พระสกุลวังฯ

บทความที่ผมเขียนเองนี้ ขอท่านผู้อ่านพิจารณาด้วยสติปัญญาของท่านเองนะครับ
**************************************

แล้วแต่จะพิจารณากันครับ

...................................................
เอวังแล้วครับ ..พระกรุวัดพระแก้ว ไม่มีจริงครับ

เมื่อวันเสาร์ที่ 20 ม.ค.2561 ผมได้ไปค้นคว้าเพิ่มเติมจากเอกสารราชการฉบับหนึ่ง ซึ่งจัดพิมพ์โดยกรมศิลปากร และนับเป็นเอกสารที่น่าเชื่อถือที่สุด เอกสารนั้นคือ

“รายงาน - สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงตรวจการปฏิสังขารณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระบรมมหาราชวัง” โดยพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปทั้งหมด 28 ครั้ง แต่ละครั้ง ทางราชการได้บันทึก “พระราชบัญชา” โปรดให้กรมศิลปากรดำเนินการอย่างไรกับส่วนใดบ้าง

ผมได้ติดตามอ่านและถ่ายภาพในหนังสือรายงานสมเด็จพระเทพฯ โดยเน้นไปตรงจุดที่มีเรื่องเล่าเป็นนิยายกันว่าพระกรุวัดพระแก้วนั้น..  ได้มาจากวัดพระแก้ววังหลวง (หรือวัดพระศรีรัตนศาสดารามในปัจจุบัน) เช่น เพดานโบสถ์วัดพระแก้ว  กรุเจดีย์ทอง  เป็นต้น จากประวัติที่ทราบมามีการแตกกรุประมาปี 2523 คนงานที่ไปซ่อมแซมวัดพระแก้วได้ลอบนำออกมาจำหน่ายแถวตลาดพระท่าพระจันทร์  และกระจายไปต่างจังหวัด

สมัยแรกๆ ที่เริ่มศึกษา ผมก็เชื่อซะดิบดี  แต่ผมโง่เพราะฟังเรื่องเขาข้างเดียวและเขาแต่งเรื่องได้สอดคล้องกับประวัติศาสตร์ แต่ในที่สุดผมได้พบหลักฐานเอกสารเล่มนี้ที่ชัดเจนว่า เพดานโบสถ์วัดพระแก้ว และกรุเจดีย์ทองนั้น ไม่ได้มีการแตกกรุ แต่อย่างใด

โปรดดูภาพที่ผมถ่ายจากรายงานของกรมศิลปากรที่ถวายรายงานสมเด็จพระเทพฯ ซึ่งผมจะตีกรอบไว้ตรง พระอุโบสถ – ซึ่งไม่มีรายงานการแตกกรุ หรือค้นพบพระพิมพ์
, ส่วนเจดีย์ทอง ก็ไม่ได้มีการบูรณะอะไรภายในเจดีย์ ไม่มีรายงานแตกกรุ มีแต่งานบูรณะภายนอกเจดีย์เท่านั้น ดูภาพแต่ละช่วงที่กรมศิลป์ฯ รายงานให้สมเด็จพระเทพฯ ทรงทราบถึง 13 ครั้งที่พระองค์ไปทรงตรวจงาน

ส่วนตรงเจดีย์ทองที่นักแต่งเรื่องบอกว่า คนงานเข้าไปขุดในเจดีย์และพบพระพิมพ์ประดับเพชรพลอยจำนวนมาก แล้วมีทหารมาขนออกไปเป็นคันรถนั้น เป็นการแต่งเรื่องให้น่าเชื่อถือ เพราะอ้างทหารแล้วก็จะตามต่อลำบาก  แต่จากเอกสารราชการนี้ เจดีย์ทองมีเพียงการบูรณะปฏิสังขรณ์ภายนอกเท่านั้น

อีกประการหนึ่ง... เจ้าหน้าที่ระดับอธิบดีฯ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะไม่รู้เลยหรือว่า การปฏิบัติงานของช่างและคนงานต่างๆ ในพระบรมมหาราชวังนั้น จะต้องคัดกรองและป้องกันอย่างเข้มงวด มีหรือที่จะปฏิบัติราชการเลินเล่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดนำสิ่งของจากวังหลวงออกไปได้ เพราะมีการตรวจตราและสมเด็จพระเทพก็ทรงรับสั่งให้เก็บรักษาสิ่งที่รื้อออกมาส่งกลับสำนักพระราชวังและจะได้ไปเก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์ต่อไป

ตรรกะง่ายๆ ที่ให้เราพิจารณาก็คือ .. ถ้าพระประดับเพชรพลอยที่ขายกันเกลื่อนทั้งท่าพระจันทร์ ในเว็ป ถ้าเป็นของในวังหลวงจริงแล้ว มีหรือที่ทางราชการหรือสำนักพระราชวังจะไม่ดำเนินการแจ้งความและให้ตำรวจติดตามกลับคืนมา เพราะนั่นคือสมบัติของแผ่นดิน เป็นสิ่งที่ถูกยักยอกขโมยไปจากวังหลวง .. ที่ทางราชการไม่ทำอะไรก็เพราะทราบดีว่าพระพิมพ์ประดับเพชรพลอยอะไรนั่นเป็นเรื่องเท็จ

เอวัง.. ก็มีด้วยประการฉะนี้ ส่วนท่านใดยังเคลิ้มว่ามีวาสนาได้ครอบครอง ก็แล้วแต่..เอาที่ชอบและสบายใจครับ ผมไม่เอาด้วย

















-------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่อง... พระวังหน้าที่ขายๆ กันอยู่นั้น ด้วยศรัทธา จึงต้องหาความจริง แล้วก็พบว่า "ไม่มีจริงๆ"
--------------------------------------------------------------------------------------------
จากภาพ..(ผมไปถ่ายมาเอง เมื่อ 7 พ.ค. 2559) พระพุทธรูป, เครื่องทองและอื่นๆ ที่ค้นพบที่วัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์จะแสดงพระพุทธรูปต่างๆ ที่สร้างด้วยทองคำหรือพระพุทธรูปที่แกะจากหินแก้วสีต่างๆ เท่านั้น... (แสดงในอาคาร 504 พระที่นั่งวายุสถานอมเรศ) ไม่มีพระพิมพ์อื่นๆ ที่มีกล่าวกันว่าสร้างที่วังหน้ามาแสดงเลยสักองค์ ไม่ว่าจะเป็นพระปัญจสิริ พระสัตตสิริ โรยผงทอง ติดเพชร ติดพลอย หรือ พระหลวงปู่เทพโลกอุดรกรุเก่า หรือกรุใหม่ ไม่มีแสดงไว้เลยสักองค์





จะว่ามีการขนย้ายสิ่งของทั้งหมดรวมพระพิมพ์ต่างๆจากวังหน้าไปวังหลวงเมื่อปีพ.ศ. 2428 (หลังจากที่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญเสด็จสวรรคต และยุบตำแหน่งวังหน้า) แต่ก็มีหลักฐานว่าไม่ได้ขนย้ายไปทั้งหมด ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ว่าพระทองคำ และพระแก้วหินสีสูงค่านั้นไม่ได้ถูกย้ายไปวังหลวงด้วย แล้วจะเป็นไปได้หรือที่พระพิมพ์ที่สร้างจากปูนเพชรจะถูกขนไปวังหลวงหมด แล้วทิ้งพระทองคำและพระแก้วหินสีไว้
.
คราวหน้า..ผมจะตรงเข้าห้องสมุดของพิพิธภัณฑ์ จะไปถามบรรณารักษ์ในเรื่องพระเครื่องหรือพระพิมพ์ที่พบในวังหน้าว่ามีการบันทึกไว้หรือไม่ที่นอกเหนือจากที่แสดงไว้ในอาคาร 504 ดังกล่าวข้างต้น
.
ถ้ามีการค้นพบหรือขุดค้นพบ นักประวัติศาสตร์หรือนักโบราณคดีจะต้องทำบันทึกไว้อย่างแน่นอน.. ขนาดพระทองคำและพระแก้วที่แกะจากหินสีต่างๆ นั้น ยังมีแสดงในพิพิธภัณฑ์และระบุชัดว่ามาจากวัดพระแก้ววังหน้า ซึ่งแน่ล่ะ ทุกชิ้นจะต้องถูกขึ้นทะเบียนไว้กับพิพิธภัณฑ์แล้ว
.
และที่กล่าวกันต่อๆ มาว่า มีการค้นพบพระพิมพ์นับแสนนับล้านองค์ช่วงบูรณะวัดพระแก้ว และวังหน้าเมื่อปีพ.ศ. 2523-2525 นั้น จะไม่มีสักองค์เชียวหรือที่ได้มาตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์ จะถูกคนงานขโมยเรียบออกไปขายหมดทุกองค์เลยหรือ
.
ขอเวลาไปค้นคว้าในห้องสมุดของพิพิธภัณฑ์ให้ได้หลักฐานชัดเจนเสียก่อนครับ ... ถ้าผมไปค้นใน Search engine ต่างๆ ก็จะได้แต่บทความที่ลอกกันไปๆ มาๆ เนื้อหาเดิมๆ ไม่มีอะไรใหม่ และไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงได้
.
ที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะผมศรัทธา "พระวังหน้า" และ "พระหลวงปู่เทพโลกอุดรวังหน้า" ครับ เพราะศรัทธา จึงต้องหาความจริงครับ
-------------------------------------
จบเสียที พระวังหน้ากรุพระธาตุพนม
วันนี้ 24/6/2559 เป็นวันหยุดของผม.. ได้ไปห้องสมุดของพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร (วังหน้า) พบบรรณารักษ์ถามถึงเรื่องที่เกี่ยวกับวังหน้า อาทิ พระเครื่องที่ขุดค้นพบ พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าที่ว่าแตกกรุออกมาเป็นล้านองค์ พระกรุโลกอุดรที่สร้างวังหน้าและมีการแตกกรุออกมา (เห็นบรรณารักษ์ทำหน้าตื่นๆ เหมือนกับว่า "มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ)
.
บรรณารักษ์ท่านก็ใจดี พยายามหาหนังสือที่เป็นหนังสือของทางราชการที่พิมพ์และชำระตรวจทานโดยกรมศิลปากรแล้วมาให้อ่านรวม 10 กว่าเล่ม และหนังสือของนักนิยมพระเครื่องพิมพ์ปี 2502 ซึ่งเขียนถึงพระวังหน้า แต่ผมไม่ขอนับหนังสือที่เขียนโดยนักนิยมพระแต่งขึ้นมาอ้างอิง เพราะเป็นเอกชน ไม่ใช่เอกสารราชการ
.
ถึงเวลานี้... พระวังหน้าที่มีจริงๆ ที่ทางกรมศิลปากรได้บันทึกไว้ก็คือพระโคนสมอ ส่วนพระอื่นๆ .... "ไ ม่ มี " (พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าวังหน้า พระปัญจสิริ พระสัตตสิริ พระกรุโลกอุดร พระกรุธาตุพนมวังหน้า...ไม่มีบันทึกครับ)
.
มีการขุดค้นอยู่ช่วงหนึ่งไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ก็ไม่พบพระเครื่อง พระพิมพ์ แต่อย่างใด เจอแต่ปืนใหญ่ กระสุนปืนใหญ่ ซากเรือ ภาชนะดินเผา เหรียญกษาปน์
.
ผมถามเรื่องการบูรณะวังหลวงเพื่อหาหนังสืออ้างอิงที่ว่ามีการนำพระออกไปเป็นจำนวนมากและมีการตามกลับคืนมาบรรจุที่เดิม ...

ซ้าย - พระธาตุพนมก่อนล้มปี 2518
ขวา - รูปอุปโลกน์โดยนำรูปพระธาตุพนมหลังบูรณะปี 2518 แล้วมาเติมในภาพ
ซ้าย - ผมถ่ายภาพนี้จากหนังสือของกรมศิลปากร (ห้องสมุดพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ)
ขวา - ภาพอุปโลกน์ที่ผมนำมาจากในเว็บขายพระแห่งหนึ่ง


ที่กรมศิลปากรบันทึก มีแต่พระโคนสมอเท่านั้นที่พบในวังหน้าจริงๆ 
บรรณารักษ์แนะนำให้ผมไปค้นหาที่ห้องสมุดของสำนักโบราณคดี.. ให้ลองหาบันทึกข้อความของทางราชการที่เกียวกับการค้นพบวัตถุโบราณหรือพระเครื่องของวังหลวงในยุค 2523-2525...ถ้ามีการรับพระคืนมาจากการขโมยออกไป จะต้องมีการบันทึกไว้... ซึ่งผมจะหาเวลาไปหาข้อมูลครับ ก็ลุ้นต่อไปว่าจะเจอข้อมูลหรือไม่
.
สรุปเรื่องพระวังหน้า .... ผมจะขอห้อยพระที่ผมทราบประวัติการสร้างการเสกอย่างแน่นอนชัดเจนดีกว่า
.
มีแต่พระโคนสมอเท่านั้นที่เจอในเพดานพระอุโบสถวังหน้า... ผมแนบภาพในหนังสือของกรมศิลป์ฯ มาให้ชม ส่วนเรื่องอื่นๆ ไปค้นหนังสือตามที่ผมถ่ายภาพมาให้นี่แหละครับ ไปเห็นกับตาตัวเองจะดีที่สุด เดี๋ยวจะหาว่า Make เรื่องขึ้นมา
.
ผมเห็นแล้วครับ... ชัดเจนดี ..ขอจบเรื่องพระวังหน้า พระกรุธาตุพนมวังหน้า และพระกรุโลกอุดรวังหน้านะครับว่า "ไม่มี"
---------------------------------------------------------------------


- ควรสะสมอย่างมีสติ คิดให้รอบคอบ
- มีน้ำยาแต่งของให้ดูเก่า ท่าพระจันทร์มีขาย ใครอยากได้จะพาไปซื้อ
- การตรวจพบพลังอิทธิคุณได้ ไม่ใช่เรื่องที่มายืนยันว่าสมเด็จฯ โตท่านเสก
- ลองไปเดินท่าพระจันทร์ ตรอกสนามพระ และทุกตรอกเถอะ พระประดับเพชรพลอยมีขายนับสิบร้าน
- วังหลวงอยู่ใกล้ๆ ท่าพระจันทร์ ถ้ามีของแท้ๆหลุดมาจริง ไม่มาวางขายในตลาดพระหรอกครับ... ผู้ซื้อระดับ Hi End มีแน่นอน ไม่มาถึงเราหรอก
- พระประดับเพชรพลอย ถ้าเป็นของวังหลวงจริง ป่านนี้ทางราชการต้องจัดการตามเก็บหมดครับ
- เงินท่านแท้.. ของที่บูชามาต้องแท้ด้วย
- สุดท้าย เห็นภาพแบบนี้แล้วก็ต้องทำใจ ถ้าพลาดไปแล้ว
ภาพประกอบ - ผมค้นจากในกูเกิลครับ (พิมพ์คำว่า สนามพระท่าพระจันทร์)






***************************************************
หากท่านผู้อ่านลองค้นประวัติพระรอด (ค้นจาก Search engine ไหนก็ได้) จะมีข้อมูลตรงกันว่า ค้นพบครั้งแรกปี พ.ศ. 2435
.
ถ้าท่านไปเจอใครบอกขายพระรอดกรุวังต่างๆ ว่า...สร้างปี พ.ศ. 2411 หรือก่อนปี 2435 ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะผู้สร้างยุคนั้นจะไปเอาแบบพระมาจากไหน พิจารณาดีๆ กันครับ
------------------------------------------------
ประวัติ พระรอด กรุวัดมหาวัน จ.ลำพูน
------------------------------------------------
พระรอด เป็นนามที่ผู้สันทัดรุ่นก่อนเชื่อกันว่า เรียกตามนามพระฤาษีผู้สร้างคือ พระฤาษี “นารทะ” หรือพระฤาษี “นารอด” พระรอดคงเรียกตามนามพุทธรูป ศิลา องค์ที่ประดิษฐ์อยู่ในวิหาร วัดมหาวันที่ชาวบ้านเรียกว่า “แม่พระรอด” หรือ พระ “รอดหลวง” ในตำนานว่า คือ พระพุทธ สิขีปฏิมา ที่พระนามจามเทวี อันเชิญมาจากกรุงละโว้ พระนามนี้เรียกกันมาก่อนที่จะพบพระรอดพระพุทธรูปองค์นี้ ที่พื้นผนังมีกลุ่มโพธิ์ใบคล้ายรัศมี ปรากฏด้านข้างทั้งสองด้าน
พระรอด มีการขุดพบครั้งแรกราวต้นรัชกาลที่ 5 แต่ที่สืบทราบมาได้จากการบันทึกไว้ ของท่านอธิการทา เจ้าอาวาสวัดพระคงฤาษีในขณะนั้น และอาจารย์บุญธรรม วัดพระมหาธาตุหริภุญไชย ว่าในปี พ.ศ. 2435 พระเจดีย์วัดมหาวันได้ชำรุดและพังทลายลงบางส่วน ในสมัยเจ้าหลวงเหมพินทุไพจิตร ทางวัดได้มีการปฏิสังขรณ์องค์พระเจดีย์ขึ้นใหม่ ในครั้งนั้นได้พบพระรอดภายในกรุเจดีย์มากที่สุด พระรอดมีลักษณะของผนังใบโพธิ์คล้ายพระศิลา ในพระวิหารวัดมหาวัน ผู้พบพระรอด ในครั้งนั้นคงเรียกตามนามพระรอดหลวง แต่นั้นมาก็ได้นำพระรอดส่วนหนึ่งที่พบในครั้งนี้ นำเข้าบรรจุไว้ในองค์พระเจดีย์ตามเดิม อีกประมาณหนึ่งบาตร

****************************************
พระพิมพ์ผงสุพรรณ แล้วมีการนำมาสร้างเป็นพระสกุลวังหน้าหรือวังหลวง ถ้าบอกว่าสร้างปี พ.ศ. 2411 ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้อีก เพราะพระผงสุพรรณขุดพบปี 2456 ถ้าสร้างปี 2411 จะนำแบบพระมาจากไหน พิจารณากันเองนะครับ ถ้าอ้างว่าสร้างเพื่อฉลองครองราชย์ของล้นเกล้า ร.5 ครบ 42 ปี ก็ไม่น่าใช่อีก เพราะพระองค์ขึ้นครองราชย์ 2411 และเสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2453
แต่ถ้าบอกว่าสร้าง เพื่องานขึ้นครองราชย์ของ ร. 6 พอฟังได้ครับ แต่ก็ต้องหาหลักฐานการสร้างให้ชัดเจน
-----------------------------------------------------------------------------------
พระผงสุพรรณได้ปรากฏหลักฐานว่าขุดพบที่พระปรางค์องค์ใหญ่ของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมื่อปี พ.ศ.2456 โดยท่านพระยาสุนทรบุรี เจ้าเมืองสุพรรณในขณะนั้นได้สั่งให้มีการเปิดกรุ อย่างเป็นทางการ เพราะปรากฏว่ามีคนร้ายลักลอบขุดพระปรางค์องค์ใหญ่ อยู่บ่อยครั้งซึ่งได้ พบพระบูชาและพระเครื่องมากมายหลายพิมพ์ แม้แต่พระทองคำก็มีไม่น้อย นอกจากนี้ยังพบแผ่นลานเงิน แผ่นลานทองซึ่งได้บันทึกจารหลักฐานไว้ทำให้ชนรุ่นหลังได้ทราบว่า ในปี พ.ศ.1890 สมเด็จพระบรมราชาธิบดีที่1 ทรงมีศรัทธาในพระบรมพุทธศาสนา ได้ทรงอัญเชิญพระมหาเถร- ปิยะทัสสีสารีบุตร ให้เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พระฤาษีทิวาลัยเป็นประธาน ฝ่ายฤาษี ร่วมกันสร้าง พระพุทธปฏิมากร เพื่อเป็นการสืบศาสนา พระผงสุพรรณเป็นพระเครื่องสกุลสูงเปรียบได้ว่าเป็นพระชั้นกษัตริย์ ของเมืองสุพรรณบุรี พุทธลักษณะเป็นพระสี่เหลี่ยมทรงชะลูดจนดูเกือบจะเป็น สามเหลี่ยมตัดปลาย มีบางองค์ถูกถูกตัดปลายออกสองด้านจนกลายเป็นห้าเหลี่ยมก็มี องค์พระนั่ง ปางมารวิชัยประทับบนฐานชั้นเดียวพระพักตร์แตกต่างกันออกไปตามพิมพ์ ด้านหลังปรากฏลาย นิ้วมือแบบ" ตัดหวาย "ทุกองค์ เป็นศิลปะแบบอู่ทอง

****************************************************
ได้อ่านบทความของพี่หนุ่มเมืองแกลง เรื่องพระกรุวังหน้าที่เป็นสากลนิยมดูนะครับ และผมก็ได้เห็นพิมพ์นี้อยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติด้วย ใครที่มีอยู่แล้วก็รักษาได้ดีนะครับ 



นี่คือพระกรุวังหน้าแบบมาตรฐานสากลจริงๆที่ทุกฝ่ายยอมรับว่ามีจริงและดีแน่นอน มีความนิยมมาตั้งแต่ครั้งก่อนที่เสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรฯได้ทำการทดลองยิงด้วยปืนพระราม5 ที่ถือว่าเป็นปืนล้างอาถรรพ์ได้ทุกชนิด แต่ไม่สามารถระเบิดปากกระบอกได้เลย จนเป็นต้นเหตุและแรงบันดาลใจให้ทรงสนใจเรื่องไสยเวทย์นับแต่นั้นมา พระกรุนี้ก่ออภินิหารเรื่องเหลือเชื่อมานานมากแล้วตั้งแต่สมัยสงครามโลก สงครามเกาหลี และมีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับพระกรุวังหน้า ก่อนที่ปัจจุบันนี้จะมีพระกรุวังหน้าแบบแปลกๆออกมาให้เห็นกัน สำหรับผมสนใจแต่พระวังหน้าแบบนี้เท่านั้น
.
พระกรุวังหน้าแบบมาตรฐานองค์นี้เป็นพิมพ์เศียรโล้น พิเศษที่เป็นพระเนื้อดำและที่พิเศษสุดตรงเป็นปางมารวิชัย ซึ่งโดยปกติทั่วไปจะพบแต่พิมพ์เศียรโล้นปางสมาธิทั้งเนื้อดำเนื้อแดงก็ตาม การปิดทองสมัยก่อนจะปิดทองลงในเบ้าแม่พิมพ์ก่อนกดเนื้อพระลงไป ไม่ใช่นำทองมาปิดภายหลังเมื่อกดพระออกมาแล้ว นำสืบจากพยานวัตถุได้ครับ และเป็นทริกการพิจารณาพระโบราณบางกรุได้เลยสำหรับพระที่ปิดทองเก่ามาเดิมๆ
------------------------------