวิตครอบครัวหรือสุขภาพการเป็นอยู่ แม้เงินของท่านเป็นร้อยล้านบาทก็ยังมอบให้ศิษย์ของท่านมาแล้ว (ไม่ได้พูดเกินจริง) ท่านเน้นและเจาะจงในการมอบหรือทำอะไรให้ในแต่ละคนเสมอมา วัตถุมงคลของท่านนั้น หากได้รับจากศิษย์ของท่านมาโดยตรง ก็ถือว่าได้พลังคูณสอง เพราะของดีที่ทำไว้ครั้งหนึ่งแล้วนั้น เมื่อจะมอบให้ใครเป็นการเฉพาะ ท่านจะลงอำนาจจิตกำกับเฉพาะทางให้อีกครั้ง เพราะแต่ละแนวทางล้วนมีวิถีต่างกัน กระแสจิตจากอารมณ์ฌานที่แข็งกร้าวจะนำหน้าพลังเมตตาคงใช้ได้ผลยาก หากเอาอำนาจบุญฤทธิ์ไปหนุนเรื่องการเงินการทำกินคงช้าและยากจะมีผลกับทุกคน วิชาต่างๆที่ท่านเรียนมาเพื่อสงเคราะห์สัตว์โลกในวันหน้านั้น มีวิธีต่างๆกันในแต่ละอย่าง และท่านใช้สงเคราะห์กับแต่ละคนไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นใครได้ครอบครองวัตถุมงคลแท้ๆที่ได้รับส่งผ่านต่อจากกลุ่มลูกศิษย์ยุคเก่าของท่านในวันนี้ไว้ ถือว่าท่านโชคดีแล้ว
คุณแม่บุญเรือนที่ท่านทรงอารมณ์ในกัมมัฏฐานตลอดเวลา ไม่พูดเล่น และไม่อ้อมค้อม ดุแต่จริงจัง ท่านมีเจตนาแน่วแน่ในความห่วงในชีวิตความเป็นอยู่และการทำกินของเหล่าศิษย์ ของที่ท่านอธิษฐานล้วนมีผลในด้านนี้เป็นหลักใหญ่ ตามที่ท่านคิดคำนึงและห่วงใยชีวิตของศิษย์ท่านเสมอตลอดเวลา ดังที่ท่านร้องเป็นเพลงฉ่อยไว้แทบทุกตอน จะต้องมีการกล่าวอ้างในการอธิษฐานธรรมให้เพื่อเกิดความกินดีอยู่ดี ศิวิไลซ์ในวันหน้า
หลวงพ่อกวย ชัยนาท ท่านก็ห่วงใยลูกศิษย์ลูกหาในด้านความเป็นอยู่ภายภาคหน้า ท่านนั่งลบผง กดพิมพ์พระ และเสกพระด้วยตนเองทุกคืนวัน ด้วยอารมณ์ที่ทรงฌานอันเข้มแข็งของท่านเพื่อตั้งใจจะมอบให้ศิษย์ได้มีดีติดตัววันหน้า ดังนั้นพระผงบางรุ่นบางพิมพ์ที่ท่านลบผงที่ใช้สร้างเอง กดพระเอง เสกเอง จะส่งผลในด้านนี้เป็นหลักอย่างชัดเจนกว่าแบบอื่นๆ เพราะตั้งแต่ขั้นตอนแรกในการสร้างจวบจนเป็นองค์พระที่มีพลังสมบูรณ์แบบนั้น ท่านทรงอารมณ์ฌานด้วยจิตที่ห่วงใยด้าน “อย่าอด อย่าอยาก อย่ายาก อย่าจน” อย่างแรงกล้าและคงไว้สม่ำเสมอ
หลวงปู่พิศดู จันทบุรี ท่านรู้ว่าเมืองจันทบุรีที่ท่านอยู่นั้น จะเกิดภัยจากน้ำไหลท่วมเมืองครั้งใหญ่ ท่านทำพระเตรียมไว้รุ่นหนึ่งชื่อพระกสิณ เจตนาเพื่อให้เป็นของดีช่วยพยุงชีวิตเปิดช่องทางโอกาสในการทำมาหากินของคนที่ท่านเคยได้สงเคราะห์ และยังเลี่ยมพลาสติกให้ฟรีเพื่อคนได้รับจะได้คล้องคอบูชาเลย และยังให้คนนำไปแจกฟรีถึงแต่ละบ้าน ก่อนจะมีภัยพิบัติครั้งใหญ่ของเมืองจันทบุรี เป็นความห่วงใยของเหตุในวันหน้าของพระอรหันต์
พระเครื่องของเกจิอื่นก็ทำไว้ดีๆมากหลายอย่าง แต่หลายองค์จะกำหนดจิตภาวนาด้วยอารมณ์ใดนั้น เป็นเรื่องเหนือการคาดเดา เพราะจริตของแต่ละท่านนั้นก็แตกต่างกันไป บางองค์เก่งมาก ศีลบริสุทธิ์และจิตดีสุดยอด ทำอะไรก็ขลัง เพียงแต่ท่านอธิษฐานลงในวัตถุนั้นไว้เพื่อจะมอบให้คนที่มีศีล มีคุณธรรมได้ใช้เกิดผล แต่คนที่ยังขาดศีลจะใช้ได้ผลบ้าง ไม่ได้บ้าง หรือบางเกจิจะทำวัตถุมงคลไว้แต่ให้ส่งผลไปตามผลบุญกุศลที่สะสมมาแต่ก่อนหรือที่ได้สร้างในปัจจุบันชาติ วัตถุมงคลชั้นดีบางอย่างทำไว้ดีมากและมากจนคนธรรมดาใช้ไม่มีผล หมายถึงภูมิธรรมยังไม่ถึง ยังไม่มีบุญพอจะใช้ได้ผล เพราะของระดับพระโพธิสัตว์หรือพระอรหันต์ทำไว้บางองค์นั้น ใจเราต้องนิ่งสงบมีสมาธิแน่วแน่กว่าปกติธรรมดา จิตต้องนิ่งและเปิดรับ จึงจะรับพลังอำนาจจากบุญฤทธิ์ของท่านไว้ใช้ประโยชน์ได้ ถ้าคนไม่รู้อะไรบ้างเลย แขวนไว้ก็แทบไม่มีอาการอะไรให้เกิดผล
หากเรายังมีศีลไม่ครบถ้วน ยังมีบุญกุศลไม่มากพอ ยังอยู่ในวิถีโลกที่ต้องมีทั้งขาวและดำปะปนกันในแต่ละวัน เราต้องมีวิธีพิจารณาสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง บางครั้งอาจต้องใช้พลังอำนาจที่เกื้อหนุนชีวิต อันเกิดจากกำลังจิตที่ทรงอำนาจทางอิทธิฤทธิ์นำหน้ามาสงเคราะห์ก่อน เพราะเรายังดีไม่พอ ยังมีบุญกุศลมากไม่ถึงขั้น หากรอนานไปคงเฉาก่อนจะเติบใหญ่ได้สมดังใจ และหลายเกจิที่เก่งๆก็เป็นผู้มีจิตสำเร็จอันทรงฤทธิ์ไว้เต็มอารมณ์กรรมฐาน ได้วิชชา 3 อภิญญา 6 สามารถแสดงฤทธิ์ได้ มีสภาวะจิตเป็นไปตามธรรมชาติ มีอารมณ์สงบสุขสงัดเป็นอารมณ์กรรมฐาน โดยกสิณทั้ง10 อย่าง เป็นแนวทางในการทรงอารมณ์อันส่งผลทางฤทธิ์ ใช้เพื่อกำหนดภาวนาของแต่ละท่าน หลายๆท่านอารมณ์เริ่มแรกอาจต่างกันบ้าง แต่เมื่อเข้าฌานลึกขึ้นในช่วงท้าย (ฌาน4) ก็จะไม่ต่างกันนัก โดยท่านเหล่านี้จะมีวิธีอธิษฐานจิตที่จะให้เกิดผลตามฤทธิ์ที่ต้องการ จากการเข้าฌาน 4 ก่อน เมื่อออกจากฌาน 4 แล้วจึงจะอธิษฐานให้เกิดฤทธิ์ตามที่ต้องการ
**************************************************
ปัจจุบัน คำว่า"พระในดง" มีคนกลุ่มหนึ่งนำไปกล่าวปรามาสล้อเล่นอย่างสนุกสนาน
และคึกคะนองอย่่างขาดความเคารพและเต็มไปด้วยการดูแคลน ทั้งในกระทู้ต่างๆและในfbเฉพาะกลุ่มที่รวมคนระดับจิตใจคล้ายๆกันเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งที่จริงแล้วเราคนรุ่นหลังต่างหาก ที่เรียกขานนามสมมุติย่อเพื่อจำกัดความของพระอภิญญากลุ่มหนึ่งที่ลึกลับว่า พระในดง และพระอภิญญากลุ่มนี้มีอยู่จริง หากใครมีครูบาอาจารย์ที่เดินธุดงค์มานานๆครึ่งชีวิต(ไม่ใช่เก่งอยู่แต่ในเมือง) ลองสอบถามดูว่า มีครูบาอาจารย์ลึกลับที่อายุนับร้อยนับพันปีและมาคอยสอนการปฏิบัติในป่าในดงมีจริงใหม นี่คือที่มาของคำว่า พระในดง ที่พระเกจิยุคหลังๆซึ่งเคยผ่านทางและนำมาเล่าให้คนรุ่นต่อๆมาฟัง จนเป็นที่มาของคำจำกัดความว่า พระในดง
.
ได้คุยกับศิษย์อาวุโสของหลวงพ่ออภิชิโตเรื่องเหล่านี้ ทุกท่านเล่าว่า หลวงพ่อเคยกล่าวสั้นๆว่า "คนพวกนี้จะมีที่ไปของชีวิตที่ต่ำลงทุกปี ไม่มีวันเจริญได้เลยทั้งตระกูล เรื่องของพระโลกในดงที่เราเรียกกันนั้น ล้วนเป็นพระอภิญญาเหนือโลกและเกินการคาดเดาของปุถุชนมากนัก คนที่ไม่เชื่อแล้วไปกล่าวปรามาสดูแคลน ล้วนแต่จักต้องเข้าสู่อบายภูมิทั้งสิ้น" การที่ศิษย์ของท่านไม่อนุญาตให้นำภาพถ่ายการแสดงปาฏิหารย์ในหนังสือพิมพ์สมัยก่อนมาลงก็เพราะเหตุนี้(ทั้งๆที่มีเอกสารดังกล่าวจริงๆ) หลวงพ่อเองเคยกล่าวว่า "พวกเขาเป็นใครถึงจะมาบังคับให้เราแสดงอะไรๆให้ดู กว่าจะได้มาแต่ละวิชานั้น เรียนมายากแสนยาก อาศัยคำพูดไม่กี่คำจะมาให้เราทำให้ดูง่ายๆเลยหรือ เขาเชื่อก็เสมอตัว เขาไม่เชื่อและปรามาส บาปก็ตกอยู่กับเขาอีก"
.
แม้ในการเชิญดวงจิตท่านลงแฝงร่างผู้ปฏิบัติดีบางท่าน ก็มีข้อคิดมากมายจากท่านให้เก็บไปจดจำและขบคิดใคร่ครวญ บางครั้งเรื่องที่เกิดในfb เมื่อนำไปสอบถามท่าน ก็ยังมีคำเตือนจากคนที่ทรงภูมิ ตอบกลับผ่านหูคนที่ได้ยินได้ฟัง จึงขอเตือนสติเพื่อนบางท่านให้เลี่ยงช่องทางที่จะก้าวไปสู่ทางที่ตกต่ำและดวงชะตาวิบัตินั้นเสีย หลวงพ่ออภิชิโตท่านมีตัวตนจริง จะดีจริงหรือไม่ดี ตัวของเราเองเท่านั้นที่จะพิสูจได้โดยไม่ต้องฟังใคร
.
ศิษย์ของท่านในยุคปี 2518 เป็นต้นมาล้วนแต่ระดับผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ซึ่งจะว่าไปแล้วยุคนั้นเมืองไทยล้วนคลำคล่ำไปด้วยเกจิดังเต็มเมือง ศิษย์บางคนของท่านเป็นคริสต์ด้วยซ้ำก็ยังมานับถือท่่านสุดหัวใจ พบความสำเร็จในชีวิตจนเป็นแบบอย่างในการสร้างตัวของคนรุ่นหลัง ซึ่งพิสูจได้และยังมีชีวิตอยู่ (คนเดียวกับที่เป็นประธานสร้างศาลาที่กำลังก่อสร้างอยู่นี่แหละ) ศิษย์อาวุโสของท่านบางคนนับถือพุทธ แต่ไม่กราบไหว้พระเกจิเพราะไม่เชื่อว่าเก่งจริงมานาน ก็ยอมรับนับถือและเคารพท่านจนทุกวันนี้ ศิษย์ท่านนี้เป็นตำนานคนสู้ชีวิตที่พบความสำเร็จสูงสุดอีกท่านหนึ่งของเมืองไทย เอ่ยไปก็คงไม่มีนักธุรกิจท่านใดไม่รู้จัก บุญที่นำมาบอกในการร่วมสร้างศาลาครั้งนี้ไม่ได้ต้องการเรี่ยไร เพียงแต่อยากให้เป็นสะพานเชื่อมต่อเส้นทางชีวิต เพื่อท่านจักได้สงเคราะห์ต่อผู้เคยร่วมกุศลกันมาเท่านั้น ใครคิดได้ก็จะเข้าใจเอง
**************************************************
คุณภาพของ “พระเครื่อง” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนหรือรูปแบบ
แต่มาจากพลังงานที่จิตจะนำออกมาใช้ได้หรือใช้เป็นแค่นั้น ลองแขวนพระเครื่ององค์ที่นับถือศรัทธาแบบเดี่ยวๆแล้วจะสบายกายสบายใจ รู้สึกเชื่อมั่นไม่สับสน เมื่อจิตนิ่ง ใจจะสบาย ทำให้เกิดสุข มีความเชื่อมั่นในตนเอง ในวงการพระมีคนมากมายที่ชอบใส่เป็นพวงใหญ่ๆหรือสะพายกระเป๋าใส่พระพะรุงพะรัง สักวันคงมีคนหอบพระใส่เป้ขนาดใหญ่สะพายหลัง เพราะมีมากและไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี เมื่อถามว่าองค์ใหนดีที่สุดหรือเคยช่วยเหลือมาชัดๆ เขาก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน
.
พระเครื่องของ ลพ.อภิชิโต เมื่อนับถือศรัทธาพอที่จะยกพานครูกับท่าน ลองเอาพระใส่พานพร้อมดอกไม้สามสี หมากพลู น้ำเปล่า จุดธูปเทียน ไหว้พระพุทธแล้ว กำหนดจิตให้นิ่ง สวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ตามด้วยอิติปิโส แล้วบอกกล่าวท่านในสิ่งที่คิดไว้ ไม่มีพิธีรีตองมากมาย ใจตัวเองสำคัญที่สุดครับ
.
พระเครื่องทุกอย่าง ทุกยุคสมัย หากแขวนเดี่ยว ย่อมแสดงผลชัดที่สุดว่า ดีหรือไม่ดีดังที่ตั้งใจหวัง เมื่อปาฏิหารย์เกิดจากศรัทธา ใจที่แน่วแน่ย่อมมีพลังมากที่สุด การมีที่สุดเพียงหนึ่งทำให้รวมความรู้สึกได้ตรงกับที่ศรัทธาที่สุด ชัดเจนไม่ลังเล ไม่ต้องพะวักพะวงหรือเผื่อเลือกแบบรักพี่เสียดายน้องจนขาดสมาธิ จิตเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ที่มันสามารถเหนี่ยวนำพลังงานที่มันเข้าไปเกี่ยวข้องสัมผัสนั้นๆ ทั้งพลังงานรูปแบบหยาบที่ตาเรามองเห็นได้ที่ประกอบกันขึ้นจากดิน น้ำ ลม ไฟ เช่นร่างกายเราเองเป็นต้น หรือกระทั่งประสาทสัมผัสเรามิอาจจะรับรู้ได้ ตัวจิตเองแล้วไม่ใช่พลังงาน แต่จิตนี้สามารถเหนี่ยวนำพลังงานได้ ยิ่งคนที่กำหนดจิตได้ในระดับหนึ่งย่อมทำอะไรได้มากกว่าปกติ เมื่อนับถือองค์ใดมาก ลองเลือกมาแล้วใช้ครั้งละองค์ ครบเจ็ดวันก็ลองสังเกตุอะไรๆดูเอาเอง ไม่สมดังใจก็เปลี่ยนองค์ใหม่แล้วลองสังเกตุอีก ทำแบบนี้จนได้ข้อสรุปที่ตรงกับจริตที่หวังและคิดว่าใช่เสียที
**************************************************
ท่านแขวนองค์เดียวหรือว่าหลายองค์
เท่าที่ผมรู้จักผู้รอบรู้ในการบูชาพระเครื่องติดตัว... มักจะบอกเป็นทางเดียวกันว่า แขวนเดี่ยวดีที่สุด... แต่ต้องเป็นพระที่เราศรัทธาท่านผู้เสก ตรวจแล้วว่าแท้ทั้งนอกทั้งใน (นอกคือเนื้อหารูปพิมพ์ทรงถูกต้อง และในคือผู้เสกเก่งจริงและเสกไว้จริง)
อ.ปู่ประถม อาจสาคร ก็แขวนองค์เดียว ท่านบอกว่า หลักการใช้พระของท่านคือต้ององค์เดียว...
พี่หนุ่มเมืองแกลง... ให้ความเห็นเช่นเดียวกับอ.ปู่ประถมคือ แขวนเดี่ยวองค์เดียว... มาลองอ่านความเห็นของพี่หนุ่มกัน
******************************************
ผมแนะนำให้แขวนเดี่ยวเลยครับ ใจแน่วแน่และนิ่งกว่าแขวนเป็นเพื่อนหลายๆองค์ ต้องลองทำเองถึงจะรู้เอง
.
การจะเชื่อมต่อกระแสพลังพุทธคุณ อิทธิคุณของพระเครื่องกับพลังศรัทธาจากจิตของผู้ใช้ มีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายทั้งจากวิธีปลุกเสก ต้นสายวิชา หรือวิธีการใช้ จนต่อเนื่องไปถึงการหาพระดีๆสักองค์มาคู่กาย ตัวอย่างเช่นหากเรามีศรัทธาในยันต์เกราะเพชร หรือสามารถร่ายคาถาได้ ควรหาพระเครื่องในสายนี้มาแขวนคอดู เช่นพระดินเผา ลพ.ปาน บางนมโค ของ ลพ.ฤาษี วัดท่าซุงและพระเครื่องอื่นในสายนี้ การไหลลื่นของกระแสจิตกับพลังงานพิเศษจะเป็นไปได้ดียิ่งและไม่สะดุด เป็นการหนุนกันโดยมีวัตถุชิ้นเล็กๆเป็นสวิทซ์สื่อให้เชื่อมต่อกัน บางครั้งจะมีสิ่งบ่งชี้ให้เราพบเองว่า สิ่งที่อธิบายด้วยเหตุผลไม่ได้มีจริงๆ พบเอง เจอเองแล้วจะเชื่อเอง
.
หรือใครท่องคาถาชินบัญชรได้ไหลลื่นจนวนเวียนอยู่ในใจตลอดเวลา ลองมีพระสมเด็จแท้ๆอาจไม่ใช่วัดระฆังของสมเด็จโตก็ยังได้ ขอให้เป็นพระเครื่องแท้ที่มีการสืบทอดมาจากต้นสายของสมเด็จโตก็พอ จะพบว่าได้ผลเป็นอัศจรรย์และชัดเจนกว่า เอามาแขวนโดยมีศรัทธานับถืออย่างเดียว ลองค่อยๆพิจารณาดูแล้วมองย้อนกลับมาที่ตัวเองนะครับว่าเราจับจุดการบูชาพระถูกต้องถึงขีดสูงสุดในสิ่งที่พระเกจิท่านฝากไว้ในวัตถุเล็กๆชิ้นนั้นหรือยัง แล้วจะมีความสุขในการแขวนพระด้วยตัวเราเอง แล้วจากกะพี้ต่อไปจะเข้าแก่นโดยอัตโนมัติ
.
หลายคนไม่เชื่อดวง ไม่แขวนพระเครื่อง ดูถูกคนห้อยพระเครื่อง บางคนพูดว่าแขวนพระดียังไงก็หนีกรรมไม่พ้น แม้ผู้เสกผู้สร้างยังต้องตายเลย ฝรั่งไม่แขวนพระยังรวยเอาๆ แต่เชื่อเถอะ ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต 90% ล้วนมีสิ่งยึดเหนี่ยวและระลึกถึงเพื่อเป็นกำลังใจ อาจไม่ใช่พระเครื่องหรือเครื่องรางเสมอไป แก้วที่คว่ำกลางสายฝน ย่อมไม่อาจเต็มเช่นเดียวกับคนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ต่อให้คลุกคลีอยู่กับปราชญ์ทุกวัน ก็ยังคงรู้น้อยเท่าเดิม
.
การคิดแทนคนอื่น เป็นการคิดที่เหนื่อยที่สุด เมื่อสมองเรามีพื้นที่จำกัด โปรดใช้จดจำแต่สิ่งที่ดี การเสาะหาพระเครื่องมาคู่กาย ไม่จำเป็นต้องหาที่เขาว่าดีที่สุด แต่ให้หาแบบที่เอามาแขวนแล้วได้สิ่งดีที่สุด
**************************************************
**************************************************
**************************************************
******************************************
อะไรที่ปิดหูปิดตาผมไว้ก็กระจุยกระจายหายไปทันที หูตาสว่างโล่ง.... กราบ กราบ กราบ
***********************************
พี่หนุ่มบอกว่า.... คนมีเคราะห์ ชะตาตก ไร้วาสนา แนะนำให้ลองไหว้บูชา ลป.กวย ดูสักเดือนหนึ่ง หารูปของท่านมาใส่กรอบ เป็นรูปจากที่ใหนก็ได้ ใช้การนั่งปฏิบัติบูชาดีที่สุด ระลึกถึงท่านเข้าไว้ แล้วรับรองว่าท่านจะเห็นสิ่งที่คาดหวังในไม่ช้า ใครไม่เคยเจอเรื่องเหนือเหตุผลก็อาจได้เจอ
.
ท่านเป็นพระที่แปลก ใครจะนับถือมากน้อยอย่างไร ท่านคุ้มครองหมด หากมีของๆท่านอยู่กับตัว จะเป็นโจร จะเป็นเศรษฐี จะเป็นนายธนาคารหรือคนเข็นผัก ท่านสงเคราะห์เท่าเทียมกัน แต่ที่ผลออกมาต่างๆกัน เป็นเพราะบุญกุศลของเรายังไม่หนุนส่งให้ขึ้นสูงสุดตามต้องการ
.
พระบางเกจิอาจารย์.. จะเห็นผลเฉพาะคนดีมีศีล หรือคนรวย แต่พระของ ลป.กวย โจรก็ใช้ได้ นักบวชก็ใช้ดี คนธรรมดาใช้ได้ดังใจ หากท่านไม่มีดีจริงๆแล้ว คงไม่มีศิษย์ที่สักกับท่านนับหมื่นคน และเกียรติคุณยั่งยืนนานมานับหลายปีเช่นนี้แน่นอน
.
สิ่งหนึ่งที่อยากให้สังเกตดูคือ พระเกจิที่มรณะภาพไปแล้ว หากยังสามารถอธิษฐานรักษาร่างทิ้งไว้ได้ พระเครื่องของท่านจะมีความศักดิ์สิทธิ์ไม่ธรรมดา และไม่เสื่อมคลายไปง่ายๆ หลายๆองค์เป็นเช่นนี้ ลองไล่ดูพระเกจิที่ไม่เน่าไม่เปื่อยดูก็ได้ครับ เอาแค่ 5 พระเกจิ ที่พระเครื่องของท่านโด่งดังเป็นอมตะเช่น ลป.กวย ลพ.พรหม ลพ.สด ลพ.มุ่ย ลพ.คล้าย และอีกหลายๆท่าน
ปัจจุบัน คำว่า"พระในดง" มีคนกลุ่มหนึ่งนำไปกล่าวปรามาสล้อเล่นอย่างสนุกสนาน
และคึกคะนองอย่่างขาดความเคารพและเต็มไปด้วยการดูแคลน ทั้งในกระทู้ต่างๆและในfbเฉพาะกลุ่มที่รวมคนระดับจิตใจคล้ายๆกันเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งที่จริงแล้วเราคนรุ่นหลังต่างหาก ที่เรียกขานนามสมมุติย่อเพื่อจำกัดความของพระอภิญญากลุ่มหนึ่งที่ลึกลับว่า พระในดง และพระอภิญญากลุ่มนี้มีอยู่จริง หากใครมีครูบาอาจารย์ที่เดินธุดงค์มานานๆครึ่งชีวิต(ไม่ใช่เก่งอยู่แต่ในเมือง) ลองสอบถามดูว่า มีครูบาอาจารย์ลึกลับที่อายุนับร้อยนับพันปีและมาคอยสอนการปฏิบัติในป่าในดงมีจริงใหม นี่คือที่มาของคำว่า พระในดง ที่พระเกจิยุคหลังๆซึ่งเคยผ่านทางและนำมาเล่าให้คนรุ่นต่อๆมาฟัง จนเป็นที่มาของคำจำกัดความว่า พระในดง
.
ได้คุยกับศิษย์อาวุโสของหลวงพ่ออภิชิโตเรื่องเหล่านี้ ทุกท่านเล่าว่า หลวงพ่อเคยกล่าวสั้นๆว่า "คนพวกนี้จะมีที่ไปของชีวิตที่ต่ำลงทุกปี ไม่มีวันเจริญได้เลยทั้งตระกูล เรื่องของพระโลกในดงที่เราเรียกกันนั้น ล้วนเป็นพระอภิญญาเหนือโลกและเกินการคาดเดาของปุถุชนมากนัก คนที่ไม่เชื่อแล้วไปกล่าวปรามาสดูแคลน ล้วนแต่จักต้องเข้าสู่อบายภูมิทั้งสิ้น" การที่ศิษย์ของท่านไม่อนุญาตให้นำภาพถ่ายการแสดงปาฏิหารย์ในหนังสือพิมพ์สมัยก่อนมาลงก็เพราะเหตุนี้(ทั้งๆที่มีเอกสารดังกล่าวจริงๆ) หลวงพ่อเองเคยกล่าวว่า "พวกเขาเป็นใครถึงจะมาบังคับให้เราแสดงอะไรๆให้ดู กว่าจะได้มาแต่ละวิชานั้น เรียนมายากแสนยาก อาศัยคำพูดไม่กี่คำจะมาให้เราทำให้ดูง่ายๆเลยหรือ เขาเชื่อก็เสมอตัว เขาไม่เชื่อและปรามาส บาปก็ตกอยู่กับเขาอีก"
.
แม้ในการเชิญดวงจิตท่านลงแฝงร่างผู้ปฏิบัติดีบางท่าน ก็มีข้อคิดมากมายจากท่านให้เก็บไปจดจำและขบคิดใคร่ครวญ บางครั้งเรื่องที่เกิดในfb เมื่อนำไปสอบถามท่าน ก็ยังมีคำเตือนจากคนที่ทรงภูมิ ตอบกลับผ่านหูคนที่ได้ยินได้ฟัง จึงขอเตือนสติเพื่อนบางท่านให้เลี่ยงช่องทางที่จะก้าวไปสู่ทางที่ตกต่ำและดวงชะตาวิบัตินั้นเสีย หลวงพ่ออภิชิโตท่านมีตัวตนจริง จะดีจริงหรือไม่ดี ตัวของเราเองเท่านั้นที่จะพิสูจได้โดยไม่ต้องฟังใคร
.
ศิษย์ของท่านในยุคปี 2518 เป็นต้นมาล้วนแต่ระดับผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ซึ่งจะว่าไปแล้วยุคนั้นเมืองไทยล้วนคลำคล่ำไปด้วยเกจิดังเต็มเมือง ศิษย์บางคนของท่านเป็นคริสต์ด้วยซ้ำก็ยังมานับถือท่่านสุดหัวใจ พบความสำเร็จในชีวิตจนเป็นแบบอย่างในการสร้างตัวของคนรุ่นหลัง ซึ่งพิสูจได้และยังมีชีวิตอยู่ (คนเดียวกับที่เป็นประธานสร้างศาลาที่กำลังก่อสร้างอยู่นี่แหละ) ศิษย์อาวุโสของท่านบางคนนับถือพุทธ แต่ไม่กราบไหว้พระเกจิเพราะไม่เชื่อว่าเก่งจริงมานาน ก็ยอมรับนับถือและเคารพท่านจนทุกวันนี้ ศิษย์ท่านนี้เป็นตำนานคนสู้ชีวิตที่พบความสำเร็จสูงสุดอีกท่านหนึ่งของเมืองไทย เอ่ยไปก็คงไม่มีนักธุรกิจท่านใดไม่รู้จัก บุญที่นำมาบอกในการร่วมสร้างศาลาครั้งนี้ไม่ได้ต้องการเรี่ยไร เพียงแต่อยากให้เป็นสะพานเชื่อมต่อเส้นทางชีวิต เพื่อท่านจักได้สงเคราะห์ต่อผู้เคยร่วมกุศลกันมาเท่านั้น ใครคิดได้ก็จะเข้าใจเอง
**************************************************
คุณภาพของ “พระเครื่อง” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนหรือรูปแบบ
แต่มาจากพลังงานที่จิตจะนำออกมาใช้ได้หรือใช้เป็นแค่นั้น ลองแขวนพระเครื่ององค์ที่นับถือศรัทธาแบบเดี่ยวๆแล้วจะสบายกายสบายใจ รู้สึกเชื่อมั่นไม่สับสน เมื่อจิตนิ่ง ใจจะสบาย ทำให้เกิดสุข มีความเชื่อมั่นในตนเอง ในวงการพระมีคนมากมายที่ชอบใส่เป็นพวงใหญ่ๆหรือสะพายกระเป๋าใส่พระพะรุงพะรัง สักวันคงมีคนหอบพระใส่เป้ขนาดใหญ่สะพายหลัง เพราะมีมากและไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี เมื่อถามว่าองค์ใหนดีที่สุดหรือเคยช่วยเหลือมาชัดๆ เขาก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน
.
พระเครื่องของ ลพ.อภิชิโต เมื่อนับถือศรัทธาพอที่จะยกพานครูกับท่าน ลองเอาพระใส่พานพร้อมดอกไม้สามสี หมากพลู น้ำเปล่า จุดธูปเทียน ไหว้พระพุทธแล้ว กำหนดจิตให้นิ่ง สวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ตามด้วยอิติปิโส แล้วบอกกล่าวท่านในสิ่งที่คิดไว้ ไม่มีพิธีรีตองมากมาย ใจตัวเองสำคัญที่สุดครับ
.
พระเครื่องทุกอย่าง ทุกยุคสมัย หากแขวนเดี่ยว ย่อมแสดงผลชัดที่สุดว่า ดีหรือไม่ดีดังที่ตั้งใจหวัง เมื่อปาฏิหารย์เกิดจากศรัทธา ใจที่แน่วแน่ย่อมมีพลังมากที่สุด การมีที่สุดเพียงหนึ่งทำให้รวมความรู้สึกได้ตรงกับที่ศรัทธาที่สุด ชัดเจนไม่ลังเล ไม่ต้องพะวักพะวงหรือเผื่อเลือกแบบรักพี่เสียดายน้องจนขาดสมาธิ จิตเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ที่มันสามารถเหนี่ยวนำพลังงานที่มันเข้าไปเกี่ยวข้องสัมผัสนั้นๆ ทั้งพลังงานรูปแบบหยาบที่ตาเรามองเห็นได้ที่ประกอบกันขึ้นจากดิน น้ำ ลม ไฟ เช่นร่างกายเราเองเป็นต้น หรือกระทั่งประสาทสัมผัสเรามิอาจจะรับรู้ได้ ตัวจิตเองแล้วไม่ใช่พลังงาน แต่จิตนี้สามารถเหนี่ยวนำพลังงานได้ ยิ่งคนที่กำหนดจิตได้ในระดับหนึ่งย่อมทำอะไรได้มากกว่าปกติ เมื่อนับถือองค์ใดมาก ลองเลือกมาแล้วใช้ครั้งละองค์ ครบเจ็ดวันก็ลองสังเกตุอะไรๆดูเอาเอง ไม่สมดังใจก็เปลี่ยนองค์ใหม่แล้วลองสังเกตุอีก ทำแบบนี้จนได้ข้อสรุปที่ตรงกับจริตที่หวังและคิดว่าใช่เสียที
**************************************************
ท่านแขวนองค์เดียวหรือว่าหลายองค์
เท่าที่ผมรู้จักผู้รอบรู้ในการบูชาพระเครื่องติดตัว... มักจะบอกเป็นทางเดียวกันว่า แขวนเดี่ยวดีที่สุด... แต่ต้องเป็นพระที่เราศรัทธาท่านผู้เสก ตรวจแล้วว่าแท้ทั้งนอกทั้งใน (นอกคือเนื้อหารูปพิมพ์ทรงถูกต้อง และในคือผู้เสกเก่งจริงและเสกไว้จริง)
อ.ปู่ประถม อาจสาคร ก็แขวนองค์เดียว ท่านบอกว่า หลักการใช้พระของท่านคือต้ององค์เดียว...
พี่หนุ่มเมืองแกลง... ให้ความเห็นเช่นเดียวกับอ.ปู่ประถมคือ แขวนเดี่ยวองค์เดียว... มาลองอ่านความเห็นของพี่หนุ่มกัน
******************************************
ผมแนะนำให้แขวนเดี่ยวเลยครับ ใจแน่วแน่และนิ่งกว่าแขวนเป็นเพื่อนหลายๆองค์ ต้องลองทำเองถึงจะรู้เอง
.
การจะเชื่อมต่อกระแสพลังพุทธคุณ อิทธิคุณของพระเครื่องกับพลังศรัทธาจากจิตของผู้ใช้ มีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายทั้งจากวิธีปลุกเสก ต้นสายวิชา หรือวิธีการใช้ จนต่อเนื่องไปถึงการหาพระดีๆสักองค์มาคู่กาย ตัวอย่างเช่นหากเรามีศรัทธาในยันต์เกราะเพชร หรือสามารถร่ายคาถาได้ ควรหาพระเครื่องในสายนี้มาแขวนคอดู เช่นพระดินเผา ลพ.ปาน บางนมโค ของ ลพ.ฤาษี วัดท่าซุงและพระเครื่องอื่นในสายนี้ การไหลลื่นของกระแสจิตกับพลังงานพิเศษจะเป็นไปได้ดียิ่งและไม่สะดุด เป็นการหนุนกันโดยมีวัตถุชิ้นเล็กๆเป็นสวิทซ์สื่อให้เชื่อมต่อกัน บางครั้งจะมีสิ่งบ่งชี้ให้เราพบเองว่า สิ่งที่อธิบายด้วยเหตุผลไม่ได้มีจริงๆ พบเอง เจอเองแล้วจะเชื่อเอง
.
หรือใครท่องคาถาชินบัญชรได้ไหลลื่นจนวนเวียนอยู่ในใจตลอดเวลา ลองมีพระสมเด็จแท้ๆอาจไม่ใช่วัดระฆังของสมเด็จโตก็ยังได้ ขอให้เป็นพระเครื่องแท้ที่มีการสืบทอดมาจากต้นสายของสมเด็จโตก็พอ จะพบว่าได้ผลเป็นอัศจรรย์และชัดเจนกว่า เอามาแขวนโดยมีศรัทธานับถืออย่างเดียว ลองค่อยๆพิจารณาดูแล้วมองย้อนกลับมาที่ตัวเองนะครับว่าเราจับจุดการบูชาพระถูกต้องถึงขีดสูงสุดในสิ่งที่พระเกจิท่านฝากไว้ในวัตถุเล็กๆชิ้นนั้นหรือยัง แล้วจะมีความสุขในการแขวนพระด้วยตัวเราเอง แล้วจากกะพี้ต่อไปจะเข้าแก่นโดยอัตโนมัติ
.
หลายคนไม่เชื่อดวง ไม่แขวนพระเครื่อง ดูถูกคนห้อยพระเครื่อง บางคนพูดว่าแขวนพระดียังไงก็หนีกรรมไม่พ้น แม้ผู้เสกผู้สร้างยังต้องตายเลย ฝรั่งไม่แขวนพระยังรวยเอาๆ แต่เชื่อเถอะ ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต 90% ล้วนมีสิ่งยึดเหนี่ยวและระลึกถึงเพื่อเป็นกำลังใจ อาจไม่ใช่พระเครื่องหรือเครื่องรางเสมอไป แก้วที่คว่ำกลางสายฝน ย่อมไม่อาจเต็มเช่นเดียวกับคนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ต่อให้คลุกคลีอยู่กับปราชญ์ทุกวัน ก็ยังคงรู้น้อยเท่าเดิม
.
การคิดแทนคนอื่น เป็นการคิดที่เหนื่อยที่สุด เมื่อสมองเรามีพื้นที่จำกัด โปรดใช้จดจำแต่สิ่งที่ดี การเสาะหาพระเครื่องมาคู่กาย ไม่จำเป็นต้องหาที่เขาว่าดีที่สุด แต่ให้หาแบบที่เอามาแขวนแล้วได้สิ่งดีที่สุด
**************************************************
ประสบการณ์ของพี่หนุ่ม...
------------------------------------------------------
การสำรวจครั้งที่สลดใจมากอีกครั้งหนึ่งของผมและทีมงานคือการเข้าสำรวจในถ้ำที่ดินแดนมอญ ฝั่งตรงข้ามวัดวังวิเวการาม อำเภอสังขละบุรี กาญจนบุรี ข้ามเข้าไปฝั่งพม่า แต่เป็นเขตดินแดนกันชนที่ชนชาติมอญอาศัยอยู่กันเป็นกองทัพ หลังจากอพยพหนีตายจากการถูกพม่าล้างเผ่าพันธ์ โดยมีกลุ่มที่ยังเหลืออยู่ไม่มากนัก และเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิ์สมภารของไทยเราที่วัดวังวิเวการามทุกวันนี้ โดยคนมอญที่หนีตายอพยพมาจากถิ่นฐานเดิมได้หอบเอาทรัพย์สินของมีค่าหลายๆอย่างเข้ามา และซุกซ่อนไว้ตามถ้ำต่างๆก่อนเข้าแผ่นดินไทย ในท้องที่ของมอญตรงนี้มีถ้ำน้อยใหญ่มากหลายร้อยถ้ำ หลายถ้ำมีปากทางเข้าแค่ช่องทางเล็กๆพอคนลอดเข้าได้ แต่พอเข้าไปข้างในแล้ว มีห้องโถงกว้างใหญ่กว่าสนามฟุตบอลเสียอีก มีช่องลมระบายอากาศ ลานพิธีกรรมครบถ้วน และมีเฉพาะถ้ำเล็กๆแต่ซอกซอน วกวนลึกลับเท่านั้น ที่มักมีการฝังทั้งสมบัติและฝังปู่โสมไว้ด้านในโดยฝังคนในตระกูลทั้งเป็นเพื่อเฝ้าสมบัติรอวันที่ลูกหลานของตัวเองจะย้อนกลับมาขุดเอาไปใช้อีกครั้งในโอกาสข้างหน้า ทุกถ้ำที่ได้เข้าไปตรวจสอบพบโครงกระดูกคนมากกว่าหนึ่งโครงทั้งสิ้น
------------------------------------------------------
การสำรวจครั้งที่สลดใจมากอีกครั้งหนึ่งของผมและทีมงานคือการเข้าสำรวจในถ้ำที่ดินแดนมอญ ฝั่งตรงข้ามวัดวังวิเวการาม อำเภอสังขละบุรี กาญจนบุรี ข้ามเข้าไปฝั่งพม่า แต่เป็นเขตดินแดนกันชนที่ชนชาติมอญอาศัยอยู่กันเป็นกองทัพ หลังจากอพยพหนีตายจากการถูกพม่าล้างเผ่าพันธ์ โดยมีกลุ่มที่ยังเหลืออยู่ไม่มากนัก และเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิ์สมภารของไทยเราที่วัดวังวิเวการามทุกวันนี้ โดยคนมอญที่หนีตายอพยพมาจากถิ่นฐานเดิมได้หอบเอาทรัพย์สินของมีค่าหลายๆอย่างเข้ามา และซุกซ่อนไว้ตามถ้ำต่างๆก่อนเข้าแผ่นดินไทย ในท้องที่ของมอญตรงนี้มีถ้ำน้อยใหญ่มากหลายร้อยถ้ำ หลายถ้ำมีปากทางเข้าแค่ช่องทางเล็กๆพอคนลอดเข้าได้ แต่พอเข้าไปข้างในแล้ว มีห้องโถงกว้างใหญ่กว่าสนามฟุตบอลเสียอีก มีช่องลมระบายอากาศ ลานพิธีกรรมครบถ้วน และมีเฉพาะถ้ำเล็กๆแต่ซอกซอน วกวนลึกลับเท่านั้น ที่มักมีการฝังทั้งสมบัติและฝังปู่โสมไว้ด้านในโดยฝังคนในตระกูลทั้งเป็นเพื่อเฝ้าสมบัติรอวันที่ลูกหลานของตัวเองจะย้อนกลับมาขุดเอาไปใช้อีกครั้งในโอกาสข้างหน้า ทุกถ้ำที่ได้เข้าไปตรวจสอบพบโครงกระดูกคนมากกว่าหนึ่งโครงทั้งสิ้น
และตามถ้ำเหล่านี้ก็มีพรานล่าสมบัติเข้าไปเสาะหากันมาแล้วทั้งสิ้น แทบไม่เหลืออะไรให้ค้นหาแล้ว นอกจากเครื่องมือเครื่องใช้ยุคเก่าหรือของขลังตามกรรมวิธีมอญที่ชำนาญในสรรพวิชามากกว่าชนชาวพม่า มีถ้ำบางถ้ำเป็นที่อยู่ของรังงูเห่าหลายๆรัง ทางเข้ามีต่อหลุมดักคนที่รุกล้ำเข้าไป พวกเราเคยเข้าไปพบทองคำก้อนที่หลอมเองแบบชาวบ้าน ตกอยู่ในก้นถ้ำๆหนึ่งและยังมีโถใส่ผงขาวๆและท่อนไม้แห้งๆวางอยู่ มารู้ภายหลังว่าเป็นโถใส่กระดูกภูติพรายที่เขาสะกดไว้เพื่อเอาคนบุกรุกเข้าไปอยู่เฝ้าสุสานแทน เขาจะเอาไม้กฤษณาวางเป็นเครื่องบูชาไว้แก่วิญญาณแทนธูปหอม และที่ก้นถ้ำนี้มีโครงกระดูกคนทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมแล้ว 14 โครง พวกเขาคงขาดอากาศหายใจตายอยู่ก้นถ้ำที่เข้ามาหลบซ่อนอยู่แน่นอน แต่มีคนเข้ามาล่าสมบัติไปก่อนหน้านี้แล้ว เราทำได้คือเอากระดูกมาทำบุญให้เท่านั้น
แม้แต่ตอนนี้ยังมีคนเข้าไปเสาะหาพระเก่าๆของโบราณต่างๆออกมาขายกันตลอดเวลา แต่มักเจอดีและป่วยกันทั้งสิ้นเพราะในถ้ำอับชื้นขาดอากาศหายใจ เชื้อโรคมากมาย แค่ในถ้ำลิเจียเมื่อครั้งขุมทองเมืองกาญจนบุรี ยังสำรวจไม่ถึงก้นถ้ำเลยแม้ใช้เวลาสามวันแล้วโดยใช้ทหารหน่วยจู่โจมและ ตชด.ที่ฝึกมาอย่างหนัก บางถ้ำยาวเป็นสองกิโลเมตร เป็นช่องทางน้ำไหลใต้ถ้ำ ที่สำคัญและอันตรายมากคือปล่องเหวในถ้ำ บางแห่งลึกลงไปมากกว่าร้อยเมตร เอาก้อนหินทิ้งลงไปนานมาก กว่าจะถึงก้นถ้ำ เป็นช่องบาดาลของถ้ำ เมื่อปีที่ผ่านมา 2552 เดือน เมษายน ยังมีคนพบพระท่ากระดานที่ถ้ำใกล้ๆคูนาวา แดนกะเหรี่ยงKNU ตรงข้ามทุ่งใหญ่นเรศวร ประมาณ 70 องค์ แต่ต้องแลกสังเวยด้วยสองชีวิตที่ชะตาขาดแล้ว ยังมีเรื่องมากมายที่น่าสนใจและศึกษาในป่าต่างๆ โดยเฉพาะตามแนวตะเข็บชายแดนไทยพม่า แม้แต่พืชแปลกๆและพฤติกรรมสัตว์ป่าที่หาดูยากในเมือง แต่ต้องเดินเท้าเท่านั้นลุ้นไปกับทาก ตะขาบ และงูเห่า ชีวิตมีรสชาดไปอีกแบบหนึ่ง แต่ผมไม่ได้ไปล่าหาสมบัติหรอกนะอย่าเดาเลย
การจัดชุดพระเครื่องติดตัว
ทุกครั้งที่จัดพระเครื่องเข้าชุดเพื่อบูชา ควรหาพระเครื่องที่เด่นทางอิทธิฤทธิ์ไว้สักองค์เพื่อรวมในพวงพระเครื่อง อื่นๆซึ่งปกติจะเด่นและดีทางบุญฤทธิ์เป็นมาตรฐานทั่วไป เพื่อที่จะช่วยให้เกิดผลเร็วทันใจและปรากฏสิ่งนอกเหนือเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ เหนือวิบากกรรมได้ เพราะพระเครื่องที่ส่งผลแรงทางอิทธิฤทธิ์ จะส่งผลทันใจไม่ต้องรอผลบุญหรือแรงกรรมเป็นองค์ประกอบการอำนวยผลมากเหมือน พระที่แรงทางบุญฤทธิ์
ทุกครั้งที่จัดพระเครื่องเข้าชุดเพื่อบูชา ควรหาพระเครื่องที่เด่นทางอิทธิฤทธิ์ไว้สักองค์เพื่อรวมในพวงพระเครื่อง อื่นๆซึ่งปกติจะเด่นและดีทางบุญฤทธิ์เป็นมาตรฐานทั่วไป เพื่อที่จะช่วยให้เกิดผลเร็วทันใจและปรากฏสิ่งนอกเหนือเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ เหนือวิบากกรรมได้ เพราะพระเครื่องที่ส่งผลแรงทางอิทธิฤทธิ์ จะส่งผลทันใจไม่ต้องรอผลบุญหรือแรงกรรมเป็นองค์ประกอบการอำนวยผลมากเหมือน พระที่แรงทางบุญฤทธิ์
พระที่เด่นทางอิทธิฤทธิ์ จะส่งผลเร็วต่อการบูชาและให้ผลแรงดังใจหวังเช่น ลป.ทิม ลป. ศุข ลป.กวย ลป.โอภาสี คุณแม่บุญเรือน ลพ.เอียด ลป.หมุน ลพ.เดิม ลพ.พรหม ลพ.แช่ม ภูเก็ต ลพ.เงิน ลป.ยี วัดดงก้อนทอง ฯลฯ และอีกมากมาย มีวิธีเบื้องต้นในการพิจารณาด้วยตนเองว่าท่านใดเป็นพระที่เก่งในด้าน อิทธิฤทธิ์ โดยดูจากสังขารที่ไม่เน่าเปื่อย ย่อยสลายไปตามธรรมชาติทั่วๆไป และวัตรปฏิบัติที่แสดงออกมาในบางครั้ง เช่นการยืดเหรียญห้าบาทเป็นเส้นของ ลพ.ยี การเผาของมีค่าของ ลพ.โอภาสีแต่ของนั้นกลับมาอยู่ที่เดิม แต่บางท่านก็ต้องพิจารณามากกว่าข้อนี้เพราะท่านไม่ประสงค์ให้สังขารเป็นภาระ แก่คนข้างหลัง และไม่ต้องการแสดงฤทธิ์ให้เป็นโลกติเตียน
พระที่เด่นทางบุญฤทธิ์ จะส่งผลต่อเนื่องและหนุนนำชีวิตตลอดเวลา โดยเฉพาะหากผู้บูชาสามารถปฏิบัติธรรมด้วยแล้ว ผลจะหนุนเนื่องอย่างที่ต้องการได้โดยเร็ว เช่น สมเด็จโต ลพ.สด ลพ.ปาน ลพ.อุตตมะ ลป.ดู่ ลป.สิม ลป.เกษม ครูบาศรีวิชัย ลป.แหวน ลป.โต๊ะ ลพ.ฤาษี วัดท่าซุง ฯลฯ โดยมีวิธีเบื้องต้นในการพิจารณาว่าท่านใดบำเพ็ญเพียรจนมีบารมีธรรมเต็ม เปี่ยมแล้วหรือเป็นพระกัมมัฏฐานหนัก โดยดูจากกระดูกที่เปลี่ยนเป็นพระธาตุเมื่อเวลาผ่านไป หรือการปฏิบัติภาวนาอย่างถึงที่สุดโดยหวังพุทธภูมิเป็นต้น และบางท่านก็ต้องพิจารณามากกว่านี้เช่นกัน โดยจะต้องไม่ยึดเอาแค่คำสอนดีๆหรูๆเป็นตัววัดโดยเด็ดขาด ตัวอย่างมีให้เห็นมามาก พระที่พูดกินใจผู้ฟัง มีภาพสำรวมและสงบเสงี่ยม คนกราบทั้งประเทศ แต่ปาราชิกโดยผิดศีลข้อสาม
พระที่มีบารมี ไม่ใช่จะเป็นพระเด่นทางบุญฤทธิ์หรืออิทธิฤทธิ์เสมอไป อาจเป็นเพราะการทะนุบำรุงศาสนา ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ มีผู้เคารพนับถือมาก มีศิษย์ดีๆและดังมากก็เป็นพระผู้มากบารมีได้เช่นกัน เช่นเจ้าคุณในหลายๆวัดในกรุงเทพ และบางท่านไม่ได้อภิญญาแม้แต่ขั้นต้น
พระเครื่องสำเร็จด้วยบุญฤทธิ์และบารมีธรรม จะไม่แสดงผลเมื่อเข้าในที่อโคจร แต่ไม่เสื่อม
พระเครื่องสำเร็จด้วยบุญฤทธิ์และบารมีธรรม จะไม่แสดงผลเมื่อเข้าในที่อโคจร แต่ไม่เสื่อม
พระเครื่องสำเร็จด้วยจิตและอาคม มีโอกาสเสื่อม และไม่เกิดผลทันที เพราะในที่แบบนั้นมีของล้างวิชาครู
เครื่องรางและของทนสิทธิ์ ไม่เสื่อมครับ
-----------------------------------------------
พระเครื่องที่จัดแขวนบูชาควรมีไม่เกิน 3 องค์ในแต่ละวัน ด้วยเหตุผลพอสังเขปดังนี้
- หากมีมากไป จะทำให้เกิดความรำคาญและเกิดความไม่คล่องตัวในกิจกรรม
- หากแขวนมากไป จะทำให้เกิดความพะวงต่อการสูญหายของพระบนคอ
- ทำให้หนักคอ เกิดแรงกดต่อเส้นประสาทที่ต้นคอ อาจถึงกับเป็นอัมพฤกษ์ได้
- จะทำให้การทำสมาธิจิตไม่เกิดความแน่วแน่และเต็มที่ มีความลังเล พะวง
- จะทำให้พลังความศรัทธาในแต่ละอาจารย์ ของเราเองไม่ต่อเนื่องและไม่มากเท่าที่ควร
- พระเครื่องที่ดีแล้ว เพียงแค่สามองค์ก็มีอำนาจวิเศษครอบคลุมทุกอย่างแล้ว
-----------------------------------------------
พระเครื่องที่จัดแขวนบูชาควรมีไม่เกิน 3 องค์ในแต่ละวัน ด้วยเหตุผลพอสังเขปดังนี้
- หากมีมากไป จะทำให้เกิดความรำคาญและเกิดความไม่คล่องตัวในกิจกรรม
- หากแขวนมากไป จะทำให้เกิดความพะวงต่อการสูญหายของพระบนคอ
- ทำให้หนักคอ เกิดแรงกดต่อเส้นประสาทที่ต้นคอ อาจถึงกับเป็นอัมพฤกษ์ได้
- จะทำให้การทำสมาธิจิตไม่เกิดความแน่วแน่และเต็มที่ มีความลังเล พะวง
- จะทำให้พลังความศรัทธาในแต่ละอาจารย์ ของเราเองไม่ต่อเนื่องและไม่มากเท่าที่ควร
- พระเครื่องที่ดีแล้ว เพียงแค่สามองค์ก็มีอำนาจวิเศษครอบคลุมทุกอย่างแล้ว
การจะแขวนบูชาพระให้ได้ผลเต็มร้อยอย่างที่ต้องการ ต้องสามารถเชื่อมต่อและ ประสานพลังทุกอย่างในตัวเองเข้าด้วยกันทั้งพลังใจ พลังสมาธิจิต พลังศรัทธา พลังมุ่งมั่น และพลังความสามารถ โดยมาจากจิตใต้สำนึกที่แท้จริงภายในตัว
การเข้าใจในสมาธิจิตของตนเอง การก้าวข้ามขีดจำกัดในความลังเลของตัวเราเท่านั้น ที่จะสัมผัสและรับรู้ได้ว่าพระองค์นี้ดีหรือไม่ดี
**************************************************การเข้าใจในสมาธิจิตของตนเอง การก้าวข้ามขีดจำกัดในความลังเลของตัวเราเท่านั้น ที่จะสัมผัสและรับรู้ได้ว่าพระองค์นี้ดีหรือไม่ดี
ผมอยากลองให้ใครที่ชอบดูถูก ดูแคลน เหยียดหยามคนที่ยังแขวนพระเครื่องว่าโง่ งมงาย ไร้สติ ได้เข้าไปในแดนกะเหรี่ยงที่ถือผีดูสักครั้ง จะเอาตัวรอดไหม พระธุดงค์ไทยหลายรายยังเอาชีวิตไปทิ้งเสียมาก
พระเครื่องดีๆที่ผมมีติดตัว ช่วยให้ผมเอาตัวรอดในแดนกะเหรี่ยง(หรือยาง) มาได้หลายครั้ง ผมเข้าไปทำกินในดินแดนลี้ลับ ของโลกมืดอีกแห่งหนึ่งด้านเอเซียที่เขาไม่มีศาสนา ไม่มีพระในใจที่ป่าลึกแดนกะเหรี่ยง ในเมาะละแหม่ง ประเทศพม่าอุดมไปด้วยวิชาไสยเวทย์และอาถรรพ์ลี้ลับมากมาย ที่นั่นตัดสินกันด้วยปืน และอวดเก่ง เด่นดังกันด้วยวิชาไสยศาสตร์ แบกธรรมะเข้าไปเท่าใดก็ไร้ผล
พระเครื่องดีๆที่ผมมีติดตัว ช่วยให้ผมเอาตัวรอดในแดนกะเหรี่ยง(หรือยาง) มาได้หลายครั้ง ผมเข้าไปทำกินในดินแดนลี้ลับ ของโลกมืดอีกแห่งหนึ่งด้านเอเซียที่เขาไม่มีศาสนา ไม่มีพระในใจที่ป่าลึกแดนกะเหรี่ยง ในเมาะละแหม่ง ประเทศพม่าอุดมไปด้วยวิชาไสยเวทย์และอาถรรพ์ลี้ลับมากมาย ที่นั่นตัดสินกันด้วยปืน และอวดเก่ง เด่นดังกันด้วยวิชาไสยศาสตร์ แบกธรรมะเข้าไปเท่าใดก็ไร้ผล
กะเหรี่ยงมีหลายกลุ่ม ทั้งนับถือพระ นับถือคริสต์ นับถือผี ลัทธิฤาษี พวกเขามีแต่ลัทธิ นับถือผีสาง นางไม้ และเทวดา คนแปลกหน้าแปลกถิ่นทุกรายที่เข้าไปในถิ่นของเขาหากอยู่ข้ามราตรี จะต้องถูกลองของทุกครั้ง ทุกคน
หากใครไม่มีดีเมื่อย่างเหยียบเข้าไปเขตหมู่บ้านจะต้องพบกับอำนาจของ ผีเจ้าเมืองคือผีเจ้าที่ ซึ่งมีความสำคัญมาก เป็นเทพารักษ์ในหมู่บ้านของพวกเขา ผมเจอการลองของมาหลายครั้ง ทั้งเสกน้ำให้ดื่ม เสกข้าวให้กินและปล่อยของในเวลามืดค่ำก็เอาตัวรอดมาได้แบบฉิวเฉียด จนผู้นำทางลัทธิของเขายอมรับและบอกว่าผมมีของดี และไม่ตกอยู่ในอำนาจของพวกเขา หากเป็นคนทั่วไปต้องหามมาให้เขาเป่าหัวไปแล้ว
ผมยังต้องทำงานร่วมกับพวกเขาอีกหลายปี และต้องเดินทางไปตามแนวป่าเขาลึกและเป็นพื้นที่ ที่ไม่มีความเจริญทั้งสิ้น ไม่มีประปา ไฟฟ้า ทีวี วิทยุ โทรศัพท์ รถยนต์ มีแต่การเดินๆแล้วก็เดินข้ามเขาเป็นวันๆ หรือใช้ม้า ลา
ทั้งกับระเบิดตามรอยตะเข็บ กับระเบิดรอบเขตอิสระของกะเหรี่ยงและมอญ ปืนผูกตามด่านสัตว์และไสยศาสตร์ลี้ลับในโลกอาถรรพ์นี้ จะแบกธรรมะไปสักกี่หาบก็คงไม่รอด ทุกอย่างย่อมมีดีต่างกันไปแล้วแต่สถานที่ เวลา สังคม และสภาพแวดล้อม
ขนาดพวกมอญแหลมเข้าไปในเขตของเขา ยังหามกันแทบไม่ทัน ฝรั่งยูเอ็นนี่กลัวไปเลย ถามแต่ว่าเป็นไปได้อย่างไร ทำไม
พระเครื่องไทยนี่แหละดีที่สุดแล้วครับขณะนี้เป็นที่ยอมรับในอำนาจจิตและพลังงานแฝงที่อยู่ในวัตถุเล็กๆของไทยแบบนี้กันไปทั่ว
รัสเซียกำลังเจริญในพุทธศาสนา มีสมาคมจิตศาสตร์ศึกษาอย่างจริงจังในอำนาจจิตและพลังในพระเครื่อง ญี่ปุ่นก็รุดหน้าไปไกลกว่าไทยในเรื่องของการค้นคว้าในอำนาจสมาธิจิต และเรื่องเร้นลับควบคู่กับแนวหลักปฏิบัติในพุทธศาสนา
ผมได้รู้จักคนจากสมาคมจิตของต่างประเทศที่เข้าขั้นศาสตราจารย์ เขาบอกว่าพระเครื่องไทยที่มีพลังงานแฝงมากๆและแรงๆ มักเป็นพระเครื่องจากพระเกจิอาจารย์ที่เก่งๆ มากกว่าพระกรุ (แต่ไม่ใช่พระกรุไม่มีดีนะครับ)
ผมถามเขาว่าดูเบื้องต้นอย่างไรในสายตาฝรั่งว่าองค์ไหนเก่ง เขาไม่ตอบและบอกว่าฝรั่งรู้จักเรื่องนี้น้อยกว่าคนไทย แต่เขารู้ลึกซึ้งกว่าไปแล้วครับ
เขาแนะนำเคล็ดลับเล็กๆให้ลองดูแบบนี้นะครับ เมื่อไปนั่งอยู่ท่ามกลางคนหมู่มากในที่เงียบๆ ลองเพ่งสายตาและจิตไปที่ใครสักคนแบบเน้นๆ ไม่นานนักเขาหรือเธอคนนั้นจะหันมาและยิ้มให้ เพราะเขารับกระแสจิตเราได้แม้ไม่ใช่ทุกคน ลองในขั้นนี้จะบอกได้เองว่าเรามีกระแสจิตเบื้องต้นหรือยัง รู้จักบังคับสมาธิจิตหรือยัง
หากเราเพิ่มความรัก ความเมตตาและเอาอำนาจแฝงจากพระเครื่องใส่ลงไปด้วย เราจะเพ่งไปที่อะไรดี ก็แล้วแต่สมาธิของเรา และความแน่วแน่ของจิต
ผมลองมาแล้ว เห็นผลจริงครับ แต่ก็ฝึกอยู่นาน
ผมลองมาแล้ว เห็นผลจริงครับ แต่ก็ฝึกอยู่นาน
ที่จริงแล้ว พระที่เคยเอ่ยอ้างมาอาราธนาได้ทุกองค์ครับ
สำหรับของที่ผมได้นำติดตัวไปในแดนไสยศาสตร์สุดกู่แบบนั้น
เป็นของที่สำเร็จด้วยจิตบวกวิทยาคมครับ ลองเดากันเล่นๆเอานะครับ กลัวจะกลายเป็ยเชียร์ท่านไปเสียอีก
**************************************************สำหรับของที่ผมได้นำติดตัวไปในแดนไสยศาสตร์สุดกู่แบบนั้น
เป็นของที่สำเร็จด้วยจิตบวกวิทยาคมครับ ลองเดากันเล่นๆเอานะครับ กลัวจะกลายเป็ยเชียร์ท่านไปเสียอีก
ป่าและอาถรรพ์
ป่าใหญ่ๆในบางแห่งของทวีปเอเชียยังมีความอุดมสมบูรณ์อีกมากหลบซ่อนอยู่ เช่นในพม่าด้านเหนือและในลาวตอนบน ที่การจะเข้าไปในป่าแบบนั้น ต้องรู้จักการเอาตัวรอดในเหตุฉุกเฉิน และการใช้ชีวิตในป่ามาบ้าง เหมือนที่หลักสูตรมนุษย์กบของทหารเรือต้องผ่านการอบรมและสอนให้เอาตัวรอดได้ แต่ต้องเคารพในกฏของป่า และเคร่งครัดในประเพณีคนเดินไพรอย่างเคร่งครัด การล่าสัตว์เป็นอาหารจะใช้วิธีขอพลีจากเจ้าป่าโดยขอเฉพาะสัตว์ที่หมดอายุขัย และหากล่าไม่ได้ในชั่วธูปหมดดอก จะไม่ฝืนป่าอย่างเด็ดขาด ห้ามล่าเด็ดขาดคือสัตว์ตั้งท้องและมีลูกอ่อน หรือการห้ามกินเต่าในป่า
คนที่ไม่เคยเข้าป่าลึกคงยังนึกภาพไม่ออกว่าป่าดงดิบมันเป็นแบบไหนกัน หากเคยเห็นต้นไม้ใหญ่แปลกประหลาดชนิดป่าดึกดำบรรพ์ที่ดอยอินทนนท์คงพอเข้าใจ ได้บ้าง ป่าไม้แบบที่ดอยสูงของเรานั้นเป็นแบบน้ำจิ้มหากเทียบกับป่าดงดิบร้อนชื้นในเขตป่าฝนของประเทศพม่าในรัฐคะฉิ่น ทางตอนเหนือในประเทศพม่า ที่มีไม้ใหญ่ขนาดสิบคนโอบมากมายและสัตว์ป่าอุดมสมบูรณ์มากขนาดวิ่งมาชนเราได้ตลอดเวลา เฉพาะแต่ตาไม้บนต้นหรือปุ่มมะค่าแต่ละปุ่มมีขนาดใหญ่พอจะทำโต๊ะนั่งกินข้าว ขนาดแปดคนสบายๆ ป่าที่นี่ของพม่าเป็นป่าที่มีช้างใหญ่ๆมากและโดยเฉพาะช้างเผือกที่เผือกไปทั้งตัว ไม่เหมือนช้างเผือกของบ้านเรา
ในยามเย็นที่ลมพัดแรงเรื่อยๆและมีเสียงแมลงร้องระงม เสียงหมาในร้องห่างออกไป เสียงเก้งร้องหาคู่เป็นระยะๆแบบนั้นเป็นช่วงเวลาที่ป่าเปิดและไม่มีสัญญาณอันตรายใดๆ สามารถนอนหลับได้อย่างสบายไร้กังวล แต่หากอากาศปิดจะรู้สึกร้อนอบอ้าว แมลงหยุดร้องและผีเสื้อไม่กระพือปีก นกเกาะนิ่งบนกิ่งไม้ ให้สำเหนียกรู้ได้เลยว่า อาถรรพ์ของป่าได้กำลังแสดงอำนาจของมันแล้วแม้บางทีจะเป็นช่วงกลางวัน และเป็นการทดสอบจิตใจและอำนาจพลังในตัวเรา หากเรารู้ตัวก่อนก็แก้ไขได้ไม่ยาก มีดหมอลงอาคมของไทยเรามีดีๆหลายอาจารย์ ใช้ปักลงบนดินตรงหัวนอนหรือเหนือลมบนพื้นที่เนิน หากของเราดีจริง ทุกอย่างจะคืนสภาพสู่ปกติในเพียงอึดใจ และห้ามถอนมีดหมอออกจากตรงนั้นเร็วนัก ให้ทิ้งไว้ทั้งคืนหรือสักชั่วโมงเป็นอย่างน้อย มีดหมอของหลวงพ่อกันเป็นอีกสำนักหนึ่งที่ใช้ได้ผลและหาของแท้ๆง่ายกว่าของ หลวงพ่อเดิมมากนัก แม้แต่โขลงช้างที่บังเอิญเดินมาตามด่านช้างยังต้องเดินอ้อม ไม่กล้าเดินลุยเข้ามาตรงๆ ช้างเป็นสัตว์ที่มีเทวดารักษาทุกเชือก คนที่เคยเผชิญหน้ากับช้างจะเข้าใจว่า ขามันสั่นก้าวเดินไม่ออกและไม่ได้มาตัวเดียว แต่เขามาเป็นฝูง พอเราบอกเบาๆว่า “พี่ใหญ่ครับ ขอทางหน่อยนะ ผมไม่ได้มาทำลายชีวิตใคร เมื่อเราต่างไม่มีเวรต่อกัน ก็ขอให้ต่างคนต่างไปตามเส้นทางนะ จะได้ไม่เกิดเวรกรรมต่อกัน” เพียงแค่นี้ก็ทำให้ชีวิตรอดมาได้ในหลายครั้งแล้ว คืบก็ป่า ศอกก็ป่า อันตรายเกิดได้ทุกวินาที จากฝูงแตนป่า ต่อหลุม งูจงอาง ทากกระหายเลือด ตะขาบดงตัวสีดำสนิทเท่าไม้บรรทัด ว่านพิษต่างๆ หมามุ่ย เครือเถาวัลย์หลง หรือแมงป่องช้างนี่เป็นเรื่องจริงของคนเดินป่า ที่แต่ละครั้งในการเข้าป่าต้องระวังและเครียดมาก ดีใจที่ได้กลับมานอนสบายๆ ที่บ้านอีกครั้ง บางอย่างเล่าตรงๆไม่ได้ ก็เอาแบบเลียบๆเคียงๆนะครับ พอเข้าใจกันได้
การจะหาวัตถุมงคลติดตัวเพื่อลดแรงกรรมนั้น (ไม่ใช่การตัดกรรม) จะต้องทำอย่างไร มาอ่านที่พี่หนุ่มได้บรรยายไว้ครับ
-----------------------------------------------------------------
1. ต้องมาจากศรัทธา... ไม่ใช่กระแสหรือความแพงของพระ-----------------------------------------------------------------
ไม่ควรเปลี่ยนพระไปมา โลเลไม่แน่นอน พออ่านหรือใครบอกว่ามีองค์อื่นดียังงั้ยยังงี้.. ก็หาพระใหม่มาเปลี่ยนตลอด
2. ต้องสื่อจิตถึงท่านผู้เสกพระนั้นได้
คือเมื่อมั่นใจจะบูชาพระชุดนี้ติดตัวแล้ว ให้จัดพานขันธ์ 5 จุดธูป 16 ดอกบอกกล่าวท่านผู้เสก (นึกภาพท่านด้วย) และกล่าวอัญเชิญเทวดาประจำองค์พระมารับทราบ (ภาษาไทยนี่แหละ)........ และเมื่อเรามีโอกาสสร้างบุญแล้วให้บอกกล่าวน้อมถวายบุญเทวดาประจำองค์พระหรือให้ท่านร่วมโมทนาบุญนั้นเสมอ
คือเมื่อมั่นใจจะบูชาพระชุดนี้ติดตัวแล้ว ให้จัดพานขันธ์ 5 จุดธูป 16 ดอกบอกกล่าวท่านผู้เสก (นึกภาพท่านด้วย) และกล่าวอัญเชิญเทวดาประจำองค์พระมารับทราบ (ภาษาไทยนี่แหละ)........ และเมื่อเรามีโอกาสสร้างบุญแล้วให้บอกกล่าวน้อมถวายบุญเทวดาประจำองค์พระหรือให้ท่านร่วมโมทนาบุญนั้นเสมอ
3. สำคัญที่สุด - คนห้อยพระ มีศีลบริสุทธิ์แค่ไหน
คืออย่างน้อยควรมีศีลบริสุทธิ์ 2 ข้อ เช่น หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง ท่านกล่าวไว้ว่า พระฉันจะศักดิ์สิทธิ์ เธอจะต้องมีศีลบริสุทธิ์อย่างน้อย 2 ข้อ คือข้อ 2 และข้อ 5
---------------------------------------------------------------------
ทำไมเรื่องการมีศีลของคนห้อยพระสำคัญที่สุด......... พระเครื่องบางองค์ พระอริยเจ้าท่านได้ขอเบื้องบนเมตตาให้มีเทวดามาประจำองค์พระ.. ซึ่งท่านมาประจำจริงๆ ... เหล่าเทวดานั้นคงไม่อาจคุ้มครองหรือเกื้อหนุนบุคคลที่ห้อยพระนั้นแล้วยังทำศีลขาดเป็นประจำ ลำพังตัวมนุษย์ก็แสนจะเหม็นอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอคนไร้ศีล ท่านก็คงต้องขอลา จากวัตถุมงคลนั้นแล้วกลับวิมานของท่านดีกว่า
.
เมื่อห้อยพระดีติดตัวแล้ว... แต่ยังไม่มีอะไรดีขึ้น หรือแย่ลงกว่าเดิม... อย่าไปโทษพระหรือเทวดาไม่ช่วย... หันมาดูตัวเองก่อนว่า .... "สะอาดและดีพอ"..... ให้ท่านช่วยหรือยัง
คืออย่างน้อยควรมีศีลบริสุทธิ์ 2 ข้อ เช่น หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง ท่านกล่าวไว้ว่า พระฉันจะศักดิ์สิทธิ์ เธอจะต้องมีศีลบริสุทธิ์อย่างน้อย 2 ข้อ คือข้อ 2 และข้อ 5
---------------------------------------------------------------------
ทำไมเรื่องการมีศีลของคนห้อยพระสำคัญที่สุด......... พระเครื่องบางองค์ พระอริยเจ้าท่านได้ขอเบื้องบนเมตตาให้มีเทวดามาประจำองค์พระ.. ซึ่งท่านมาประจำจริงๆ ... เหล่าเทวดานั้นคงไม่อาจคุ้มครองหรือเกื้อหนุนบุคคลที่ห้อยพระนั้นแล้วยังทำศีลขาดเป็นประจำ ลำพังตัวมนุษย์ก็แสนจะเหม็นอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอคนไร้ศีล ท่านก็คงต้องขอลา จากวัตถุมงคลนั้นแล้วกลับวิมานของท่านดีกว่า
.
เมื่อห้อยพระดีติดตัวแล้ว... แต่ยังไม่มีอะไรดีขึ้น หรือแย่ลงกว่าเดิม... อย่าไปโทษพระหรือเทวดาไม่ช่วย... หันมาดูตัวเองก่อนว่า .... "สะอาดและดีพอ"..... ให้ท่านช่วยหรือยัง
การสะสมโชคลาภ
******************************************
คนรุ่นเก่าๆ จะไม่ก้าวข้ามลาภเล็กๆน้อยๆ เช่นเงินที่พบเจอระหว่างเดินหรือพบโดยบังเอิญเขามีวิธีเอาเคล็ดเพื่อสะสมลาภที่อาจยังมีแค่เล็กๆน้อยๆในวันนี้ เพื่อรอให้เกิดลาภก้อนใหญ่ในวันหน้า
******************************************
คนรุ่นเก่าๆ จะไม่ก้าวข้ามลาภเล็กๆน้อยๆ เช่นเงินที่พบเจอระหว่างเดินหรือพบโดยบังเอิญเขามีวิธีเอาเคล็ดเพื่อสะสมลาภที่อาจยังมีแค่เล็กๆน้อยๆในวันนี้ เพื่อรอให้เกิดลาภก้อนใหญ่ในวันหน้า
- เมื่อเจอเศษเงินโดยบังเอิญ ให้เก็บเอาไปติดตัวไว้ อย่าก้าวข้ามไปโดยเด็ดขาด เมื่อถึงบ้านหรือที่พักแล้ว ให้เอาเศษเงินนั้นใส่พานแยกไว้ต่างหาก ตั้งไว้ใต้หิ้งหรือหน้าหิ้งบูชาพระ อย่าเอาไปใช้โดยเด็ดขาด และทุกครั้งที่สวดมนต์ไหว้พระ ให้อธิษฐานว่า ขอให้เงินนี้เป็นสายใยเชื่อมโยงลาภผลใหญ่ในวันหน้า เพื่อจะเอาส่วนหนึ่งไปทำบุญกุศลด้วย ให้สมดังคำว่า เงินต่อเงิน
เมื่อครบรอบวันเกิดในปีถัดไป ให้เอาเงินทั้งหมดในพานนั้น ไปทำบุญทั้งหมด
******************************************
ตั้งแต่ตั้งจิตกราบไหว้องค์หลวงปู่กวยเป็นครูบาอาจารย์ในโลกทิพย์ อะไรที่ปิดหูปิดตาผมไว้ก็กระจุยกระจายหายไปทันที หูตาสว่างโล่ง.... กราบ กราบ กราบ
***********************************
พี่หนุ่มบอกว่า.... คนมีเคราะห์ ชะตาตก ไร้วาสนา แนะนำให้ลองไหว้บูชา ลป.กวย ดูสักเดือนหนึ่ง หารูปของท่านมาใส่กรอบ เป็นรูปจากที่ใหนก็ได้ ใช้การนั่งปฏิบัติบูชาดีที่สุด ระลึกถึงท่านเข้าไว้ แล้วรับรองว่าท่านจะเห็นสิ่งที่คาดหวังในไม่ช้า ใครไม่เคยเจอเรื่องเหนือเหตุผลก็อาจได้เจอ
.
ท่านเป็นพระที่แปลก ใครจะนับถือมากน้อยอย่างไร ท่านคุ้มครองหมด หากมีของๆท่านอยู่กับตัว จะเป็นโจร จะเป็นเศรษฐี จะเป็นนายธนาคารหรือคนเข็นผัก ท่านสงเคราะห์เท่าเทียมกัน แต่ที่ผลออกมาต่างๆกัน เป็นเพราะบุญกุศลของเรายังไม่หนุนส่งให้ขึ้นสูงสุดตามต้องการ
.
พระบางเกจิอาจารย์.. จะเห็นผลเฉพาะคนดีมีศีล หรือคนรวย แต่พระของ ลป.กวย โจรก็ใช้ได้ นักบวชก็ใช้ดี คนธรรมดาใช้ได้ดังใจ หากท่านไม่มีดีจริงๆแล้ว คงไม่มีศิษย์ที่สักกับท่านนับหมื่นคน และเกียรติคุณยั่งยืนนานมานับหลายปีเช่นนี้แน่นอน
.
สิ่งหนึ่งที่อยากให้สังเกตดูคือ พระเกจิที่มรณะภาพไปแล้ว หากยังสามารถอธิษฐานรักษาร่างทิ้งไว้ได้ พระเครื่องของท่านจะมีความศักดิ์สิทธิ์ไม่ธรรมดา และไม่เสื่อมคลายไปง่ายๆ หลายๆองค์เป็นเช่นนี้ ลองไล่ดูพระเกจิที่ไม่เน่าไม่เปื่อยดูก็ได้ครับ เอาแค่ 5 พระเกจิ ที่พระเครื่องของท่านโด่งดังเป็นอมตะเช่น ลป.กวย ลพ.พรหม ลพ.สด ลพ.มุ่ย ลพ.คล้าย และอีกหลายๆท่าน
******************************************
ตำนานอาถรรพ์น้ำมันโป
น้ำมันโป เป็นน้ำมันชนิดหนึ่งที่กล่าวขานกันมานานแล้วของนักแสวงโชค มีเรื่องเล่ามาแต่ครั้งก่อนเมื่อสมัยเกือบร้อยปี ถึงคุณวิเศษของน้ำมันอาถรรพ์ชนิดนี้ เพียงใช้ทาที่เปลือกตาเล็กน้อยหรือทาที่หน้าผาก ก็จะนำพาโชคลาภมาสู่ผู้ใช้ และจะมีโชคดีตลอดเวลาจนกว่าน้ำมันจะแห้งหรือประมาณชั่วธูปหมดดอก เซียนพนันเล่นโป หรือเต๋าปั่นมักชอบใช้กันมากเพราะมีการได้เสียเร็วไม่ยืดเยื้อ เป็นของขลังที่มีราคาแพงมาก เมื่อปี 2540 มีการขายกันขวดละ 5 ล้านบาท ขนาดเท่าขวดยานัตถ์ แต่ราคาขนาดนี้พวกเซียนพนันสามารถได้คืนในแค่คืนเดียว เพราะในการเล่นพนัน 10 ครั้งนั้น คนที่ใช้น้ำมันโป จะเล่นพนันเสียไม่เกิน1 ครั้งและจะสามารถทำเงินได้มหาศาลในแค่ข้ามคืน
น้ำมันโป มีวิธีการทำสองแบบ
- ทำจากน้ำมันธรรมชาติ เช่นน้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา โดยพระหรือผู้บำเพ็ญปฏิบัติ ที่สำเร็จทางฤทธิ์เป็นผู้เสกด้วยอำนาจฤทธิ์ แต่มักจะไม่มีใครได้ไป เพราะพระอริยะและผู้ปฏิบัติจนบรรลุแล้วแต่ละท่านล้วนไม่สนับสนุนในอบายมุข นอกจากท่านจะสงเคราะห์โดยฤทธิ์เป็นครั้งคราว
- ทำจากสิ่งของอันหายากและมีอำนาจในตัว 4 อย่าง ได้แก่ พญาแร้ง ว่านไพลดำ ว่านโพง และน้ำมันเซียน ทั้งสี่อย่างนี้ล้วนหาได้ยากมาก เมื่อนำมาผสมกันแล้วตามกรรมวิธี ยังต้องได้รับการกำกับด้วยพลังจิตและวิชาเปิดสามโลกอีกอย่างหนึ่งในคืนเพ็ญพุธ จึงจะสามารถใช้ได้ผลในทุกที่และไม่เสื่อมคลาย
เมื่อนำน้ำมันโปมาติดตัวไว้ แม้จะไม่ได้ทาหน้าหรือทาตา ก็จะเป็นโชคลาภอย่างยิ่ง แต่มีข้อห้ามมิให้สตรีมีประจำเดือนถูกขวดน้ำมันโดยเด็ดขาด จะทำให้เสื่อมและไม่มีผลอีกต่อไป นักเลงการพนันแทบทุกคน มักเสาะแสวงหาและไล่ล่าหาของชนิดนี้โดยไม่เกี่ยงราคาค่าตัว เพียงขอให้แท้เท่านั้น แต่สมัยนี้ไม่สามารถหาสิ่งของเหล่านี้ได้อีกแล้วหรือหาได้ไม่ครบในเวลากำหนด
---
ลุงคนหนึ่งทางภาคเหนือ ที่ทราบเรื่องราวเหล่านี้และได้ตะเวณเสาะหามานานหลายปีจนได้มาหนึ่งขวดเมื่อประมาณ 8 ปีก่อน และได้ใช้น้ำมันนี้อย่างได้ผล เจ้าของน้ำมันขวดนี้ได้เงินจากคาสินโนแขวงบ่อแก้ว คาสิโนในโรงแรมที่สามเหลี่ยมทองคำ และที่สิบสองปันนามามากกว่า 250 ล้านบาท ทั้งๆที่จริงได้ให้สัจจะขอต่อสิ่งลึกลับว่า จะขอหาเงินทำทุนสัก 100 ล้านบาทเท่านั้น หลังจากได้เงินจำนวนมากภายในระยะเวลาเพียง 2 ปีที่เข้าไปเสี่ยงโชค ก็ไม่มีบ่อนคาสิโนใหนให้เข้าไปเล่นพนันอีกเลย ซ้ำร้ายยังมีการวางยาเพื่อกำจัดเขาอีก และลุงคนนั้นก็ต้องสังเวยการผิดสัจจะ และเดินตามเส้นทางสุดท้ายของนักการพนัน
---
ลุงคนหนึ่งทางภาคเหนือ ที่ทราบเรื่องราวเหล่านี้และได้ตะเวณเสาะหามานานหลายปีจนได้มาหนึ่งขวดเมื่อประมาณ 8 ปีก่อน และได้ใช้น้ำมันนี้อย่างได้ผล เจ้าของน้ำมันขวดนี้ได้เงินจากคาสินโนแขวงบ่อแก้ว คาสิโนในโรงแรมที่สามเหลี่ยมทองคำ และที่สิบสองปันนามามากกว่า 250 ล้านบาท ทั้งๆที่จริงได้ให้สัจจะขอต่อสิ่งลึกลับว่า จะขอหาเงินทำทุนสัก 100 ล้านบาทเท่านั้น หลังจากได้เงินจำนวนมากภายในระยะเวลาเพียง 2 ปีที่เข้าไปเสี่ยงโชค ก็ไม่มีบ่อนคาสิโนใหนให้เข้าไปเล่นพนันอีกเลย ซ้ำร้ายยังมีการวางยาเพื่อกำจัดเขาอีก และลุงคนนั้นก็ต้องสังเวยการผิดสัจจะ และเดินตามเส้นทางสุดท้ายของนักการพนัน
เมื่อห้าปีก่อน ลุงได้เสียชีวิตลง โดยทิ้งสิ่งมีค่าไว้ให้ครอบครัวสองอย่างคือ
เงินในบัญชีจำนวนมหาศาลและขวดน้ำมันโปเล็กๆ ที่เหลืออยู่ไม่มากนัก โดยภรรยาได้เก็บรักษาไว้กับเถ้ากระดูกของสามี และไม่ได้แตะต้องเลยนับตั้งแต่สามีตายลงไป
เงินในบัญชีจำนวนมหาศาลและขวดน้ำมันโปเล็กๆ ที่เหลืออยู่ไม่มากนัก โดยภรรยาได้เก็บรักษาไว้กับเถ้ากระดูกของสามี และไม่ได้แตะต้องเลยนับตั้งแต่สามีตายลงไป
******************************************
มีผู้ถามพี่หนุ่มว่า...
ผมเคยได้ยินมานะครับว่า เครื่องรางของขลังบางอย่างจะมีอำนาจส่งผลกับภูตผีที่สิงสถิตตามสถานที่ต่างๆ ดังนั้นถ้าเราเข้าป่า ขึ้นเขา หรือว่าไปในสถานที่ศักสิทธิ์ที่ร้างเก่า อาจจะทำให้เกิดอันตรายกับตัวเราได้ เพราะวิญญาณเจ้าของที่เหล่านั้นจะมาทำร้ายเรา เพื่อให้เราออกจากสถานที่นั้น ให้หลุดออกจากอำนาจที่กดทับเค้าไว้ เรื่องนี้พี่หนุ่มเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ??
*****************************************
จริงครับ เครื่องรางสายวิญญาณ พรายสายดำ (ไม่ใช่ยูโด) จะห้ามใส่เข้าป่าช้า โบสถ์ มัดยิด ป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ๆ เพราะเราไม่เห็นกายทิพย์ของผู้รักษาสถานที่ หรือเจ้าถิ่น แต่เจ้าที่เจ้าทางและเทพาอารักษ์ท่านพบและจะมีอาเพท เราเลยรับเคราะห์ไปด้วย
.
แต่หากเป็นสายขาว ที่เป็นดวงจิตที่อยู่สร้างกุศลด้วยเต็มใจ มีพลังบารมี อำนาจจิตของพระอริยะคุ้มครองอยู่ด้วยแล้ว จะไม่เกิดอะไร เหมือนเป็นลูกศิษย์ของพระอีกทีหนึ่งคอยหิ้วปิ่นโตตาม หมาได้แต่เห่า ไม่กล้ากัด
******************************************
พระเกจิอาจารย์ที่จะทำของได้เข้มขลัง
มีพลังอำนาจ ใช้ได้ผล ทรงอยู่ได้เป็นอมตะ มีวิธีดูง่ายๆเช่นนี้ครับ (บางท่านอาจไม่มีลักษณะทุกอย่างตามนี้ อาจมีแค่บางอย่าง เอาจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ชอบสังเกตุมานานกว่า 30 ปี และเป็นแค่วิธีดูง่ายๆ ไม่ได้หมายถึงทุกท่านจะต้องเป็นแบบนี้)
มีพลังอำนาจ ใช้ได้ผล ทรงอยู่ได้เป็นอมตะ มีวิธีดูง่ายๆเช่นนี้ครับ (บางท่านอาจไม่มีลักษณะทุกอย่างตามนี้ อาจมีแค่บางอย่าง เอาจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ชอบสังเกตุมานานกว่า 30 ปี และเป็นแค่วิธีดูง่ายๆ ไม่ได้หมายถึงทุกท่านจะต้องเป็นแบบนี้)
- อธิษฐานทิ้งสังขารไว้ เช่น ลป.กวย ลป.มุ่ย ลป.สงฆ์ ลป.หมุน ลป.พรหม
- เคยเรียนทางอาคมมาก่อน และมีพลังจิตสูง เช่น ลป.กวย ลป.ดู่ ลป.ทิม ลป.ดุลย์
- พูดน้อยกว่าทำ มีมากตัวอย่างในพระเก่งของไทย
- ดวงตามีอำนาจ แกร่งกล้า เช่น ลป.กวย ลป.ทิม ลป.สี ลป.พรหม
- ที่สำคัญคือพระที่สร้างของขลังด้วยตนเอง เพราะท่านมั่นใจในตนเองมากจึงสร้างเอง ทำเอง เสกเอง
- พระที่แจกของขลังให้คนอื่นได้ยาก หวงของ เพราะท่านรู้ว่าของๆท่านดีมีค่ามาก
- เคยเรียนทางอาคมมาก่อน และมีพลังจิตสูง เช่น ลป.กวย ลป.ดู่ ลป.ทิม ลป.ดุลย์
- พูดน้อยกว่าทำ มีมากตัวอย่างในพระเก่งของไทย
- ดวงตามีอำนาจ แกร่งกล้า เช่น ลป.กวย ลป.ทิม ลป.สี ลป.พรหม
- ที่สำคัญคือพระที่สร้างของขลังด้วยตนเอง เพราะท่านมั่นใจในตนเองมากจึงสร้างเอง ทำเอง เสกเอง
- พระที่แจกของขลังให้คนอื่นได้ยาก หวงของ เพราะท่านรู้ว่าของๆท่านดีมีค่ามาก
เป็นแค่แง่คิดที่เฝ้าสังเกตมานานแล้ว ว่าพระที่เก่งจริงและสร้างของได้อย่างดีมีผลจริงๆ ต้องมีลักษณะเข้าข่ายอย่างที่ลองสังเกตไว้ แต่อาจมีข้อยกเว้นในบางท่าน
******************************************
เสาตกน้ำมัน
พี่หนุ่มบอกว่า...ต้นตะเคียนในป่าที่มีอายุสักสองร้อยปีขึ้นไป มีนางไม้ทุกต้น
หากเป็นการตกน้ำมันจากต้นที่ตายแล้ว จะมีสีดำและมีกลิ่นเหม็น
-----------------------------------------------------------------
หากพลีขอจากนางตะเคียนที่ต้นยังเป็น จะมีสีเหลืองเข้มใสๆและหอมมากแบบแปลกๆ พวกพรานป่ามักมีติดตัว ป้องกันภัยในป่าได้ดีครับ เขามักใช้พระแก่กล้าอาคม หรือหมออาคมที่เป็นฆราวาส ไปพลีขอจากนางไม้ นางพราย เพื่อเอามาทำกุศล ให้นางมีบารมีและได้กุศลด้วยกัน และที่สำคัญต้องไม่ขายเป็นเงินโดยเด็ดขาด หากขายเอาเงินเมื่อไรจะเสื่อมอำนาจลงไปเรื่อยๆ หากหมดสภาพแล้ว น้ำมันจะตกตะกอน มีกลิ่นเหม็น การพลีขอมีกรรมวิธีมาก ทั้งฤกษ์ทั้งการถือศีลของคนทำพิธี และการขอต่อเจ้าของ ต้องเอามาเท่าที่บอกกล่าว แม้น้ำมันจะไหลมากกว่าที่ขอไว้ ต้องไม่โลภเอามา
-----------------------------------------------------------------
หากพลีขอจากนางตะเคียนที่ต้นยังเป็น จะมีสีเหลืองเข้มใสๆและหอมมากแบบแปลกๆ พวกพรานป่ามักมีติดตัว ป้องกันภัยในป่าได้ดีครับ เขามักใช้พระแก่กล้าอาคม หรือหมออาคมที่เป็นฆราวาส ไปพลีขอจากนางไม้ นางพราย เพื่อเอามาทำกุศล ให้นางมีบารมีและได้กุศลด้วยกัน และที่สำคัญต้องไม่ขายเป็นเงินโดยเด็ดขาด หากขายเอาเงินเมื่อไรจะเสื่อมอำนาจลงไปเรื่อยๆ หากหมดสภาพแล้ว น้ำมันจะตกตะกอน มีกลิ่นเหม็น การพลีขอมีกรรมวิธีมาก ทั้งฤกษ์ทั้งการถือศีลของคนทำพิธี และการขอต่อเจ้าของ ต้องเอามาเท่าที่บอกกล่าว แม้น้ำมันจะไหลมากกว่าที่ขอไว้ ต้องไม่โลภเอามา
ผมเคยไปดูการทำพิธีในเมืองไทย ที่เขาชะเมา ระยอง ต้นใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ทำพิธีกันอยู่ดีๆ เทียนพิธีดับทุกครั้ง ต้องเลิก เพราะเขาไม่ให้แล้ว ฝืนทำไปก็ตายอย่างเดียว อาจเพราะเจตนาไม่บริสุทธิ์ทุกคนที่เข้าไปขอ และวาสนาไม่พอที่นางพรายจะให้ พรายตะเคียนเป็นเทพชนิดหนึ่ง มีฤทธิ์มากกว่าพรายทั่วไป เป็นจ้าวแห่งนางไม้ในป่า
ที่บ้านนา อ.แกลง ระยอง มีญาติห่างๆคนหนึ่ง ได้น้ำมันนางตะเคียนนี้มาจากคนเดินป่า แกชื่อลุง จ. คนเก่าๆใน อ.แกลง รู้จักแกดี ฝังแม่เหล็กที่นิ้วมือขวา มีผมขาวทั้งศรีษะ อาชีพเดียวที่มีคือเล่นการพนัน และมีเมียสี่คน สวยประกวดได้ทั้งสิ้น แกเล่าว่าเอาน้ำมันนี้ทาที่หน้าผาก เป็นเมตตานะจังงัง จับมือสาวคนใหนก็เดินตามทั้งนั้น และแกขอโชคจากนางตะเคียนได้มาตลอด แกเล่นพนันเป็นอาชีพ จนส่งลูกเรียนปริญญาสองคน มีรถสิบล้ออีกสามคัน แต่แกต้องแบ่งเงินทำบุญให้นางพรายทุกวันพระ และแกนับถือมากไม่แขวนพระอะไร ปัจจุบันแกไปบ้านเก่าแล้ว
******************************************
คนที่ศรัทธาพระเครื่องรุ่นเก่าๆ
เวลาได้มาบูชาติดตัวมักจะมีคำถามว่า "ทันท่านหรือไม่" ความหมายก็คือ พระเครื่องรุ่นนั้นๆ ท่านได้เสกได้อธิษฐานจิตไว้ขณะดำรงขันธ์อยู่หรือไม่ แต่ถ้าหากพระคุณเจ้าท่านนั้นได้ละสังขารไปแล้ว ความนิยมก็จะลดน้อยถอยลงไป แต่พี่หนุ่มบอกว่า....
----------------------------------------------------------------------------
พระที่เรียนด้านอาคมและมีพลังจิตเข้มแข็ง มีวิชาดีและห่วงใยศิษย์ แม้ว่าเมื่อท่านได้ละสังขารจากโลกมนุษย์ไปแล้ว จะยังไม่ไปนิพพานในทันที แต่จะดูแลศิษย์อยู่อีกชั่วขณะหนึ่ง แต่ชั่วเวลาหนึ่งแค่ระยะสั้นๆในพรหมโลก จะเป็นเวลานับร้อยๆ ปีในโลกมนุษย์ เมื่อมีการบวงสรวงบอกกล่าวให้ถูกวิธี ในการอัญเชิญดวงจิตอันเป็นทิพย์ของท่านให้มาร่วมทำพิธีด้วย ก็จะได้รับการสงเคราะห์ทุกครั้ง เช่น หลวงปู่ทิม ระยอง หลวงปู่กวย ชัยนาท หลวงปู่มุ่ย สุพรรณบุรี เป็นต้น
ดังนั้นในการสร้างพระเครื่องรุ่นหลังๆ หากทำพิธีให้ถูกต้องและมีการอัญเชิญดวงจิตของพระคุณท่านด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์และเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง ย่อมมีผลเช่นเดียวกับการสร้างเมื่อครั้งที่ท่านยังทรงสังขารทุกประการ
-------------------------------------------
อยากฝากข้อคิดดีๆและเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจบ้างเล็กๆ น้อยๆ
-------------------------------------------
อยากฝากข้อคิดดีๆและเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจบ้างเล็กๆ น้อยๆ
1. พระเครื่อง...ไม่ใช่ที่พึ่งเดียวที่เรามีอยู่และหวังจะได้ทุกอย่างจากท่าน โปรดจำไว้เสมอว่าที่พึ่งที่ดีที่สุดคือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ความสำเร็จไม่ใช่กรรมพันธุ์ ดังนั้นเราทุกคนย่อมจะสร้างความสำเร็จได้ในชีวิต
2. พระเครื่องจะดีหรือไม่ดีอย่างที่เราหวัง ต้องย้อนกลับมามองตัวเองว่า เราศรัทธาจากจิตใจที่แท้จริงหรือจากกระแสนิยมกันแน่ บางที ... ตัวเราเองอาจไม่ดีพอที่จะใช้บูชาพระเครื่องดีๆก็ได้ อย่าไปโทษพระ
3. พระแท้ๆอะไรที่มีอยู่แล้ว ก็สามารถนำมาอาราธนาบูชาใช้ได้ศักดิ์สิทธิ์ หากเรารู้วิธีการบูชาอย่างแท้จริง รวมทั้งมีจิตใจมั่นคงแน่วแน่ ย่อมเกิดพลังจากจิตใต้สำนึกและเกิดเป็นพลังงานพิเศษในตนเองได้
4. สิ่งดีๆจะเกิดกับเราได้ ต้องขึ้นอยู่กับดวงชะตา วาสนาและบุญ - บารมี ที่ถึงพร้อมในชาตินี้ หากขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไป เราจะยังไม่สมหวังได้โดยง่าย แม้ว่าจะได้พระที่ดีที่สุดและส่งผลอำนาจได้อย่างวิเศษสุด
5. พระคุณของพ่อแม่ และครูบาอาจารย์เป็นสิ่งที่สูงค่ายิ่ง ไม่มีอะไรทดแทนได้ และช่วยหนุนส่งกับอำนาจพระพุทธคุณได้อย่างดียิ่ง เมื่อรวมกับผลบุญกุศลที่ได้สร้างหรือสะสมมาแต่ก่อน ย่อมเห็นผลเร็วในชาตินี้
****************************************************
ผมมีข้อคิดและข้อเตือนสติอย่างหนึ่งในการแขวนบูชาพระ
คิดเสียว่าผมบอกเป็นทานก็แล้วกันนะครับ ไม่ได้จะมากำหนดเป็นกฏเกณฑ์อะไรตายตัว และผมเองก็ได้รับคำแนะนำมาจากพระเกจิชาวมอญอีกทอดหนึ่ง
.
บางทีเราเปลี่ยนพระแขวนไปเรื่อยๆ บางคนเปลี่ยนไปทุกวัน หรือทุกอาทิตย์ หากเปลี่ยนโดยสุจริตใจและยังเต็มในศรัทธาก็ไม่เป็นอะไร แต่บางคน หรือบางทีเราเองก็เหมือนกัน ที่เปลี่ยนเพราะคิดในใจไปเองว่า
.
- ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นให้เห็นเลยในชีวิต
- ไม่มีประสบการณ์ดีๆอย่างเขาเลย
- สงสัยว่าพระองค์นี้เก่งจริงหรือเปล่า
- ไม่แน่ใจแล้วว่าองค์นี้แท้หรือปลอม
- เบื่อแล้วองค์นี้
.
หากเราคิดไปแบบนั้น เป็นการปรามาสพระอริยะ ปรามาสครูบาอาจารย์ของเราเอง เป็นบาปและเป็นวิบากที่ไม่สามารถหลีกหนีได้ เพราะท่านอาจคุ้มครองดูแลป้องกันเราอยู่แล้วอย่างดี แต่เรายังมีวิบากกรรมอื่นๆต้องผ่อนเบาลงไปอีกจึงจะเกิดผลอย่างที่หวัง เมื่อเราไปดูแคลนหมิ่นศรัทธา โลเลสงสัยในท่าน จึงเป็นการสร้างบาปในใจให้ตนเองโดยไม่รู้ตัว และจะบูชาใช้ของไม่ขึ้นไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าจะได้สำนึกผิด ขอขมาและสร้างบุญกุศลทดแทนพระคุณที่ท่านได้ปกป้องคุ้มครองดูแลเรา ก่อนแขวนเราได้นิมนต์อาราธนาท่านทุกครั้ง มีหรือท่านจะไม่รับนิมนต์เพื่อดูแลเราตามร้องขอ แล้วอยู่ดีๆเรามาคิดไปว่าท่านไม่ดี ไม่เก่งจริง เบื่อไปแล้ว หรือไม่สนใจท่านอีก ลองคิดในมุมกลับดูจะเห็นว่าน่าจะจริง
.
หากเราจะเปลี่ยนพระที่แขวนคออยู่ประจำ เราควรบอกกล่าวและอาราธนาท่านประจำไว้ที่บ้าน ที่หิ้งพระ โดยให้ท่านอำนวยผลและคุ้มครองเราเช่นเดิมเหมือนเช่นทุกๆวัน โดยเรายังเคารพเลื่อมใสท่านและยังเป็นศิษย์ที่ดีต่อไปเสมอ และที่สำคัญ อย่าลืมถวายสังฆทานสร้างกุศลถวายแด่พระเกจิเจ้าของพระเครื่องที่เราแขวนบูชาพึ่งพาพุทธคุณท่านบ้าง เป็นการแทนพระคุณได้อย่างหนึ่งต่อองค์อาจารย์ที่เมตตาต่อเรามากเหลือล้น
.
คนที่ปรามาสพระ โดยเปลี่ยนไปมาเพราะไม่มั่นใจพระ หรือหาว่าท่านไม่ดีจริงๆ
.
ลองสังเกตุตัวเองดูได้ว่า ไม่ว่าเราจะไปเอาพระอะไรที่ใครเขาว่าดี แรง ได้ผลอย่างไร มาแขวน ก็มักจะเงียบๆไม่หวือหวาเช่นคนอื่นเขา นั่นเพราะเราต้องวิบากกรรมแล้ว ต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง สังเกตุดูบางคนพระพื้นๆแท้ๆ เขาบูชาขึ้นดีเหลือเกิน แต่กับเรา พระแบบเดียวกัน แขวนแล้วเงียบทุกองค์จนใจเสีย
.
ญาณของพระอริยะแต่ละองค์แจ่มใสมากนัก สุดหยั่งถึงและคาดคะเนได้ เมื่อเราหลู่ในเกียรติภูมิ โดยไม่รู้ตัวก็ไม่มีโทษอะไร เพียงแต่เรายังไม่ได้รับอำนาจของผลวิเศษอย่างที่ต้องการ สังเกตดูพระเครื่องธรรมดาๆแต่คนพื้นบ้าน หรือเด็กๆต่างจังหวัด ที่แขวนติดคอมานาน ก็ใช้บูชาได้ผลดีมาตลอด แม้แต่ตัวเราเอง ยามเด็กๆ พระที่พ่อแม่ให้แขวนก็เคยเห็นผลมาแล้ว พอโตขึ้นรู้มาก (แต่รู้ไม่จริง) หาองค์โน้น เปลี่ยนองค์นี้ไปเรื่อย จนไม่เจอดีสักที เพราะเราพลาดไปเอง
.
พระองค์เดียวกัน เมื่อได้มาใหม่ๆใจเรายังเต็มศรัทธาและมุ่งมั่นมักได้ผลดี แต่วันหนึ่งเราลังเลเปลี่ยนพระองค์ใหม่อีกแล้วไปได้สักระยะหนึ่ง เมื่อจะเอาท่านกลับมาแขวนบูชาใหม่ คราวนี้จะเห็นผลช้ากว่าเดิม จนเราใจเสียว่าทำไมเห็นผลช้ากว่าเดิมไม่เหมือนก่อน คำตอบมีอยู่แล้วที่บอกมา
.
บางทีเราเปลี่ยนพระแขวนไปเรื่อยๆ บางคนเปลี่ยนไปทุกวัน หรือทุกอาทิตย์ หากเปลี่ยนโดยสุจริตใจและยังเต็มในศรัทธาก็ไม่เป็นอะไร แต่บางคน หรือบางทีเราเองก็เหมือนกัน ที่เปลี่ยนเพราะคิดในใจไปเองว่า
.
- ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นให้เห็นเลยในชีวิต
- ไม่มีประสบการณ์ดีๆอย่างเขาเลย
- สงสัยว่าพระองค์นี้เก่งจริงหรือเปล่า
- ไม่แน่ใจแล้วว่าองค์นี้แท้หรือปลอม
- เบื่อแล้วองค์นี้
.
หากเราคิดไปแบบนั้น เป็นการปรามาสพระอริยะ ปรามาสครูบาอาจารย์ของเราเอง เป็นบาปและเป็นวิบากที่ไม่สามารถหลีกหนีได้ เพราะท่านอาจคุ้มครองดูแลป้องกันเราอยู่แล้วอย่างดี แต่เรายังมีวิบากกรรมอื่นๆต้องผ่อนเบาลงไปอีกจึงจะเกิดผลอย่างที่หวัง เมื่อเราไปดูแคลนหมิ่นศรัทธา โลเลสงสัยในท่าน จึงเป็นการสร้างบาปในใจให้ตนเองโดยไม่รู้ตัว และจะบูชาใช้ของไม่ขึ้นไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าจะได้สำนึกผิด ขอขมาและสร้างบุญกุศลทดแทนพระคุณที่ท่านได้ปกป้องคุ้มครองดูแลเรา ก่อนแขวนเราได้นิมนต์อาราธนาท่านทุกครั้ง มีหรือท่านจะไม่รับนิมนต์เพื่อดูแลเราตามร้องขอ แล้วอยู่ดีๆเรามาคิดไปว่าท่านไม่ดี ไม่เก่งจริง เบื่อไปแล้ว หรือไม่สนใจท่านอีก ลองคิดในมุมกลับดูจะเห็นว่าน่าจะจริง
.
หากเราจะเปลี่ยนพระที่แขวนคออยู่ประจำ เราควรบอกกล่าวและอาราธนาท่านประจำไว้ที่บ้าน ที่หิ้งพระ โดยให้ท่านอำนวยผลและคุ้มครองเราเช่นเดิมเหมือนเช่นทุกๆวัน โดยเรายังเคารพเลื่อมใสท่านและยังเป็นศิษย์ที่ดีต่อไปเสมอ และที่สำคัญ อย่าลืมถวายสังฆทานสร้างกุศลถวายแด่พระเกจิเจ้าของพระเครื่องที่เราแขวนบูชาพึ่งพาพุทธคุณท่านบ้าง เป็นการแทนพระคุณได้อย่างหนึ่งต่อองค์อาจารย์ที่เมตตาต่อเรามากเหลือล้น
.
คนที่ปรามาสพระ โดยเปลี่ยนไปมาเพราะไม่มั่นใจพระ หรือหาว่าท่านไม่ดีจริงๆ
.
ลองสังเกตุตัวเองดูได้ว่า ไม่ว่าเราจะไปเอาพระอะไรที่ใครเขาว่าดี แรง ได้ผลอย่างไร มาแขวน ก็มักจะเงียบๆไม่หวือหวาเช่นคนอื่นเขา นั่นเพราะเราต้องวิบากกรรมแล้ว ต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง สังเกตุดูบางคนพระพื้นๆแท้ๆ เขาบูชาขึ้นดีเหลือเกิน แต่กับเรา พระแบบเดียวกัน แขวนแล้วเงียบทุกองค์จนใจเสีย
.
ญาณของพระอริยะแต่ละองค์แจ่มใสมากนัก สุดหยั่งถึงและคาดคะเนได้ เมื่อเราหลู่ในเกียรติภูมิ โดยไม่รู้ตัวก็ไม่มีโทษอะไร เพียงแต่เรายังไม่ได้รับอำนาจของผลวิเศษอย่างที่ต้องการ สังเกตดูพระเครื่องธรรมดาๆแต่คนพื้นบ้าน หรือเด็กๆต่างจังหวัด ที่แขวนติดคอมานาน ก็ใช้บูชาได้ผลดีมาตลอด แม้แต่ตัวเราเอง ยามเด็กๆ พระที่พ่อแม่ให้แขวนก็เคยเห็นผลมาแล้ว พอโตขึ้นรู้มาก (แต่รู้ไม่จริง) หาองค์โน้น เปลี่ยนองค์นี้ไปเรื่อย จนไม่เจอดีสักที เพราะเราพลาดไปเอง
.
พระองค์เดียวกัน เมื่อได้มาใหม่ๆใจเรายังเต็มศรัทธาและมุ่งมั่นมักได้ผลดี แต่วันหนึ่งเราลังเลเปลี่ยนพระองค์ใหม่อีกแล้วไปได้สักระยะหนึ่ง เมื่อจะเอาท่านกลับมาแขวนบูชาใหม่ คราวนี้จะเห็นผลช้ากว่าเดิม จนเราใจเสียว่าทำไมเห็นผลช้ากว่าเดิมไม่เหมือนก่อน คำตอบมีอยู่แล้วที่บอกมา
****************************************************
ล้างอาถรรพ์ในมาเลเซีย
เคยใช้เบี้ยแก้ของหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว และของหลวงปู่หงษ์ จ.สุรินทร์ ทำน้ำมนต์ล้างอาถรรพ์ในมาเลเซีย โดยใช้เหรียญนารายณ์ทรงครุฑของหลวงปู่หมุนเป็น เทพศัตราวุธในการแก้ไขและคุ้มครอง ที่ต้องลงไปช่วยน้องที่เปิดร้านคาราโอเกะที่รัฐปาหัง ในมาเลเซีย (ชื่อร้านแบมบู ร้านนี้ดังและคนรู้จักมาก) เพราะไม่มีคนเข้าร้านมาเลยตลอดสองสัปดาห์แล้ว
โดยเหตุที่ใบอนุญาตร้านคาราโอเกะในมาเลเซียมีราคาแพงมาก เกือบล้านบาทต่อ 3ปี ทำให้การแข่งขันมีมากขึ้น ร้านแบมบูมีลูกค้าติดมากเพราะบรรยากาศดีมากๆ ไม่มีฝุ่นและเสียงรบกวน แต่ตลอดหลายวันที่ผ่านมามีแค่สองโต๊ะเท่านั้น ไม่พอค่าใช้จ่ายในร้าน
ผมลงไปพร้อมของดีที่เอาไปหลายอย่าง เฉพาะเบี้ยแก้ก็สามแบบแล้ว เป็นของดีที่เก็บไว้นานแล้ว แต่พอเหยียบเข้าร้านของน้อง ก็รู้สึกอึดอัดและร้อนไปทั้งตัว รีบไปเอาถังน้ำมาเพื่อทำน้ำมนต์ทันที แต่เมื่อแก้ห่อของดี เบี้ยแก้ที่เอาไปรวมสามชิ้น มีหนึ่งชิ้นที่ปรอทแตกออกจากท้องเบี้ยเพราะเป็นเบี้ยเปลือย อาจด้วยอาถรรพ์วิชาแขกหรือด้วยเพราะการบรรจุไม่ดีก็เหลือเดา จึงตัดสินใจเอาถังน้ำมาเพิ่มอีกสองถังรวมเป็นสามถัง ใส่ใบทับทิมถังละสามใบ ใส่เบี้ยหลวงปู่เพิ่ม หลวงปู่หงษ์ และใส่เหรียญนารายณ์ทรงครุฑหลวงปู่หมุนอีกหนึ่งถัง เพราะพระนารายณ์เป็นเทพผู้แก้ไขและผู้คุ้มครองโลก
เมื่อทำสมาธิจิตดีแล้วทำตามวิธีการทำน้ำมนต์ทีละถังจนเสร็จทั้งสามถัง แล้วเอาทั้งสามถังผสมกันเป็นถังเดียว แบ่งสามส่วน ใช้ราดหน้าร้านจนถึงถนนใหญ่ ใช้ราดบนหลังคาอาคารร้านค้า และใช้อาบคนในร้านทุกคนที่บนดินกลางแจ้ง
ตกเย็นมีลูกค้าทันทีหกโต๊ะ พอถามว่าทำไมคืนก่อนๆไม่เข้ามานั่งดื่มกิน เขาบอกว่าพอจะเลี้ยวรถเข้ามา เห็นร้านปิดไฟมืด เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ตั้งใจเข้าร้านแบมบู ผมเลยต้องเสียของดีชุดนั้นให้น้องเอาไว้ทำน้ำมนต์ทุกเดือน เขาขายดีจนรู้จักกันไปทั่วรัฐปาหังแล้วครับ
และทุกครั้งที่ผมไปเยี่ยมเขา ผมก็จะหาของดีๆไปฝากเขาทุกครั้ง คนมาเลเซียรู้จักเบี้ยแก้ไทยดีแล้วตอนนี้ หากเราศรัทธาและมีสมาธิจิตดี ไม่ว่าจะอยู่ที่ใหนก็อาราธนาอำนาจศักดิ์สิทธิ์ได้ครับ
****************************************************
ว่านผีโพง
เมื่อครั้งตอนที่ต้องเดินทางไปแขวงเชียงขวาง ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศลาว ติดไปทางเวียดนาม เพื่อนำทีมสำรวจอเมริกันและยุโรปสำรวจทุ่งไหหินเพื่อหาของสำคัญบางสิ่งที่ตก ค้างมาจากยุคสงครามอินโดจีน ที่ปัจจุบันยังมีอนุสรณ์ให้เห็นอยู่ที่ทุ่งไหหิน และซากปรักหักพังของอาคารต่างๆมากมาย จังหวัดเชียงขวางมีอาณาเขตกว้างใหญ่แต่ยังไม่เจริญมากนัก วัดวาอารามยังคงมีร่องรอยการถูกถล่มจากครั้งสงครามยุทธการโฮจิมินห์ คนรุ่นเก่าอายุประมาณ 50-60 ปี จะมีลักษณะ พิกลพิการแทบทุกคน เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีศิลปวัฒนธรรมคล้ายของไทยมาก มีเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนเป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันมีทางเชื่อมต่อกับเวียดนามอย่างดีและเป็นแหล่งเหมืองแร่ทองคำที่ อุดมสมบูรณ์มากทีสุดของประเทศลาว มีคนไทยไปลงทุนหลายกลุ่ม เมื่อคณะเราเดินทางไปถึงที่นั่นแล้ว ได้ สำรวจหาสิ่งที่ต้องการเข้าไปในป่าลึกที่ภูเขาที่สูงที่สุดของประเทศลาวคือ ภูเบี้ย ที่ไม่ค่อยมีคนอยู่อาศัยนอกจากชาวป่าพื้นบ้าน เผ่ากะตู้หรือลาวเทิง เผ่ามูเซอดำ และ ชาวม้งภูเขา ที่ไม่ค่อยเป็นมิตรกับคนต่างถิ่นนัก โดยเฉพาะมูเซอดำที่อยู่บนภูเขาสูงและอาบน้ำปีละครั้งเท่านั้น และเป็นที่มาของการพิสูจน์ความจริงใจโดยใช้ว่านผีโพง
ว่านผีโพงนี้ชาวบ้านแถบภาคอีสานเรียกกันว่า "ว่านกระสือ"หรือ"ว่านผีปอบ" มักขึ้นตามป่าทึบในหุบเขาเฉพาะชายแดนที่ติดกับเขมรและลาวจะพบได้บ่อย ว่านนี้คนสมัยก่อนเชื่อกันว่ามีวิญญาณร้ายสิงอยู่ ว่านชนิดนี้ชอบกินเลือดสดๆและเนื้อสัตว์ป่าเป็นอาหาร อาจารย์ไสยเวทย์ที่เป็นฆราวาสชอบนำว่านชนิดนี้มาเลี้ยงไว้เพื่อใช้ให้ทำงาน ต่างๆให้ โดยเฉพาะการสั่งให้ไปทำร้ายคู่อริหรือฝ่ายตรงข้าม ผู้ที่จะเลี้ยงว่านชนิดนี้ได้ต้องเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมแก่กล้าเข้าขั้นที เดียว จึงจะสามารถสะกดเหล่าดวงวิญญาณร้ายที่สิงอยู่ในว่านให้อยู่ภายใต้คำสั่งได้ หากมิฉะนั้นดวงวิญญาณเหล่านั้นที่อยู่ในว่านโพงจะก็จะทำร้ายและกินผู้เลี้ยง เป็นอาหารแทน หากว่าไม่สามารถสะกดดวงวิญญาณเหล่านั้นได้
ว่านนี้มีสีขาว รสฉุนร้อน เมื่อแก่จะมีธาตุปรอทลงกิน ทำให้เกิดแสงส่องสว่างแบบเรืองๆ และจะมีฤทธิ์มากในคืนเดือนมืดสนิทแรม15 ค่ำยามเที่ยงคืนถึงตีสาม พวกม้งและมูเซอมักจะเอามาเลี้ยงไว้เป็นภูติเฝ้าสวนไร่นาและป้องกันบ้านเรือน มีพระธุดงค์ของไทยบางองค์ได้ขุดเอาหัวว่านที่แก่และตายพรายแล้ว มาทำของขลังไว้ติดตัวโดยใช้การกำกับด้วยคาถาและสะกดวิญญาณไว้
เมื่อครั้งตอนที่ต้องเดินทางไปแขวงเชียงขวาง ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศลาว ติดไปทางเวียดนาม เพื่อนำทีมสำรวจอเมริกันและยุโรปสำรวจทุ่งไหหินเพื่อหาของสำคัญบางสิ่งที่ตก ค้างมาจากยุคสงครามอินโดจีน ที่ปัจจุบันยังมีอนุสรณ์ให้เห็นอยู่ที่ทุ่งไหหิน และซากปรักหักพังของอาคารต่างๆมากมาย จังหวัดเชียงขวางมีอาณาเขตกว้างใหญ่แต่ยังไม่เจริญมากนัก วัดวาอารามยังคงมีร่องรอยการถูกถล่มจากครั้งสงครามยุทธการโฮจิมินห์ คนรุ่นเก่าอายุประมาณ 50-60 ปี จะมีลักษณะ พิกลพิการแทบทุกคน เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีศิลปวัฒนธรรมคล้ายของไทยมาก มีเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนเป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันมีทางเชื่อมต่อกับเวียดนามอย่างดีและเป็นแหล่งเหมืองแร่ทองคำที่ อุดมสมบูรณ์มากทีสุดของประเทศลาว มีคนไทยไปลงทุนหลายกลุ่ม เมื่อคณะเราเดินทางไปถึงที่นั่นแล้ว ได้ สำรวจหาสิ่งที่ต้องการเข้าไปในป่าลึกที่ภูเขาที่สูงที่สุดของประเทศลาวคือ ภูเบี้ย ที่ไม่ค่อยมีคนอยู่อาศัยนอกจากชาวป่าพื้นบ้าน เผ่ากะตู้หรือลาวเทิง เผ่ามูเซอดำ และ ชาวม้งภูเขา ที่ไม่ค่อยเป็นมิตรกับคนต่างถิ่นนัก โดยเฉพาะมูเซอดำที่อยู่บนภูเขาสูงและอาบน้ำปีละครั้งเท่านั้น และเป็นที่มาของการพิสูจน์ความจริงใจโดยใช้ว่านผีโพง
ว่านผีโพงนี้ชาวบ้านแถบภาคอีสานเรียกกันว่า "ว่านกระสือ"หรือ"ว่านผีปอบ" มักขึ้นตามป่าทึบในหุบเขาเฉพาะชายแดนที่ติดกับเขมรและลาวจะพบได้บ่อย ว่านนี้คนสมัยก่อนเชื่อกันว่ามีวิญญาณร้ายสิงอยู่ ว่านชนิดนี้ชอบกินเลือดสดๆและเนื้อสัตว์ป่าเป็นอาหาร อาจารย์ไสยเวทย์ที่เป็นฆราวาสชอบนำว่านชนิดนี้มาเลี้ยงไว้เพื่อใช้ให้ทำงาน ต่างๆให้ โดยเฉพาะการสั่งให้ไปทำร้ายคู่อริหรือฝ่ายตรงข้าม ผู้ที่จะเลี้ยงว่านชนิดนี้ได้ต้องเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมแก่กล้าเข้าขั้นที เดียว จึงจะสามารถสะกดเหล่าดวงวิญญาณร้ายที่สิงอยู่ในว่านให้อยู่ภายใต้คำสั่งได้ หากมิฉะนั้นดวงวิญญาณเหล่านั้นที่อยู่ในว่านโพงจะก็จะทำร้ายและกินผู้เลี้ยง เป็นอาหารแทน หากว่าไม่สามารถสะกดดวงวิญญาณเหล่านั้นได้
ว่านนี้มีสีขาว รสฉุนร้อน เมื่อแก่จะมีธาตุปรอทลงกิน ทำให้เกิดแสงส่องสว่างแบบเรืองๆ และจะมีฤทธิ์มากในคืนเดือนมืดสนิทแรม15 ค่ำยามเที่ยงคืนถึงตีสาม พวกม้งและมูเซอมักจะเอามาเลี้ยงไว้เป็นภูติเฝ้าสวนไร่นาและป้องกันบ้านเรือน มีพระธุดงค์ของไทยบางองค์ได้ขุดเอาหัวว่านที่แก่และตายพรายแล้ว มาทำของขลังไว้ติดตัวโดยใช้การกำกับด้วยคาถาและสะกดวิญญาณไว้
มูเซอมีวิธีหาคู่กันแปลกๆ โดยในเวลา
สองทุ่มไปแล้ว หนุ่มต่างถิ่นต่างหมู่บ้าน
(เพราะหมู่บ้านเดียวกันชิมกันหมดทุกคนแล้ว) ที่เป็นมูเซอด้วยกันจะเข้าไปร้องเพลง
ทำเสียงร้องเลียนแบบเสียงสัตว์ร้องหาคู่ให้สาวสนใจ หรือเป่าใบไม้จีบสาวๆในหมู่บ้าน
ให้ลงจากเรือนมาหา และเกี่ยวก้อยกันไปหาความสุขในป่า ห้ามใช้บ้านเป็นสังเวียนสวาทโดยเด็ดขาดหากยังไม่มัดมือผูกตีนตามประเพณี
หากสาวใดพึงใจในรสสวาทของหนุ่มต่างถิ่นก็จะนัดแนะให้หนุ่มนั้นมาสู่ขอกับพ่อ แม่เธออีกในวันต่อมา
โดยใช้แค่ไก่หรือหมู่ป่าหนึ่งตัวมาเป็นสินสอด ฟังดูเหมือนง่ายๆและสาวมูเซออายุเพียงแค่15
ปี มีครอบครัวกันหมดทุกคน ไม่มีใครเหลือเป็นสาวแก่ขึ้นคานเลย ไม่ว่าจะสวยหรือไม่สวยอย่างไร
เรื่องเด็ดๆมันมาจากเหตุนี้เอง
ริชาร์ดเป็นอเมริกันหนุ่มอายุเพียง 30 ปี รูปร่างดีและหล่อเข้มตามสไตล์คนตะวันตก มีนิสัยรักสนุกและอยากรู้อยากเห็นตามประสาคนรุ่นใหม่ คืนนั้นหลังจากเรานั่งคุยกันและดื่มเหล้าข้าวโพดของชาวเขาที่แอบไปซื้อมา เพื่อให้หายหนาวแล้ว เราคุยกันถึงเรื่องสาวมูเซอที่ชอบออกไปล่าแต้มในป่ากว่าจะได้ของดีก็คงใช้ เวลาเป็นเดือนๆ จนริชาร์ดสนใจซักถามรายละเอียดจากคนลาวที่อยู่ในทีม เมื่อสามทุ่มไปแล้ว เขากับคนท้องถิ่นได้หายไป เราทุกคนก็คิดกันว่าเขาคงไปดูการเลือกคู่ของสาวมูเซอแบบอยากรู้อยากเห็น ทุกคนก็คุยกันสนุกสนานไปแบบผู้ชายล้วนๆ จนได้เวลาห้าทุ่มเล็กน้อยขณะที่ทุกคนกำลังมึนได้ที่อยู่นั้น เสียงวิ่งคึ่กๆเหมือนม้าเข้ามาอย่างเร็ว
“น๊ายเอ๋ย ตายโลด นายฝารั๊งเอาเมียถะแหมที่ในโคก” (พยายามแปลเป็นไทยแล้วนะ เอาแบบไทยๆดีกว่านะ)
“แล้วจะให้ทำไงล่ะ เขาชอบกันก็ปล่อยเขาซิ” บ่แม่นจังซั่น มันสิขะลำเด้นาย (มันไม่ใช่แบบนั้น มันผิดประเพณี)
พักเดียวเจ้าหนุ่มริชาร์ด เดินหน้าม่อยเข้ามาในเต็นท์พร้อมร้องลั่น " Help me please ๆๆๆๆ "
ยัง ไม่ทันสิ้นเสียงร้องของหนุ่มฝรั่งผู้โชคร้าย สาวน้อยอายุไม่มากนัก เดินกระมิดกระเมี้ยนออกมาจากเงามืดข้างเต็นท์ พร้อมเข้ามานั่งกอดว่าที่สามีอย่างแนบแน่นหลังจากที่เพิ่งได้กันมาหลัดๆ อย่างหลงใหล และเอียงหน้ามองเราแบบไม่เข้าใจว่าเราคุยอะหยังกัน
“พรุ่งนี้พ่อเฒ่ามันคงเอาเรื่องนายแน่ (เอาแบบไทยนะครับ) เตรียมตัวให้ดีนะนาย"
ริชาร์ดเป็นอเมริกันหนุ่มอายุเพียง 30 ปี รูปร่างดีและหล่อเข้มตามสไตล์คนตะวันตก มีนิสัยรักสนุกและอยากรู้อยากเห็นตามประสาคนรุ่นใหม่ คืนนั้นหลังจากเรานั่งคุยกันและดื่มเหล้าข้าวโพดของชาวเขาที่แอบไปซื้อมา เพื่อให้หายหนาวแล้ว เราคุยกันถึงเรื่องสาวมูเซอที่ชอบออกไปล่าแต้มในป่ากว่าจะได้ของดีก็คงใช้ เวลาเป็นเดือนๆ จนริชาร์ดสนใจซักถามรายละเอียดจากคนลาวที่อยู่ในทีม เมื่อสามทุ่มไปแล้ว เขากับคนท้องถิ่นได้หายไป เราทุกคนก็คิดกันว่าเขาคงไปดูการเลือกคู่ของสาวมูเซอแบบอยากรู้อยากเห็น ทุกคนก็คุยกันสนุกสนานไปแบบผู้ชายล้วนๆ จนได้เวลาห้าทุ่มเล็กน้อยขณะที่ทุกคนกำลังมึนได้ที่อยู่นั้น เสียงวิ่งคึ่กๆเหมือนม้าเข้ามาอย่างเร็ว
“น๊ายเอ๋ย ตายโลด นายฝารั๊งเอาเมียถะแหมที่ในโคก” (พยายามแปลเป็นไทยแล้วนะ เอาแบบไทยๆดีกว่านะ)
“แล้วจะให้ทำไงล่ะ เขาชอบกันก็ปล่อยเขาซิ” บ่แม่นจังซั่น มันสิขะลำเด้นาย (มันไม่ใช่แบบนั้น มันผิดประเพณี)
พักเดียวเจ้าหนุ่มริชาร์ด เดินหน้าม่อยเข้ามาในเต็นท์พร้อมร้องลั่น " Help me please ๆๆๆๆ "
ยัง ไม่ทันสิ้นเสียงร้องของหนุ่มฝรั่งผู้โชคร้าย สาวน้อยอายุไม่มากนัก เดินกระมิดกระเมี้ยนออกมาจากเงามืดข้างเต็นท์ พร้อมเข้ามานั่งกอดว่าที่สามีอย่างแนบแน่นหลังจากที่เพิ่งได้กันมาหลัดๆ อย่างหลงใหล และเอียงหน้ามองเราแบบไม่เข้าใจว่าเราคุยอะหยังกัน
“พรุ่งนี้พ่อเฒ่ามันคงเอาเรื่องนายแน่ (เอาแบบไทยนะครับ) เตรียมตัวให้ดีนะนาย"
คืนนั้นเราต้อง ยกเต็นท์ให้เป็นเรือนหอจำเป็นให้หนุ่มผู้หลงสาปมูเซอไปทั้งหลัง
โดยทุกคนไปรวมนอนในเต็นท์อีกหลังอย่างขำๆในชะตาชีวิตที่กำลังจะเพิ่มความ ยุ่งยากให้คนในกลุ่ม
ยังไม่ทันฟ้าจะสว่างดี เรายังไม่ลุกจากที่นอนกัน
เปรี้ยง...เสียง ดังหนักๆ ปานหูจะแตกดังข้างๆเต็นท์หลังที่หนุ่มผู้โชคดีและโชคร้ายในเวลาเดียวกันนอน กกสาวอยู่ จากปืนแก๊ปล่าสัตว์ในมือของผู้เฒ่าตัวดำปี๋ที่ยืนล้อมอยู่กับคนป่าอีกสี่คน พร้อมปืนและมีดครบมือ
คนท้องถิ่นของเรารีบเข้าไปเป็นล่ามเจรจาและหันมาหาเรา “ พ่อนังหนูคนนั้น มันจะเรียกค่าเสียหายและจะเอาเรื่องหากไม่ทำให้ถูกพิธี”
“บอก เขาไปเลยว่า พวกเรายินดีจะทำทุกอย่างให้ตามประเพณีและไม่ต้องการมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น” ผมบอกเขาไปแบบนั้น ทั้งๆที่มองแล้วเจ้าหนุ่มริชาร์ด คงไม่คิดแต่งงานอยู่ที่นี่แน่
สรุปว่าเราจะจัดหมูและไก่อย่างละตัวพร้อมเงินอีก 2000 กีบไปไหว้ขอขมาและผูกมือในอีกสองวันถัดจากนั้น ขอเวลาให้ได้คุยกับคนของเราก่อน ผู้เฒ่าฟังแล้วก็ไม่ว่าอะไร เดินเข้ามาฉุดแขนลูกสาวไปจากอ้อมกอดของริชาร์ดพร้อมกับลากกลับบ้านไปอย่าง ไม่พอใจ
ใน วันนัดเราจัดของทุกอย่างตามที่ได้บอกไว้ และเดินไปที่บ้านของสาวเจ้าแต่เช้าตรู่ เมื่อถึงแล้วเราพบคนอยู่ที่นั่นมากมายและมีการเลี้ยงเหล้าป่าต้มจากข้าวโพด กันแต่เช้า หลังจากเอาของมอบให้พ่อสาวน้อยเรียบร้อยแล้ว ล่ามของเราบอกว่าหลังแต่งงานแล้วริชาร์ดต้องอยู่กับเมียที่บ้านของผู้เฒ่า และช่วยงานตามประเพณีชาวเขา เมื่อริชาร์ดฟังยังไม่ทันจบเขาร้องออกมาคำเดียว โนๆๆๆ และไม่ยอมผูกมือตามประเพณีที่เจ้าบ้านเขาเตรียมของมาแล้ว ผู้เฒ่าโกรธและไม่พอใจมาก ผมต้องไปยกมือไหว้และให้ล่ามแปลเป็นภาษาภูเขาแบบเน้นๆว่า
“ต้องกราบขอโทษผู้เฒ่าด้วยที่คนของเราทำเรื่องให้ต้องเสียใจ แต่เขาเป็นคนต่างถิ่นและไม่เข้าใจในประเพณีที่สืบมานานของชาวเขา ขอให้ยกโทษให้เขาสักครั้ง หากมีอะไรที่ผมทำได้เพื่อให้เป็นการไถ่โทษผมจะทำให้ทันที นึกเสียว่าลูกหลานกราบขอโทษสักครั้งเถอะ สำหรับของทั้งหมดผมก็ยกให้พ่อเฒ่าตามเดิม”
“ได้นาย เห็นแก่นายที่รับผิด แต่ต้องขอถามผีเรือนก่อนว่าจะยกโทษให้เขาหรือไม่ เขาคนนั้นที่มาทำผิดประเพณีเราต้องเอามือล้วงเข้าไปในไหว่านผีโพง หากไม่เป็นอะไร ก็แสดงว่าไม่ผิดผีของเรา ก็ไม่ถือโทษโกรธอีกแล้ว”
เปรี้ยง...เสียง ดังหนักๆ ปานหูจะแตกดังข้างๆเต็นท์หลังที่หนุ่มผู้โชคดีและโชคร้ายในเวลาเดียวกันนอน กกสาวอยู่ จากปืนแก๊ปล่าสัตว์ในมือของผู้เฒ่าตัวดำปี๋ที่ยืนล้อมอยู่กับคนป่าอีกสี่คน พร้อมปืนและมีดครบมือ
คนท้องถิ่นของเรารีบเข้าไปเป็นล่ามเจรจาและหันมาหาเรา “ พ่อนังหนูคนนั้น มันจะเรียกค่าเสียหายและจะเอาเรื่องหากไม่ทำให้ถูกพิธี”
“บอก เขาไปเลยว่า พวกเรายินดีจะทำทุกอย่างให้ตามประเพณีและไม่ต้องการมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น” ผมบอกเขาไปแบบนั้น ทั้งๆที่มองแล้วเจ้าหนุ่มริชาร์ด คงไม่คิดแต่งงานอยู่ที่นี่แน่
สรุปว่าเราจะจัดหมูและไก่อย่างละตัวพร้อมเงินอีก 2000 กีบไปไหว้ขอขมาและผูกมือในอีกสองวันถัดจากนั้น ขอเวลาให้ได้คุยกับคนของเราก่อน ผู้เฒ่าฟังแล้วก็ไม่ว่าอะไร เดินเข้ามาฉุดแขนลูกสาวไปจากอ้อมกอดของริชาร์ดพร้อมกับลากกลับบ้านไปอย่าง ไม่พอใจ
ใน วันนัดเราจัดของทุกอย่างตามที่ได้บอกไว้ และเดินไปที่บ้านของสาวเจ้าแต่เช้าตรู่ เมื่อถึงแล้วเราพบคนอยู่ที่นั่นมากมายและมีการเลี้ยงเหล้าป่าต้มจากข้าวโพด กันแต่เช้า หลังจากเอาของมอบให้พ่อสาวน้อยเรียบร้อยแล้ว ล่ามของเราบอกว่าหลังแต่งงานแล้วริชาร์ดต้องอยู่กับเมียที่บ้านของผู้เฒ่า และช่วยงานตามประเพณีชาวเขา เมื่อริชาร์ดฟังยังไม่ทันจบเขาร้องออกมาคำเดียว โนๆๆๆ และไม่ยอมผูกมือตามประเพณีที่เจ้าบ้านเขาเตรียมของมาแล้ว ผู้เฒ่าโกรธและไม่พอใจมาก ผมต้องไปยกมือไหว้และให้ล่ามแปลเป็นภาษาภูเขาแบบเน้นๆว่า
“ต้องกราบขอโทษผู้เฒ่าด้วยที่คนของเราทำเรื่องให้ต้องเสียใจ แต่เขาเป็นคนต่างถิ่นและไม่เข้าใจในประเพณีที่สืบมานานของชาวเขา ขอให้ยกโทษให้เขาสักครั้ง หากมีอะไรที่ผมทำได้เพื่อให้เป็นการไถ่โทษผมจะทำให้ทันที นึกเสียว่าลูกหลานกราบขอโทษสักครั้งเถอะ สำหรับของทั้งหมดผมก็ยกให้พ่อเฒ่าตามเดิม”
“ได้นาย เห็นแก่นายที่รับผิด แต่ต้องขอถามผีเรือนก่อนว่าจะยกโทษให้เขาหรือไม่ เขาคนนั้นที่มาทำผิดประเพณีเราต้องเอามือล้วงเข้าไปในไหว่านผีโพง หากไม่เป็นอะไร ก็แสดงว่าไม่ผิดผีของเรา ก็ไม่ถือโทษโกรธอีกแล้ว”
แกเข้าไปใน กระท่อมแล้วยกไหเก่าๆมาหนึ่งใบ
แบบระมัดระวัง เราไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่ในไหนั่น แกเอาเขียดหนึ่งตัวใส่เข้าไปในไหใบนั้น
ทันทีที่เขียดลงไปแล้ว แอ๊บบบ เสียงร้องดังลั่นและเงียบลงทันที เราทุกคนคิดว่าเป็นงูเห่าหรืองูอะไรสักอย่างที่อยู่ในไหนั้น
จึงบอกว่า
“จะเอางูมาทำอะไรหรือพ่อเฒ่า แล้วจะรู้ว่าผิดผีได้อย่างไรก็เป็นงูอยู่ในไหเห็นๆแบบนี้”
“ใครว่างู เอ้าดูซะ นี่เป็นว่านโพงของเราเองที่เลี้ยงไว้ดูแลบ้าน”
แกตะแคงไหให้เราดูชัดๆ กระดูกกบและซากเขียดเมื่อกี้ยังเห็นอยู่ก้นไหพร้อมๆกับหัวว่านแห้งๆ ขนาดกำปั้นมองเห็นชัดๆ แกนั่งลงว่าคาถาอะไรพึมพำเบาๆฟังไม่รู้เรื่อง และเอาไก่ตัวที่เราเอาไปเป็นสินสอดมาหักคอเชือดเอาเลือดสดๆ ไห้รดลงบนหัวว่านในไหใบนั้น แบบต่อหน้าต่อตาเราทุกคนที่ยืนอึดอัดมากในการกระทำของแก
กลิ่นคาวเลือดพร้อมกลิ่นเหียนชวนอาเจียนโชยออกมาจากในไห จนทุกคนต้องปิดจมูกและหันหน้าหนี
“เอ้า ดูไว้ซะ นี่คือของดีของเผ่าเรา คนต่างถิ่นจะได้รู้จักดีในคราวนี้”
แกตะแคงไหอีกครั้ง หัวว่านพองโตและมีแสงวาวๆเรืองๆ พร้อมกลิ่นที่เหม็นมากกว่าเก่า ริชาร์ดเหงื่อแตกหันมามองผมแล้วสั่นหัวและจะเดินหนี ผมต้องเขาไปคุยเพื่อให้เขาใจเย็นๆและอย่าทำอะไรให้เสียงานใหญ่ที่เรากำลังมา ทำอยู่ในท้องถิ่นนี้ ผมบอกเขาว่า
“จะให้ของดีที่ผีทุกชนิดในโลกกลัวและทำอันตรายไม่ได้ ขอให้ทำใจให้สงบและอย่ากลัวอะไร”
ผม เอาสร้อยพระจากในคอทั้งเส้นที่แขวนพระประจำตัวที่ลุยมาแล้วมากมาย สวมใส่คอของริชาร์ดโดยให้เขาถอดรองเท้าเพื่อให้เท้าสัมผัสดิน และให้เขายกมือพนมไหว้และเอาพระใส่ในมือและผมพูดเบาๆหลังจากสวดอาราธนาว่า
“ขออำนาจพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ และอำนาจจิตจากหลวงปู่ทิม หลวงปู่กวย หลวงปู่ดู่ และพลังอำนาจวิเศษจากครูบาอาจารย์ที่ได้เคยช่วยเหลือผมมาแล้วหลายครั้ง จงช่วยคุ้มครองรักษาและป้องกันอันตรายให้นายริชาร์ดอีกสักครั้งเพื่อให้มี โอกาสกลับไปทำบุญกุศลในประเทศไทย ขอให้พระแม่ธรณีจงเป็นสื่อถึงพลังอำนาจต่างๆด้วยเถิด”
หลังจากนั้น ผมจูงมือริชาร์ดเข้าไปหาผู้เฒ่าและบอกว่าพร้อมแล้วพร้อมบีบมือริชาร์ดแรงๆ และบอกว่า
“ขอให้การเสี่ยงทายมีครั้งเดียวและหากไม่มีอะไร ก็ขอให้เลิกแล้วต่อกัน”
ซึ่งทุกคนที่อยู่เป็นพยานได้ยินและยอมรับเงื่อนไขนี้ ริชาร์ดเอามือสั่นๆล้วงลงไปในไหใบนั้นโดยมีผมยืนข้างๆกำมือเขาไว้ข้างหนึ่ง เอามือตบหลังเขาแรงๆ เขากำเอาหัวว่านนั้นขึ้นมาจากไห โดยมีกลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทั่ว และเอามาวางลงนอกไห ว่านหัวนั้นแห้งฝ่อลงไปทันทีและไม่มีแสงแวววาวอย่างแต่ก่อนแล้ว พ่อเฒ่าร้องเสียงดังลั่นและรีบเก็บว่านเข้าไหอย่างเดิม เดินเร็วๆไปเอาเขียดที่ขังไว้หลังกระท่อมมาหนึ่งตัว หย่อนลงไปในไหอีกครั้ง เงียบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบก่อนหน้า ว่านโพงหัวนั้นได้ถูกทำลายอาคมที่กำกับไว้เสียแล้วและวิญญาณหิวโหยได้ถูก ปล่อยเป็นอิสระไปสู่สุขคติแล้ว
เราทุกคนแยกย้ายกันกลับมายังเต็นท์ที่พัก และคุยกันเรื่องนี้อีกหลายวัน ริชาร์ดจะไม่ยอมคืนสร้อยคอเส้นนั้นจนต้องขู่ว่า หากเจ้าของไม่เต็มใจมอบไห้ หรือไม่ใช่ของคู่กายมาแต่เดิมแล้ว หากคนอื่นขโมยหรือแอบเอาไปก็ใช้ไม่ได้ผล พระเครื่องบางอย่างจะเป็นของคู่ชีวิต และสามารถสื่ออำนาจจิตกับคนบางคนได้เท่านั้น เมื่อกลับเมืองไทยผมได้หาให้เขาครบชุดแบบที่เขาอยากได้ จนทุกวันนี้หากเขามาเมืองไทยเราก็อวดพระกันทุกครั้ง เมืองไทยมีของดีของวิเศษมากจริงๆหากเรารู้จักและใช้ให้เป็น
“จะเอางูมาทำอะไรหรือพ่อเฒ่า แล้วจะรู้ว่าผิดผีได้อย่างไรก็เป็นงูอยู่ในไหเห็นๆแบบนี้”
“ใครว่างู เอ้าดูซะ นี่เป็นว่านโพงของเราเองที่เลี้ยงไว้ดูแลบ้าน”
แกตะแคงไหให้เราดูชัดๆ กระดูกกบและซากเขียดเมื่อกี้ยังเห็นอยู่ก้นไหพร้อมๆกับหัวว่านแห้งๆ ขนาดกำปั้นมองเห็นชัดๆ แกนั่งลงว่าคาถาอะไรพึมพำเบาๆฟังไม่รู้เรื่อง และเอาไก่ตัวที่เราเอาไปเป็นสินสอดมาหักคอเชือดเอาเลือดสดๆ ไห้รดลงบนหัวว่านในไหใบนั้น แบบต่อหน้าต่อตาเราทุกคนที่ยืนอึดอัดมากในการกระทำของแก
กลิ่นคาวเลือดพร้อมกลิ่นเหียนชวนอาเจียนโชยออกมาจากในไห จนทุกคนต้องปิดจมูกและหันหน้าหนี
“เอ้า ดูไว้ซะ นี่คือของดีของเผ่าเรา คนต่างถิ่นจะได้รู้จักดีในคราวนี้”
แกตะแคงไหอีกครั้ง หัวว่านพองโตและมีแสงวาวๆเรืองๆ พร้อมกลิ่นที่เหม็นมากกว่าเก่า ริชาร์ดเหงื่อแตกหันมามองผมแล้วสั่นหัวและจะเดินหนี ผมต้องเขาไปคุยเพื่อให้เขาใจเย็นๆและอย่าทำอะไรให้เสียงานใหญ่ที่เรากำลังมา ทำอยู่ในท้องถิ่นนี้ ผมบอกเขาว่า
“จะให้ของดีที่ผีทุกชนิดในโลกกลัวและทำอันตรายไม่ได้ ขอให้ทำใจให้สงบและอย่ากลัวอะไร”
ผม เอาสร้อยพระจากในคอทั้งเส้นที่แขวนพระประจำตัวที่ลุยมาแล้วมากมาย สวมใส่คอของริชาร์ดโดยให้เขาถอดรองเท้าเพื่อให้เท้าสัมผัสดิน และให้เขายกมือพนมไหว้และเอาพระใส่ในมือและผมพูดเบาๆหลังจากสวดอาราธนาว่า
“ขออำนาจพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ และอำนาจจิตจากหลวงปู่ทิม หลวงปู่กวย หลวงปู่ดู่ และพลังอำนาจวิเศษจากครูบาอาจารย์ที่ได้เคยช่วยเหลือผมมาแล้วหลายครั้ง จงช่วยคุ้มครองรักษาและป้องกันอันตรายให้นายริชาร์ดอีกสักครั้งเพื่อให้มี โอกาสกลับไปทำบุญกุศลในประเทศไทย ขอให้พระแม่ธรณีจงเป็นสื่อถึงพลังอำนาจต่างๆด้วยเถิด”
หลังจากนั้น ผมจูงมือริชาร์ดเข้าไปหาผู้เฒ่าและบอกว่าพร้อมแล้วพร้อมบีบมือริชาร์ดแรงๆ และบอกว่า
“ขอให้การเสี่ยงทายมีครั้งเดียวและหากไม่มีอะไร ก็ขอให้เลิกแล้วต่อกัน”
ซึ่งทุกคนที่อยู่เป็นพยานได้ยินและยอมรับเงื่อนไขนี้ ริชาร์ดเอามือสั่นๆล้วงลงไปในไหใบนั้นโดยมีผมยืนข้างๆกำมือเขาไว้ข้างหนึ่ง เอามือตบหลังเขาแรงๆ เขากำเอาหัวว่านนั้นขึ้นมาจากไห โดยมีกลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทั่ว และเอามาวางลงนอกไห ว่านหัวนั้นแห้งฝ่อลงไปทันทีและไม่มีแสงแวววาวอย่างแต่ก่อนแล้ว พ่อเฒ่าร้องเสียงดังลั่นและรีบเก็บว่านเข้าไหอย่างเดิม เดินเร็วๆไปเอาเขียดที่ขังไว้หลังกระท่อมมาหนึ่งตัว หย่อนลงไปในไหอีกครั้ง เงียบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบก่อนหน้า ว่านโพงหัวนั้นได้ถูกทำลายอาคมที่กำกับไว้เสียแล้วและวิญญาณหิวโหยได้ถูก ปล่อยเป็นอิสระไปสู่สุขคติแล้ว
เราทุกคนแยกย้ายกันกลับมายังเต็นท์ที่พัก และคุยกันเรื่องนี้อีกหลายวัน ริชาร์ดจะไม่ยอมคืนสร้อยคอเส้นนั้นจนต้องขู่ว่า หากเจ้าของไม่เต็มใจมอบไห้ หรือไม่ใช่ของคู่กายมาแต่เดิมแล้ว หากคนอื่นขโมยหรือแอบเอาไปก็ใช้ไม่ได้ผล พระเครื่องบางอย่างจะเป็นของคู่ชีวิต และสามารถสื่ออำนาจจิตกับคนบางคนได้เท่านั้น เมื่อกลับเมืองไทยผมได้หาให้เขาครบชุดแบบที่เขาอยากได้ จนทุกวันนี้หากเขามาเมืองไทยเราก็อวดพระกันทุกครั้ง เมืองไทยมีของดีของวิเศษมากจริงๆหากเรารู้จักและใช้ให้เป็น
****************************************************
เรื่องราวในยุทธจักรพระล้วนซับซ้อน ไม่ว่าจะพระที่มีชีวิตหรือพระเครื่องก็ชวนปวดหัวคือกัน มีหลายอย่างที่หมกกันไว้โดยลูบหน้าปะจมูกมานานแล้วเพราะเอื้อเฟื้อประโยชน์กันเป็นขบวนการใหญ่ คนดีๆก็พอมีแต่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะเกี่ยวพันกันหลายฝ่าย ไม่มีใครอยากเอาคอไปพาดเขียงที่มีหลายมีดโต้รอสับอยู่ คนที่ตะกายดาวเพื่อปีนขึ้นไปอยู่บนสำนักบู๊ตึ๊งได้แล้วนั้นย่อมมีศิษย์และลูกน้องกันแทบทุกคนและทำได้ทุกอย่างเพื่อรักษาผลประโยชน์พวกพ้อง ซึ่งผลประโยชน์ในวงการพระไม่ใช่แค่ร้อยล้านในแต่ละปี แต่หลายพันล้านและยังเกี่ยวพันโยงใยในวงวานว่านเครือกันไปจนไล่หางว่าวไม่สิ้นสุดแบบแบ่งทางกันถ้อยทีถ้อยอาศัย
.
บรรยากาศในห้างพระนั้นหากใครเคยไปเดินจะแทบขาขวิดและอึดอัดมาก เดินไปทางไหนจะมีเสียงถามตลอดว่า “มีอะไรมาปล่อยไหมพี่” หากเราเดินเฉยผ่านไปแต่ถือถุงหรืออะไรน่าสงสัย จะมีสัญญาณมือส่งไปถึงโต๊ะต่อๆไป บางคนจะปวดหัวอึดอัดกับพลังแปลกๆที่ลอยอบอวลในห้างพระ พลังอำนาจทั้งพระทั้งผีที่มีเต็มไปหมด เคยพาคนฝึกฝนทางจิตชาวทิเบตไปเที่ยวดูตลาดพระเมืองไทย เขาตกใจว่าพลังงานไม่ดีมีมากได้อย่างไรในหมู่ร้านพระเครื่องที่เราคนไทยเคารพบูชา
.
บล๊อคเหรียญไพรีพินาศ(ไม่บอกว่าวัดไหน)ที่ยังอยู่และผลิตทายาทออกมาแบบไม่ปิดอู่ทุกวันนี้ทำให้คนขยาดไปกว่าครึ่ง เหรียญไตรภาคีอันดับหนึ่งเมืองไทยหลวงพ่อจังหวัดภาคกลางแบบใบเสมา และเหรียญหลักไตรภาคีจังหวัดชายทะเลใกล้กรุงเทพรูปไข่ ชุดตกค้างโรงปั๊มเป็นกระป๋องที่ออกมาขายทีละเหรียญก็หลักล้าน ยังทำให้ลือกันไม่จบทุกวันนี้ พระหลวงปู่ทวดโลหะ(ไม่ได้ระบุวัด)ที่ตกค้างเป็นลังเพราะหล่อเกินเพื่อสำรองกันเสียที่กรุงเทพก็เป็นปัญหาซ่อนในมุมมืด สมเด็จหล่อเนื้อโลหะผสมของหลวงพ่อในจังหวัดสิงห์บุรีที่บล๊อคยังอยู่ในโรงงานก็ยังเป็นเสี้ยนตำใจทำให้ราคาไม่ขยับแม้จะเป็นพระเครื่องที่ดีมากๆ
.
พระกริ่งสายวัดสุทัศน์หลายรุ่นยังไปเจอแม่แบบ(ต้นแบบพระที่ไม่ใช่หุ่นเทียน)เก็บอยู่ที่โรงงานชื่อ พ. ทำให้วุ่นๆกันอยู่พักหนึ่งและราคาร่วงลงมามาก พระพุทโธน้อยเนื้อดิน(ไม่บอกว่าของวัดไหน) แน่ใจหรือว่าสร้างและเข้าพิธีพร้อมกันทั้งหมด มาตรฐานยุคเก่าจะดูหน้าของพระว่าหน้าพิมพ์ใดจะคู่กับหลังยันต์อะไรเป็นสำคัญ พระผงพรายกุมาร(ยังไม่ได้บอกว่าของวัดใด)ที่สลับความจริงไปเกือบหมดสิ้นแล้ว พระผงขาวๆของหลวงปู่ผู้มีบารมีมากล้นแห่งเมืองหลวงเก่าที่ปัญหามากมายเรื่องทันหรือไม่ทันเสกเพราะพิมพ์ใช่เนื้อถูกแต่ผิดธรรมชาติ และบล๊อคตัวจริงเสียงจริงจำนวนกว่าสิบชุดของพระเนื้อผงเนื้อดินจากวัดทางภาคกลางที่หลวงพ่อละสังขารแล้วแต่ยังไม่เน่าเปื่อยวัดหนึ่งก็ไปตกอยู่กับคนชื่อจีนๆ วงในรู้กันดีว่าบล๊อคชุดนั้นของจริงแท้แน่นอน ทุกวันนี้กดเองเสกเองและออกมาสู่วงการพระทุกอาทิตย์แบบอีกสิบปีก็ไม่หมดแต่ครั้งละไม่มากให้ตื่นตกใจ พิมพ์น่ะหรือ 99.9% เนื้อไม่ไกลความจริงแต่ธรรมชาติความเก่ายังต้องพัฒนาอีกไม่น้อย
.
เหรียญดังของเมืองระยองหลักแสนกว่าๆสองแบบก็ปล่อยมาแล้ว ของสกลนคร ชัยนาท เพชรบุรี ของพัทลุง เชียงใหม่และกทม.อีกนิดหน่อย(รู้เท่าที่คนโดนมาโวยวาย) เขาจะเน้นเหรียญช่วงปี 2510 เป็นต้นมาแบบปั๊มนูนสูงตัดด้วยเครื่อง เพราะสแกนถอดแบบได้ละเอียด อย่าไปคิดว่าทำได้ไม่เหมือนหรอก บางชิ้นส่วนของเครื่องจักรไฮเทคบางอย่างต้องใช้ความละเอียดมากกว่าปลอมพระเครื่องพวกเหรียญมากนัก เขาก็ยังทำได้เหมือนเต็มร้อย เรื่องขอบข้างรอยตัดนั้นไม่สามารถใช้ได้100%อีกต่อไปแต่ก็ยังใช้ประกอบการพิจารณาได้มากกว่าหน้าและหลังเหรียญ แม้แต่เหรียญจตุรพิธของหลวงพ่อกวยที่อาจารย์ชื่อดังโดนไปนับร้อยๆเหรียญนั้น รู้กันหรือไม่ว่าเมื่อคืนกันแล้วมีการผ่องถ่ายไปออกตัวที่ไหนพร้อมกับพี่น้องท้องเดียวกันที่คลอดมาพร้อมๆกันอีกนับพันชิ้น
.
เรื่องเหล่านี้เป็นน้ำจิ้มรสเผ็ดแค่สิบเปอร์เซ็นต์ในวงการพระ เอาแค่หอมปากหอมคอพอเป็นแนวทางระวังระไวก็แล้วกัน เว้นช่องว่างให้เขาทำมาหากินกันตามอัธยาศัย โดยเรื่องพวกนี้ไม่ได้ยกเมฆมาเล่าเอามันส์ หากใครมีเพื่อนพ้องวงในระดับเซียนเหยียบเมฆที่อยู่บนหอคอยงาช้างก็สอบถามกันดูเอาได้และจะตกใจกับเรื่องแรงกว่านี้อีกมากที่ขยิบตาเหยียบตีนกันไว้ บางอย่างเคยมีคนถ่ายภาพมาลงไว้ในหนังสือพระรุ่นเก่าๆเมื่อมีการท้าพิสูจน์และพูดแดกดันท้าทายกันมาแล้ว และคนที่แฉเรื่องเตือนใจแบบนี้ก็ถูกขับออกจากกลุ่มเพื่อนนักนิยมพระโดยหาว่านอกคอกคิดล้างครู ทั้งๆที่เขาเจตนาตีแผ่เรื่องไม่ดีเพื่อคนรุ่นหลัง เหล่าวัวสันหลังหวะก็ไล่ขวิดเขาโดยคนอื่นๆได้แต่มองเฉยเพราะขาเจ็บตาแตกด้วยกันแล้วแทบทุกคน คนที่ท้าทายว่าไม่มีจริงก็เงียบไปไม่พูดอะไรอีก ทำเป็นพูดว่ามันก็ได้แต่โจมตีเพราะอยากดังเท่านั้นแต่เมื่อเขาท้าล้างตาก็เงียบฉี่ แม้แต่ที่เอามาเล่าเตือนใจโดยระวังไม่ระบุให้ใครเสียหายแบบนี้เดี๋ยวก็มีก้อนหินโยนมาลองเชิงแน่นอน ไม่ในเวปนี้ก็ในเวปอื่นเพราะร้อนตัวหรือตำใจก็เหลือจะเดาถูก
.
นี่คือวงการพระเครื่องเมืองไทย แดนสนธยาที่แสนลึกลับและซับซ้อนทั้งเป็นวังวนที่วังเวงและจะไม่มีใครสามารถจัดระเบียบให้เรียบร้อยขาวสะอาดได้เลยตราบเท่าที่ยังใช้เงินเป็นตัวแลกเปลี่ยนเพื่อบูชาพระแท้ เมื่อใดที่พระเครื่องมีแค่แจกฟรีเท่านั้นจึงจะไม่มีคนทำปลอมดังเช่นยุคสมัยของสมเด็จโตวัดระฆัง ที่ท่านทำแจกฟรีไปเรื่อยๆโดยคนนับถือศรัทธาก็เพียงรอขอรับจากท่าน และเมื่อมีค่านิยมมากขึ้นจนต้องแลกเปลี่ยนด้วยเงินเพื่อครอบครองก็มีคนทำเลียนแบบคือยายขำ
.
บนห้างพระเครื่องแทบทุกที่นั้นอีกไม่นานก็ต้องปิดซ่อมบำรุงใหญ่เพราะทั้งพื้นและผนังโดยรอบมีแต่รอยเขี้ยวลงลึกไปทุกตารางนิ้ว คนธรรมดาๆเดินไปโดยไม่ระวังตัวก็อาจโดนปังตอเจ็บตัวได้ ความรอบรู้รอบคอบและระมัดระวังละเอียดลออ ไม่อยากได้ไม่อยากมี ไม่อยากดีไม่อยากเก็บคือเกราะป้องกันระดับหนึ่ง สิ่งที่ทุกวันนี้ยังขาดๆเกินๆคือเนื้อแท้และอายุเวลาตามธรรมชาติจริงๆที่ระดับปรมาจารย์ใช้เป็นข้อยุติในการพิจารณา เล่าเป็นเกร็ดความรู้เพื่อเตือนใจว่าเดี๋ยวนี้เขาทำได้แล้วทุกอย่าง อย่าคิดแบบเก่าๆอีกเลย คนที่ว่าแน่กว่าท่านก็โดนมาแล้วและโดนทีหนึ่งๆไม่ใช่หลักหมื่น เซียนด้วยกันเองเผลอเมื่อไรยังเลือดสาด เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วแบบคำที่ว่า “เสือไม่กินเนื้อเสือด้วยกัน” ผิดพลาดพลั้งเผลอเป็นโดน
****************************************************
ลุงจอร์เด
---------------------------------------
หากใครรู้จักพรานกะเหรี่ยงชื่อดังในหมู่บ้านกะเหรี่ยงที่อยู่ห่างฝั่งสังขละบุรีไป 45 กิโลเมตรเข้าไปในฝั่งพม่า ที่ชื่อ ลุงว่าแฉะ และลุงจอร์เด ลองสอบถามดู ลุงสองคนอายุมากกว่า 68 แต่ ยังแข็งแรงมาก สองคนนี้เป็นพรานไพรและเดินป่ามาทั้งชีวิต เล่นของตามวิธีพรานกะเหรี่ยง ยังชีพมาด้วยอาชีพพรานมานานมาก และผ่านร้อนหนาวมาจนฟังแล้วไม่อยากเชื่อ แกนั่งรถไม่ได้ต้องเดินเท่านั้น นั่งรถแล้วตาลายหน้ามืด ทั้งร่างกายมีแต่ร่องรอยและอนุสรณ์จากอุบัติเหตุ จากสัตว์ป่าและการต่อสู้ กินว่านทุกวันตามความเชื่อ เชื่อผีและนางไม้ ฟังเสียงสัตว์จากการเอาหูแนบพื้น และสังเกตุดูอาการของสัตว์ที่เห็นยังบอกได้ว่ามีอะไรอยู่ข้างหน้า เช่นฟังเสียงลิงร้อง ก็บอกได้ว่ามีงูอยู่บนทางเดินข้างหน้า ตอนนี้แกรวยแล้วมีเงินสร้างบ้านใหญ่โตและสบายไปแล้ว จากการทำงานร่วมกันแค่สามปี
.
ลุงจอร์เด พรานป่าพื้นบ้านอายุมากกว่าหกสิบปี ไม่มีเมียเป็นเรื่องเป็นราว คนในหมู่บ้านกะเหรี่ยงบอกว่าเมียกี่คนของลุงในหมู่บ้านก็ต้องตายหมดมากกว่า ห้าคนแล้ว เพราะลุงจอร์เดมีเมียเป็นนางไม้ในป่าลึกมาแล้ว จะมามีเมียเป็นคนอีกไม่ได้ เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนที่เข้าไปล่าสัตว์ในป่าลึกและเจอพายุฝน จนป่วยติดอยู่ในป่าลึกคนเดียว นานเกือบเดือนกว่าจะผอมแห้งกลับมาบ้านได้เอง เมื่อกลับมาบ้านได้แค่คืนเดียว เมียกะเหรี่ยงที่เคยอยู่ด้วยกันก็มามีเหตุต้องเสียชีวิตลงโดยกระทันหัน ตั้งแต่นั้นมาลุงจอร์เดจะเข้าป่าบ่อยขึ้นกว่าแต่ก่อนทุกๆคืนแรม ทั้งๆที่เมื่อก่อนจะเข้าป่าเดือนละครั้งเพื่อหาเนื้อเค็มมาเก็บไว้หรือหาเขา สัตว์ออกมาขาย และทุกครั้งจะเข้าไม่เกิน7 วัน แต่มาช่วงหลังๆจะหายเข้าไปครั้งละห้าถึงสิบวันทุกที และไม่ชวนพรานคนอื่นๆไปด้วยอย่างแต่ก่อนและแกไม่ยอมพูดอะไรมากกว่าที่ทุกคนเคยรู้
.
ลุงแกเคยเผลอพูดให้เพื่อนพรานฟังว่า เมื่อแกล้มป่วยและติดฝนอยู่ในถ้ำที่ป่าลึก แกคิดว่าจะไม่รอดแล้วเพราะหิวและหนาวไปทั้งตัวและไม่มีน้ำกินแม้แต่น้อย จึงได้พูดไปดังๆว่าหากนางไม้ตนใดช่วยแกให้หายป่วยและกลับบ้านได้ แกจะให้ทุกอย่างที่ต้องการ
.
แกเล่าว่า ด้วยพิษไข้จึงหลับแบบสลบไสลไม่รู้สึกตัวไปนาน แต่มารู้สึกตัวอีกทีแบบครึ่งหลับครึ่งตื่นว่า มีคนมาถอดเสื้อผ้าให้และเช็ดตัวให้ เอาน้ำให้กิน เอาหัวแกนอนหนุนตัก จนรุ่งเช้าของวันใหม่ แกจึงได้ฟื้นไข้และได้สติขึ้นมา พบว่าเสื้อผ้าได้ถูกซักใหม่เอี่ยมและมีผลไม้ป่าและกล้วย วางไว้พร้อมกระติกน้ำของแกที่มีน้ำอยู่เต็มปรี่ ด้วยความหิวแกจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกว่า รีบจัดการผลไม้ทั้งหมดทันทีในเวลาเพียงชั่วครู่ และจะเตรียมตัวลงจากถ้ำเพื่อกลับหมู่บ้าน
.
แต่แกหาปืนแก๊ปและย่ามคู่ชีพไม่พบ ว่าไปตกอยู่ตรงใหนของถ้ำที่แกมานอนหลบพายุฝนอยู่นี้ เมื่อไม่เจอของสำคัญที่มีค่าสำหรับชีวิตพรานบ้านป่า แกจึงได้วนเวียนหาในป่าใกล้ๆทั้งวันและจนพลบค่ำไปอย่างรวดเร็ว แกอยากก่อไฟกันหนาว แต่ไม่มีอะไรสักอย่าง จะตัดไม่ไผ่มาปั่นแบบชาวพรานป่าก็ไม่มีอุปกรณ์และไม้ไผ่ก็ชื้นจากฝนที่ตกมา ทุกวัน จึงนอนพักเอาแรงอีกคืนโดยคิดว่าจะกลับลงไปหมู่บ้านแล้วในเช้ารุ่งขึ้น
.
แกหลับไปได้สักพักใหญ่ๆ ก็ได้ยินเสียงลมพายุพัดมาอย่างรุนแรง เสียงต้นไม้หักโครมครามอย่างน่ากลัว ดังเป็นช่องมาทางถ้ำที่นอนหลบอยู่ และในความมืดของค่ำคืนในป่าลึกที่แสนเหงาและเงียบวังเวงนั้น ได้มีร่างอ้อนแอ้นสวยงามของผู้หญิงสาวนางหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากแกเท่าไรนัก แต่มองไม่เห็นหน้าถนัด โดยหญิงนางนี้ได้เอากล้วยและผลไม้ป่ามาให้แก พร้อมทั้งนั่งคุยด้วยโดยลุงแกเองก็รู้แล้วว่าที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่คน แน่นอน แต่ด้วยความคร่ำหวอดในป่ามานานและมีวิชาดีจึงไม่กลัวอะไรนัก
.
หญิงสาวนางนั้นได้เอ่ยปากทวงสัญญากับแกว่า จะมาขอรับสิ่งที่แกสัญญาไว้ว่าจะให้ทุกอย่าง ลุงจอร์เดก็สงสัยว่าจะเอาอะไรหรือและตอนนี้แกยังไม่มีอะไรเลย ต้องกลับไปบ้านเสียก่อนและจะทำให้อย่างที่ต้องการ แต่หญิงนางนั้นกลับต้องการเฉพาะรสชาดของโลกีย์จากลุงจอร์เดเท่านั้น เมื่อลุงแกแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยเพราะจะเป็นการทำผิดในป่าแล้ว ยังจะมีเหตุการณ์อื่นๆที่ไม่ดีกับครอบครัวแกตามมาอีกมาก ตามที่แกเคยรู้เช่นกัน
.
หญิงสาวคนนั้นไม่พูดอะไร นอกจากลุกขึ้นและถอดเสื้อผ้าออกจนหมดสิ้น แต่ยืนอยู่เฉยๆไม่เข้ามาใกล้ลุงที่นั่งนิ่งอยู่บนพื้นหินในถ้ำ และชั่วครู่หนึ่งผู้หญิงคนนั้นก็เอาดอกไม้ออกมาจากมุมมืดและขยี้อย่างแรงจน ส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ ลุงจอร์เดขยับตัวไม่ได้เสียแล้วและเริ่มรู้สึกคึกคักตามอารมณ์ชายหนุ่มที่พบ หญิงสาวสวยที่ถูกใจในที่ลับตา หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ได้มีปฏิสัมพันกันฉันสามีภรรยาอย่างยินยอมพร้อมใจ ทั้งคู่ตลอดทั้งคืน
.
เช้ามาเมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นยอดไม้ ลุงแกไม่มีแม้แต่แรงจะลุกขึ้นมากินน้ำในกระติกข้างๆตัว แต่ได้พยายามจนสามารถฝืนลากสังขารมานั่งกินผลไม้และกล้วยได้บ้างเล็กน้อยจน พอมีแรง แต่ยังมึนหัวนึกหาทางกลับบ้านไม่ได้ จนได้เวลาผีตากผ้าอ้อมอีกครั้งในยามโพล้เพล้ แกจึงฝืนกายลุกนั่งทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในที่นี้ และตั้งใจจะกลับเข้าไปในหมู่บ้านให้ได้ในวันรุ่งขึ้นเพื่อพบหน้าลูกและเมีย ที่คงรอคอยมานานวันมากแล้ว
.
ค่ำคืนนั้นก็เป็นเช่นเดิม ที่หญิงนางนั้นได้ตักตวงเอาความสุขจากแกแบบทั้งคืนโดยไม่รู้จักเหนื่อยอ่อน และแกเองก็มีอารมณ์สมยอมไปด้วยโดยประหลาดใจ จนกระทั่งรุ่งเช้าไก่ป่าขันดังเจื้อยแจ้ว ลุงพยายามลุกขึ้นอย่างยากลำบากและรีบกินน้ำในกระติก นั่งพักจนพอมีแรงเดินสำรวจไปข้างๆถ้ำที่นอนอยู่ จึงพบย่ามและปืนของแกวางซุกอยู่ในซอกหินไม่ไกลจากที่แกนอนอยู่เท่าไรนัก
.
แกรวบรวมสติครั้งสุดท้ายและเรี่ยวแรงที่พอเหลืออยู่ฝืนลากสังขารออกมาจนพ้น ปากถ้ำที่นอนซมมานานหลายคืน เมื่อพ้นปากถ้ำมาแล้ว แกมีแรงขึ้นมาอย่างประหลาดอาจเนื่องมาจากพ้นเขตอำนาจอาคมของนางไม้ก็ได้ แกรีบเดินออกจากป่านั้นและหาทางเข้าหมู่บ้านทันที และได้ถึงบ้านในเวลาเย็นของวันนั้น แกรู้ดีว่าจะต้องมีเหตุอันตรายเกิดกับแกและครอบครัวตามมาอีกแน่นอน จึงได้เตรียมตัวรอรับเหตุร้ายในบ้านของแกโดยปิดประตูหน้าต่างหมดทุกบาน
แกรอต้อนรับนางไม้จนครึ่งคืน จนพระจันทร์ลับเหลี่ยมฟ้าไปแล้ว แกได้เผลอหลับไปจากความเหนื่อยอ่อนที่ไม่ได้พักผ่อนมาหลายคืน จนสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงดิ้นโครมครามในห้องที่เมียชาวกะเหรี่ยงนอนอยู่ กับลูกชาย แกกระโดดถีบพังประตูห้องนอนเข้าไปทันที และต้องนั่งร้องให้อยู่ตรงนั้น เพราะเมียที่น่าสงสารและไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยนอนลิ้นจุกปากตาถลนเสีย ชีวิตไปแล้วอย่างน่าอนาถใจ และลูกชายสิบกว่าขวบก็ยังนอนหลับไม่รู้สึกตัวอยู่ข้างๆแม่ที่ไร้ชีวิต และเรียกเท่าไรก็ไม่รู้สึกตัว
.
แกรู้ดีว่านางไม้ตนนั้นได้ตามมาอาละวาดแล้ว หากแกอยู่กับนางไม้ตนนั้นครบสามราตรีเมื่อไร แกจะต้องเสียชีวิตที่บนถ้ำในป่าลึกอย่างแน่นอน ยังดีที่แกฝืนสังขารและรีบกลับลงมาได้ แต่เมียที่น่าสงสารและไม่ข้องเกี่ยวอะไรด้วยกลับต้องมารับเคราะห์แทน ทุกวันนี้แกไม่เข้าไปป่านั้นอีกเลย แต่จะไปป่าอื่นๆที่ไกลออกไปอีก และทำให้ต้องใช้เวลานานมากขึ้นในการไปแต่ละครั้ง แม้ผมจะจ้างแกด้วยเงินค่าจ้างถึงวันละ1000.บาทเพื่อเข้าสำรวจแร่หายากต่างๆ ซึ่งนับว่าสูงมากสำหรับพรานกะเหรี่ยงในป่าลึก ค่าของเงินจำนวนนี้จะมีค่าเทียบได้ประมาณเงินหนึ่งหมื่นบาทต่อวันในเมือง หลวง แต่แกปฏิเสธและไม่สนใจใยดีทั้งสิ้น แต่หากเป็นป่าอื่นๆแกยินดีพาไปและเอาค่าจ้างไม่ถึงด้วยซ้ำไป แต่แกยังได้พบกับนางไม้อื่นๆอีกหรือไม่ ยังเป็นที่สงสัยของหลายๆคนในหมู่บ้าน
.
เมื่อผมขอดูว่าแกใช้อะไรมีเพศสัมพันธ์กับหญิงในราตรีบนถ้ำบนเขาและมีอะไร เกิดขึ้นบ้างกับตัวของแก ฝรั่งนักสำรวจเองเมื่อแปลให้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้นบ้างแล้ว ต่างก็ ทึ่ง อึ่ง เสียวและใคร่อยากรู้ ลุงแก้กางเกงให้เราดูพยานวัตถุที่แกได้ติดตัวไว้เป็นที่ระลึก เมื่อเราได้เห็นแล้ว เราทุกคนหนีบขาเข้าหากันในทันทีทุกคน....นางไม้หิวกามยังมีในป่าจริงๆ เสียดายที่บำเพ็ญบารมีมานานแต่มาตบะแตกเพราะโลกีย์ที่ผิดปกติแบบนี้ ลุงจอร์เดยังมีชีวิตอยู่ในหมู่บ้านแม่พระคี่ แดนกะเหรี่ยงเคเอ็นยู และทุกปีผมยังได้เจอลุงเสมอ ลุงยิ้มเก่ง อารมณ์ดี มีเรื่องเล่าแปลกๆมากมาย เล่าทั้งปีก็ไม่หมดโดยเฉพาะเรื่องสัตว์ที่มีวิญญาณสิงสู่ ยิงไม่ตาย หาไม่เจอแม้ว่าจะเห็นเดินผ่านหน้าไปเดี๋ยวนี้เอง แกเจอมาหลายครั้งจนเป็นเรื่องธรรมดาของแกไปแล้ว
****************************************************
เรื่องบ่วงนาคบาศก์ ที่ว่าเป็นมหาโภคทรัพย์อย่างสูง เรียกทรัพย์เข้าบ้าน คนกะเหรี่ยงทำห้าวันก็ได้แล้วครับ ทำจากงูจริงๆและแห้งไม่มีกลิ่นเสียด้วย เขาเอางูมาตัดหางออกเสียส่วนหนึ่ง เอาปลายด้านที่ตัดออกยัดใส่ปากของตัวมันเอง เป็นเหมือนมันหิวและกินหางตัวเอง แล้วเขาก็เย็บปากมันติดกับหนังของมันที่มันกินเข้าไป ทำแนบเนียนมากและเอาไปรมควันไม้ อบด้วยยางไม้อะไรไม่รู้ จนเก่าแห้งน่าเชื่อว่ามันเป็นของธรรมชาติจริงๆ คนไทยเสียเงินไปมากแล้วกับของแบบนี้ เชื่อมากเสาะหามาก ก็โดนมาก
.
นาคบาศก์นี้ จะต้องพบด้วยตนเอง เห็นกับตาตนเองว่ากำลังกินหางจนนิ่งสนิท แล้วเขาจะแห้งไปเอง ไม่เน่า นั่นแหละ..ของพญานาคให้มาจริงๆ ประเภทไปหาซื้อเอาน่ะ .. ของฝีมือ****************************************************
-เหรียญเมตตา แขวนเมื่อต้องการผลทางเมตตา ความร่มเย็น และแคล้วคลาดเหรียญนี้สำเร็จด้วยอำนาจจิตล้วนๆ ไม่มีพลังจากอาคมใดๆแฝงทั้งสิ้น
-เหรียญจตุรพิธ ลพ.กวย แขวนเมื่อต้องการความคุ้มครองป้องกันเป็นหลัก ตามมาด้วยเมตตา เป็นอำนาจจิตบวกอาคม
-เหรียญนารายณ์ ลป.หมุน เป็นพระเครื่องที่ใช้คุ้มครองและทางอธิษฐานได้ดีครับ
****************************************************
.
นาคบาศก์นี้ จะต้องพบด้วยตนเอง เห็นกับตาตนเองว่ากำลังกินหางจนนิ่งสนิท แล้วเขาจะแห้งไปเอง ไม่เน่า นั่นแหละ..ของพญานาคให้มาจริงๆ ประเภทไปหาซื้อเอาน่ะ .. ของฝีมือ****************************************************
เครดิต
- พี่หนุ่มเมืองแกลง .... ถามมา ก็ตอบไป
-------------------------------------------------------
ถาม
- ผมเป็นคนหนึ่งซึ่งหวังจะพึ่งพาพุทธคุณขององค์พระเครื่องที่เราบูชาและศรัทธา
ปกติผมเป็นคนชอบแขวนพระเวลาไปไหนมาไหนตลอด เหรียญที่แขวนประจำกายก็มี
1.เหรียญนารายณ์ทรงครุฑของหลวงปู่หมุน
2.เหรียญจตุรพิธพรชัยของหลวงพ่อกวย
3.เหรียญเมตตาของหลวงปู่สิมนี่แหละครับ
ผมศึกษาจากการอ่านบทความของพี่หนุ่ม
จึงเลือกที่จะแขวนเดี่ยวบ้าง (เพราะอาจเห็นผลที่เร็วกว่า)
เพิ่งเริ่มจะคิดมาแขวนเดี่ยวตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จึงอยากจะขอคำแนะนำจากพี่หนุ่มเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ตนเองในการบูชาพระที่แขวนอยู่ครับ
ขอขอบคุณมา ณ.ที่นี้ด้วยครับ
.....................................................................
ตอบ
- ผมแนะนำให้แขวนเดี่ยวเลยครับ ใจแน่วแน่และนิ่งกว่าแขวนเป็นเพื่อนหลายๆองค์ ต้องลองทำเองถึงจะรู้เอง
-เหรียญเมตตา แขวนเมื่อต้องการผลทางเมตตา ความร่มเย็น และแคล้วคลาดเหรียญนี้สำเร็จด้วยอำนาจจิตล้วนๆ ไม่มีพลังจากอาคมใดๆแฝงทั้งสิ้น
-เหรียญจตุรพิธ ลพ.กวย แขวนเมื่อต้องการความคุ้มครองป้องกันเป็นหลัก ตามมาด้วยเมตตา เป็นอำนาจจิตบวกอาคม
-เหรียญนารายณ์ ลป.หมุน เป็นพระเครื่องที่ใช้คุ้มครองและทางอธิษฐานได้ดีครับ
.
การจะเชื่อมต่อกระแสพลังพุทธคุณ
อิทธิคุณของพระเครื่องกับพลังศรัทธาจากจิตของผู้ใช้
มีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายทั้งจากวิธีปลุกเสก ต้นสายวิชา หรือวิธีการใช้
จนต่อเนื่องไปถึงการหาพระดีๆสักองค์มาคู่กาย
ตัวอย่างเช่นหากเรามีศรัทธาในยันต์เกราะเพชร หรือสามารถร่ายคาถาได้
ควรหาพระเครื่องในสายนี้มาแขวนคอดู เช่นพระดินเผา ลพ.ปาน บางนมโค ของ ลพ.ฤาษี
วัดท่าซุงและพระเครื่องอื่นในสายนี้
การไหลลื่นของกระแสจิตกับพลังงานพิเศษจะเป็นไปได้ดียิ่งและไม่สะดุด เป็นการหนุนกันโดยมีวัตถุชิ้นเล็กๆเป็นสวิทซ์สื่อให้เชื่อมต่อกัน
บางครั้งจะมีสิ่งบ่งชี้ให้เราพบเองว่า สิ่งที่อธิบายด้วยเหตุผลไม่ได้มีจริงๆ พบเอง
เจอเองแล้วจะเชื่อเอง
.
หรือใครท่องคาถาชินบัญชรได้ไหลลื่นจนวนเวียนอยู่ในใจตลอดเวลา
ลองมีพระสมเด็จแท้ๆอาจไม่ใช่วัดระฆังของสมเด็จโตก็ยังได้
ขอให้เป็นพระเครื่องแท้ที่มีการสืบทอดมาจากต้นสายของสมเด็จโตก็พอ
จะพบว่าได้ผลเป็นอัศจรรย์และชัดเจนกว่า เอามาแขวนโดยมีศรัทธานับถืออย่างเดียว
ลองค่อยๆพิจารณาดูแล้วมองย้อนกลับมาที่ตัวเองนะครับว่าเราจับจุดการบูชาพระถูกต้องถึงขีดสูงสุดในสิ่งที่พระเกจิท่านฝากไว้ในวัตถุเล็กๆชิ้นนั้นหรือยัง
แล้วจะมีความสุขในการแขวนพระด้วยตัวเราเอง
แล้วจากกะพี้ต่อไปจะเข้าแก่นโดยอัตโนมัติ
.
หลายคนไม่เชื่อดวง
ไม่แขวนพระเครื่อง ดูถูกคนเช่าพระเครื่อง
บางคนพูดว่าแขวนพระดียังไงก็หนีกรรมไม่พ้น แม้ผู้เสกผู้สร้างยังต้องตายเลย
ฝรั่งไม่แขวนพระยังรวยเอาๆ แต่เชื่อเถอะ ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต 90% ล้วนมีสิ่งยึดเหนี่ยวและระลึกถึงเพื่อเป็นกำลังใจ
อาจไม่ใช่พระเครื่องหรือเครื่องรางเสมอไป แก้วที่คว่ำกลางสายฝน
ย่อมไม่อาจเต็มเช่นเดียวกับคนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ต่อให้คลุกคลีอยู่กับปราชญ์ทุกวัน
ก็ยังคงรู้น้อยเท่าเดิม
.
การคิดแทนคนอื่น
เป็นการคิดที่เหนื่อยที่สุด เมื่อสมองเรามีพื้นที่จำกัด โปรดใช้จดจำแต่สิ่งที่ดี
การเสาะหาพระเครื่องมาคู่กาย ไม่จำเป็นต้องหาที่เขาว่าดีที่สุด
แต่ให้หาแบบที่เอามาแขวนแล้วได้สิ่งดีที่สุด