29 กันยายน 2567

♦ มีสาวกสายตรงเป๊ะบางกลุ่มประกาศว่า "พระธรรมเป็นสิ่งแทนองค์พระพุทธเจ้า ไม่ใช่พระพุทธรูปหรือพระเครื่องราง" นั้นถูกต้องครับ.. อ้างอิง - พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๐ สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค หน้าที่ ๑๒๓ ข้อที่ ๑๔๑ ซ้ำยังประกาศต่อไปอีกว่าจะไม่กราบพระพุทธรูป หรือห้อยพระเครื่องรางด้วย
♦ แต่ทว่า... ก็ไม่มีพระสูตรใดที่พระองค์ทรงบัญญัติห้ามสร้างพระพุทธรูปหรือพระเครื่องรางฯ เพราะสิ่งใดที่ไม่ดีแล้ว พระพุทธองค์ทรงบัญญัติห้ามเป็นศีลของพระไว้เสมอ ไปค้นดูได้ในพระไตรปิฎก มีเป็นพัน ๆ ข้อ
♦ การกราบพระพุทธรูป หรือการห้อยพระเครื่องรางนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตใครตกต่ำลง ซ้ำยังจะเป็นพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ป้องกันไม่ให้บุคคลนั้นทำชั่ว... อย่าพิจารณาด้วยความสุดโต่งในการตีความในพระสูตรไปข้างเดียวว่าพระพุทธรูปหรือพระเครื่องสอนอะไรเราไม่ได้ ผู้มีปัญญาจริง ๆ เขาไม่คิดสั้นเพียงแค่นั้นหรอกครับ
♦ แม้แต่องค์พระมหากษัตริย์ฯ หรือสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ ก็ยังกราบพระพุทธรูป.. สงฆ์สาวกที่หลาย ๆ องค์ที่เราเชื่อว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ท่านก็กราบพระพุทธรูป และยังเมตตาอธิษฐานจิตพระเครื่องรางให้ศิษย์เอาไว้ระลึกถึง ดังนั้น.. เราต้องกราบพระพุทธรูปหรือพระเครื่องรางให้เป็นครับ .. กราบด้วยความระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธองค์ ระลึกถึงความเมตตากรุณาของพระสงฆ์สาวกที่เผยแผ่พระศาสนากันต่อ ๆ มา ... ไม่ใช่กราบพระฯ เพื่อการขอ, การบนบาน หรือบันดาลโชคให้ตามกิเลสของตัวเอง
♦ สุดท้ายนี้ ... ใครจะไม่เข้าใจ หรือแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ หรือจะโชว์ออฟว่า ฉันเข้าถึงธรรมแล้ว ดังนั้นฉันจะไม่กราบพระพุทธรูปหรือห้อยพระเครื่องราง ... ความคิดเช่นนี้ก็ไม่ต่างกับคนที่บอกว่าตนเองไม่มีศาสนาหรอกครับ ... เมื่อถึงคราวอุกศลกรรมให้ผลหนัก ๆ ก็จงคุมตัวเองให้ดี ๆ อย่าสติแตกร้องหาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วยก็แล้วกันครับ ... เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้. ...
♦ อ้อ... มีมติมหาเถรสมาคมที่ 558/2567 ประกาศว่า ... พระพุทธปฏิมา ได้ชื่อว่าเป็น อุทิสสกเจดีย์ ซึ่งการกราบไหว้สถูปหรือเจดีย์ด้วยจิตใจที่ศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย เป็นเรื่องสมควรอย่างยิ่งของชาวพุทธทุกคน ..... เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้.