ถ้าพระเครื่องรางไม่มีอะไรดีเลย แล้วทำไม... ในหลวงร.9 พระองค์จึงทรงรับเป็นองค์ประธานสร้างพระเครื่องเล่า ยิ่งพระ 25 พุทธศตวรรษนั้น พระองค์ทรงเป็นองค์ประธานเททอง และกดพิมพ์พระปฐมฤกษ์, ต่อมาก็ยังทรงสร้างพระเหรียญที่มีพระปรมาภิไธย ภปร. สก. สธ.ไว้หลังเหรียญ แล้วนิมนต์ให้หลวงปู่แหวน หลวงพ่อเกษม สมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อน และอีกพระอริยะอีกหลายองค์ได้อธิษฐานจิตพระเครื่องรางแจกทหาร ตำรวจ ประชาชนในยุคคอมมิวนิสต์เฟื่องฟูเพื่อปกป้องชีวิตและครอบครัว ในหลวงและพระบรมวงศานุวงศ์ท่านงมงายหรือ พระอริยะเหล่านั้นไม่รู้เลยหรือว่าพระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้อย่างไร

พระธรรมเป็นสิ่งแทนองค์พระพุทธเจ้า ไม่ใช่พระเครื่องหรือพระพุทธรูป นั่นถูกต้องเลยครับ แต่การห้อยพระเครื่องก็ไม่ได้เป็นสิ่งอุบาทว์ทำให้ชีวิตใครตกต่ำลง ซ้ำยังจะเป็นพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ กันไม่ให้บุคคลทำชั่วได้อีก ห้อยพระให้เป็นสิครับ อย่ามองด้วยอคติความสุดโต่งในการตีความไปข้างเดียว

การแปลความหมายในพระไตรปิฎกอย่างสุดโต่งจนกราบพระพุทธรูปไม่ได้ เพราะบอกว่าพระพุทธรูปสอนอะไรเราไม่ได้ แต่ผู้ที่มีปัญญาเขาไม่คิดสั้นเพียงแค่นั้นหรอก มิฉะนั้นประเทศไทยและประเทศอื่นที่มีพระพุทธศาสนาจะมีพระพุทธรูปสืบมา 2 พันกว่าปีได้หรือ

ใครที่ไม่ไหว้พระพุทธรูป ถ้าบังเอิญได้เข้าไปในโบสถ์วัดพระแก้ว หรือโบสถ์หลวงพ่อโสธร จะกล้าประกาศตัวเองตรงนั้นหรือไม่ว่าฉันไม่ไหว้พระแก้วมรกตหรอก ฉันไม่ไหว้หลวงพ่อโสธร เพราะสอนอะไรฉันไม่ได้ ก็คงได้แต่หุบปากไว้ ชิมิ... คิดว่าคงไม่กล้าเข้าวัดเข้าโบสถ์กราบพระประธาน รูปหล่อพระสงฆ์วัดไหนได้อีก

ตอนนี้อยู่ในเมืองที่ปลอดภัย อยู่ในสถานที่ปลอดภัยก็สามารถปากดีปากแจ๋วกันได้อยู่ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์กลียุค มีสงครามกลางเมืองเมื่อไหร่ หรือต้องตกไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา เช่นไปเจอไอ้เด็กเวรที่กราดยิงคนในพารากอนอีก, ไปเจอจ่าคลั่งฆ่านับสิบศพที่ห้างในโคราชอีก, ไปเจอไอ้ผอ.โรงเรียนที่ปล้นทองฆ่าคนในห้างที่ลพบุรีอีก หรือออกไปเที่ยวกลางคืนแล้วไปตกอยู่ในเหตุการณ์ที่เขายิงสู้ฆ่ากันแย่งหญิงหรือเหยียบตีนกันอีก หรือขับรถแล้วไปเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงอีก ฯลฯ ... ก็อย่าร้องระงมเรียกหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วยก็แล้วกัน  .. ผมขอแนะให้นำพระธรรมที่ทราบมา ให้ตั้งจิตไว้กับกายคือลมหายใจเข้าไว้ แล้วเวลามีดหรือดาบมันทิ่มแทงเข้ามา หรือลูกระเบิดมันตกอยู่ข้างหน้า หรือลูกปืนมันวิ่งเข้าทะลุตัว "ปุปุปุ" หรือรถกำลังพุ่งชนเสาไฟฟ้าหรือตกแม่น้ำ ก็จะได้นิพพานตรงนั้นเลย สาธุ 

.....

หมายเหตุ - ไม่ได้เชียร์ขายพระให้ใคร อยากได้แบบไหนก็หากันเอาเอง และถ้าคิดว่าแน่จริงแล้วก็ไปไหนต่อไหนคอเปล่า ๆ เลย

มีสาวกสายตรงเป๊ะบางกลุ่มประกาศว่า "พระธรรมเป็นสิ่งแทนองค์พระพุทธเจ้า ไม่ใช่พระพุทธรูปหรือพระเครื่องราง" นั้นถูกต้องครับ.. อ้างอิง - พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๐ สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค หน้าที่ ๑๒๓ ข้อที่ ๑๔๑ ซ้ำยังประกาศต่อไปอีกว่าจะไม่กราบพระพุทธรูป หรือห้อยพระเครื่องรางด้วย

แต่ทว่า... ก็ไม่มีพระสูตรใดที่พระองค์ทรงบัญญัติห้ามสร้างพระพุทธรูปหรือพระเครื่องรางฯ เพราะสิ่งใดที่ไม่ดีแล้ว พระพุทธองค์ทรงบัญญัติห้ามเป็นศีลของพระไว้เสมอ ไปค้นดูได้ในพระไตรปิฎก มีเป็นพัน ๆ ข้อ

การกราบพระพุทธรูป หรือการห้อยพระเครื่องรางนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตใครตกต่ำลง ซ้ำยังจะเป็นพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ป้องกันไม่ให้บุคคลนั้นทำชั่ว... อย่าพิจารณาด้วยความสุดโต่งในการตีความในพระสูตรไปข้างเดียวว่าพระพุทธรูปหรือพระเครื่องสอนอะไรเราไม่ได้ ผู้มีปัญญาจริง ๆ เขาไม่คิดสั้นเพียงแค่นั้นหรอกครับ

แม้แต่องค์พระมหากษัตริย์ฯ หรือสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ ก็ยังกราบพระพุทธรูป.. สงฆ์สาวกที่หลาย ๆ องค์ที่เราเชื่อว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ท่านก็กราบพระพุทธรูป และยังเมตตาอธิษฐานจิตพระเครื่องรางให้ศิษย์เอาไว้ระลึกถึง ดังนั้น.. เราต้องกราบพระพุทธรูปหรือพระเครื่องรางให้เป็นครับ .. กราบด้วยความระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธองค์ ระลึกถึงความเมตตากรุณาของพระสงฆ์สาวกที่เผยแผ่พระศาสนากันต่อ ๆ มา ... ไม่ใช่กราบพระฯ เพื่อการขอ, การบนบาน หรือบันดาลโชคให้ตามกิเลสของตัวเอง

สุดท้ายนี้ ... ใครจะไม่เข้าใจ หรือแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ หรือจะโชว์ออฟว่า ฉันเข้าถึงธรรมแล้ว ดังนั้นฉันจะไม่กราบพระพุทธรูปหรือห้อยพระเครื่องราง ... ความคิดเช่นนี้ก็ไม่ต่างกับคนที่บอกว่าตนเองไม่มีศาสนาหรอกครับ ... เมื่อถึงคราวอุกศลกรรมให้ผลหนัก ๆ ก็จงคุมตัวเองให้ดี ๆ อย่าสติแตกร้องหาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วยก็แล้วกันครับ ... เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้. ...

♦ อ้อ... มีมติมหาเถรสมาคมที่ 558/2567 ประกาศว่า ... พระพุทธปฏิมา ได้ชื่อว่าเป็น อุทิสสกเจดีย์ ซึ่งการกราบไหว้สถูปหรือเจดีย์ด้วยจิตใจที่ศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย เป็นเรื่องสมควรอย่างยิ่งของชาวพุทธทุกคน ..... เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้.